บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 429 ยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้ายกาจอย่างวิปริต
จูนจิ่ว ซิงโล่เฉินกับหงยิงออกไปเร็วขนาดนั้น คงจะหาซื้อวัตถุดิบในเมืองเทียนซูไม่ได้แน่ แต่เจ้าอย่ากังวลไป พวกเราได้ส่งจดหมายให้อาจารย์แล้ว ให้อาจารย์ช่วยหาในเมืองจื่อเซียว จากนั้นให้ส่งมาโดยเร็วที่สุด”ฝู้หลินจ้านพูด
จี้อีหมิงพยักหน้างึกๆ “พี่สาววางใจได้ ท่านปู่ต้องหาวัตถุดิบได้เยอะแน่ๆ ”
“ข้าก็ได้บอกกับอาจารย์แล้วเหมือนกัน ไท่ชูกับจื่อเซียวรวมกัน น่าจะได้วัตถุดิบที่ต้องการครบ”มู่จิ่งหยวนพูด
ฝู้หลินซวงพยักหน้าให้จูนจิ่ว เขาไม่จำเป็นต้องพูด ท่าทีของเขาได้ตอบแทนไปแล้ว เสี่ยวอู่มองพวกเขา บอกในใจกับจูนจิ่วว่า ‘เจ้านาย พวกเขาสินะที่เรียกว่าเพื่อนที่ดี’
‘อืม ’จูนจิ่วยิ้มบางๆ
นางมองไปทางทุกคน ยิ้มบางๆออกมา “ขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยเหลือข้า แต่ว่าอย่ากังวลไปเลย วัตถุดิบข้ามีหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่กลับมานอนงีบจนตื่นหรอก”
“เจ้ามี ”ทุกคนพูดออกมาอย่างประหลาดใจ ทั้งตื่นตะลึงทั้งดีใจ
แม้คนที่ความสนใจไม่ได้อยู่ที่นี่ เข้าไปในห้องเพื่อจับตาโม่อู๋เยว่ที่ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนอย่างชิงหยู่ยังต้องหันหน้ากลับมามอง แต่ไม่ช้าชิงหยู่ก็ได้สติ ใช่แล้ว ศิษย์น้องมีช่องว่างอยู่นี่นา สมุนไพร หินทิพย์นางเก็บไว้ในนั้น ต้องไม่ขาดเหลือแน่นอน
แต่อย่างไรเสียชิงหยู่ก็ต้องถาม “ศิษย์น้องเจ้าแน่ใจนะว่าสมุนไพรที่ต้องใช้ในยาทั้งสิบชนิดที่ต่างกัน ล้วนมีครบ มีเพียงพอ ขาดเหลือนิดเดียวก็ไม่ได้”
“มีครบและเพียงพอ”
“แต่ว่าแล้ววัตถุดิบพวกนั้นอยู่ไหนกันเล่า ทำไมข้าจึงไม่เห็นพี่สาวพกสมุนไพรพวกนั้นติดตัวไว้เลย”จี้อีหมิงถามอย่างสงสัย
แต่เขาเพิ่งจะถามออกไปก็ถูกสายตาของฝู้หลินซวงห้ามเอาไว้ แม้จะเป็นคู่รักกัน แต่ต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ยิ่งถ้าเป็นเพื่อน ที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม อยากรู้มากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี
จูนจิ่วมองไปทางจี้อีหมิง “แน่นอนว่าไม่สามารถเอาสมุนไพรออกมาได้ ไม่เช่นนั้นถ้าหากพวกซิงโล่เฉินรู้ว่าข้าได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว คงต้องมาขโมยหรือไม่ก็เผามันทิ้ง”
“เช่นนั้นก็อย่าพูดเด็ดขาด ข้าไม่อยากรู้แล้ว ”จี้อีหมิงส่ายหน้าติดต่อกันหลายครั้ง
เจ้าอ้วนดูซื่อบื้อน่าแกล้งจริงๆ จูนจิ่วมุมปากโค้งขึ้น นางพูดต่อว่า “พวกเจ้าเพียงแค่นั่งรอข้ากลั่นยาออกมา หนึ่งเดือน ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น ”
ทุกคน ……
ต่างก็เงียบไป ไร้คำพูดใดๆ
พวกเขาไม่สงสัยในความมั่นใจของจูนจิ่ว เพียงแต่คิดว่าจูนจิ่วยิ่งอยู่ก็ยิ่งวิปริตเข้าไปกันใหญ่ ยาสิบเม็ดนี้ แม้แต่ปรมาจารย์กลั่นยายังกลั่นออกมาได้ไม่หมด แม้จะสามารถทำได้ ก็คงต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จูนจิ่ว นางกลับพูดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานนับเดือนขนาดนั้น
ปีศาจ วิปริต นางไม่ใช่คน
แล้วทุกคนต่างก็หวนคิดถึงตนเองที่เป็นถึงอัจฉริยะที่มีชื่อของสำนักศึกษาทั้งสาม ต่อหน้าจูนจิ่วกลับถูกทุบจนแตกสลายเป็นผุยผงนับครั้งไม่ถ้วน เจ็บที่ใจจริงๆ
พริบตาเดียวสามวันผ่านไปแล้ว ป้าฟางมารับจูนจิ่วด้วยตนเอง และที่มาด้วยยังมีซิงโล่เฉินกับหงยิง พวกเขามาดูเรื่องสนุก ดูความตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกของจูนจิ่วที่หาวัตถุดิบไม่ได้ อาจจะร้อนใจกระทั่งร้องไห้ออกมา
แต่ปรากฏว่าพอมาถึง กลับเห็นกล่องยาสมุนไพรห้ากล่องที่วางเรียงกันด้านหลังจูนจิ่ว
“เจ้าหาสมุนไพรครบแล้วหรือ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ”ซิงโล่เฉินสีหน้าเขียวคล้ำ หันไปจ้องหงยิง
หงยิงรีบส่ายหน้าส่งสายตาทันที นางสาบานได้ว่านางเฝ้าสังเกตยาทั้งหมดในเมืองเทียนซูไว้แล้ว ไม่สามารถจะถูกขโมยมาอยู่ในมือจูนจิ่วได้ แม้แต่วัตถุดิบที่จื่อเซียวและไท่ชูส่งมา นางยังคิดหนทางขัดขวางกระทั่งจุดไฟเผาก็มี นางไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่เลย
แต่สมุนไพรของจูนจิ่วมาได้อย่างไร หงยิงก็ตอบไม่ได้
ป้าฟางก็ตกใจมาก นางตรวจดูแล้ว สมุนไพรมีครบเพียงพออีกทั้งยังคุณภาพดีด้วย แต่ว่านางก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร จูนจิ่วกลั่นยาออกมาไม่ได้ วัตถุดิบครบก็ไร้ประโยชน์
ป้าฟางพูดว่า “ไปเถอะ ข้าจะส่งเจ้าไปห้องกลั่นยา ”
……
ทั้งหมดตามกันไปที่ห้องกลั่นยา ที่นี่คือห้องกลั่นยาของสำนักศึกษาเทียนซู ตั้งแต่ช่วงกลางภูเขาขึ้นไปล้วนใช่ทั้งหมด เพื่อความยุติธรรมเล็กน้อย ป้าฟางเลือกห้องหนึ่งที่ใกล้กับไฟใต้ดิน ห้องกลั่นยาที่มีตำแหน่งค่อนข้างดี
ใช้สายตาส่งจูนจิ่วเข้าไป ป้าฟางแสร้งยิ้มและพูดว่า “ขอให้เจ้าสำเร็จ ”
“ข้าต้องสำเร็จแน่ ”จูนจิ่วมองป้าฟางอย่างเย็นชา ยิ้มอย่างยโสอวดดี มีเพียงตอนที่มองไปทางเสี่ยวอู่เท่านั้น สายตาค่อยอ่อนโยนขึ้นมา จูนจิ่วพูดว่า “ข้าสามารถนำแมวเข้าไปได้หรือไม่ ”
“ได้”
ป้าฟางแค่ต้องการให้จูนจิ่วล้มเหลว ไม่ได้ต้องการจงใจแกล้งให้นางทรมาน แค่แมวตัวหนึ่งที่อยู่ด้วยกัน ป้าฟางไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ
รอปิดประตูแล้ว ให้คนเฝ้าทั้งสี่ทิศเอาไว้ไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้เด็ดขาด ป้าฟางก็เรียกให้พวกชิงหยู่กลับไปฟังการสอนทันที ใช้สายตามองไปรอบๆหนึ่งครั้ง ตอนที่ป้าฟางมองไม่เห็นซิงโล่เฉิน ก็ขมวดคิ้วในสายตามีแววรังเกียจแวบขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ซิงโล่เฉินหายไปจากกลางทาง เขายืนอยู่บนหอสูง จ้องมองจูนจิ่วที่เดินเข้าไปยังห้องกลั่นยาที่เขาได้จัดเตรียมเอาไว้ ซิงโล่เฉินหันไปมองนักกลั่นยาพิษเฟยชิง “เฟยชิง เจ้าจัดการเรียบร้อยหรือยัง ”
“ไฟใต้ดินของทั้งสามห้องบริเวณนี้ ได้ถูกข้าตัดชีพจรไฟไปแล้ว ที่พอจะไปถึงในห้องได้ ก็อ่อนจนไม่สามารถกลั่นยาได้ และจูนจิ่วต้องใช้เตากลั่นยา ข้าได้ทายาพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นไว้แล้ว ไม่ว่าจูนจิ่วจะกลั่นยาอะไร ก็ต้องล้มเหลว ”เฟยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เขาเหมือนงูพิษที่จ้องไปยังห้องกลั่นยาด้วยสายตาดุร้ายอำมหิต ในสายตาของเฟยชิงมีแววอิจฉาริษยา เขาได้ยินเรื่องที่จูนจิ่วสามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ที่มีคุณภาพชั้นดี และรู้ว่าจูนจิ่วได้ทำลายพิษกู่ที่เขาวางให้กับหยุนหนี
จูนจิ่ว
เฟยชิงไม่พอใจ ไม่ยินดี ตอนที่ยังไม่มีจูนจิ่ว เขาเป็นนักกลั่นยาพิษที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสำนักศึกษาทั้งสามของห้าสำนักสิบแคว้น พอจูนจิ่วปรากฏตัวขึ้น ทุกคนต่างพูดถึงนาง เอาพวกเขามาเปรียบเทียบกัน แต่เขาล้วนถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า
แหย่ใครไม่แหย่มาแหย่นักกลั่นยาพิษ
เฟยชิงไม่เพียงแต่ทำไปเท่านี้ เขายังพูดต่อไปว่า “ข้ายังฝังยาควันพิษไว้ที่ปากปล่องไฟใต้ดิน ขอเพียงจูนจิ่วจุดไฟ ควันพิษจะถูกปล่อยออกมานางต้องถูกพิษแน่ ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่จะกลั่นยาเลย แค่นางสามารถมีสติเรียกร้องขอความช่วยเหลือได้ก็ถือว่าร้ายกาจแล้ว ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าดี เฟยชิงเจ้าทำได้ดี จูนจิ่วทำให้ข้าแพ้เสียหน้าหลายครั้ง ครั้งนี้ข้าต้องการให้นางแพ้ แพ้ได้น่าอนาถยิ่งดี หนึ่งเดือนหลังจากนี้ก็จะถึงเวลาแกะคำตอบแล้ว ”ซิงโล่เฉินหัวเราะเสียงดัง
เฟยชิง “ไม่แน่อาจไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนก็ได้ ”
“ดีมาก ”มุมปากมีรอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น ซิงโล่เฉินชื่นชมนักกลั่นยาพิษเฟยชิงอีกครั้ง
ตอนนี้ก็มอบทุกอย่างให้กับเวลา ในเมื่อจูนจิ่วต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขารอดูก็พอ ตอนที่พวกเขาพูดคุยกัน จูนจิ่วก็กำลังเปิดไฟใต้ดิน ควันพิษพวยพุ่งออกมา ราวกับกลุ่มควันเล็กๆที่ระเบิดพุ่งเข้าหาจูนจิ่ว ชั่วพริบตาก็เข้าปกคลุมช่วงบนของจูนจิ่วให้อยู่ในกลุ่มควันนั้น เสี่ยวอู่เบิกตาแมวกล้าง “เจ้านาย”
“ไม่เป็นไร ”จูนจิ่วโบกมือไปมาจากนั้นก็เดินออกมา รอบกายนางเหมือนมีม่านกั้นครอบเอาไว้ ไม่ได้รับผลกระทบจากควันพิษ
ใช้น้ำหนึ่งกะละมังสาดเข้าไป จูนจิ่วมองไปยังปากปล่องข้างหลังที่ให้ไฟใต้ดินออกมา ขมวดคิ้วแล้วก็ลูบที่คาง “เห็นทีจะมีคนลงมือเล่นไม่ซื่อ ไฟใต้ดินนี้ต้มไข่ยังต้มไม่สุก ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะใช้กลั่นยาเลย”
“แล้วจะทำอย่างไรดี ”เสี่ยวอู่ถาม
แล้วก็เห็นจูนจิ่วไปตรวจสอบเตากลั่นยา เป็นอย่างที่คิด พิษบนเตากลั่นยาก็ถูกจูนจิ่วค้นพบ ต่อหน้านาง วิธีการที่ว่าฉลาดเลิศล้ำก็แค่ของเด็กเล่น
เสี่ยวอู๋โมโหจนขนตั้งชัน “น่าโมโหนัก พวกเขาเลวเกินไปแล้ว ทำลายและขัดขวางเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาอยากจะให้เจ้านายแพ้ เหมียวเหมียวเหมียว ข้าต้องข่วนพวกเขาให้เป็นนกยูงรำแพนให้ได้