บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 430 ของขวัญของโม่อู๋เยว่จอมหยอก
“นกยูงรำแพนจะข่วนอย่างไร”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ถามเสี่ยวอู่อย่างหยอกล้อ
เสี่ยวอู่โมโหจนขนระเบิด ทำให้ร่างของมันดูพองโตไปหมด มันกระทืบเท้าอยู่กับที่ “เจ้านาย นี่มันเวลาอะไร ท่านยังจะล้อข้าอีก เหมียว ตอนนี้ที่สำคัญก็คือ คิดหาวิธีจะกลั่นยาอย่างไร ”
จูนจิ่วมุมปากโค้งขึ้น นางมองไปรอบๆ ไฟใต้ดินถูกสกัด เตากลั่นยาถูกวางยาพิษ คิดอยากจะกลั่นยาที่นี่ แทบเป็นไปไม่ได้
เสี่ยวอู่เกิดมีความคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เหมียว พวกเรารีบออกไปบอกเรื่องนี้กับพวกเขา จากนั้นก็เปลี่ยนห้อง ”
“ไม่ได้นะ ”จูนจิ่วเดินไปอุ้มเสี่ยวอู่ “พวกเขาทำลายที่นี่ได้ ก็ทำลายที่อื่นได้เช่นกัน ถ้ารู้ว่าข้าเปลี่ยนห้อง ย่อมต้องลงมือทำลายการกลั่นยาของข้าอยู่ดี ”
เสี่ยวอู่ “แต่ว่าจะอยู่กลั่นยาที่นี่ได้อย่างไร น่าโมโห จะออกไปจับพวกเขาไว้ก่อนไม่ได้หรือ ”จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่อย่างปลอบโยน ที่จริงในใจนางก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นเช่นกัน อยากจะจัดการกับคนร้ายให้สิ้นซาก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก แต่ก่อนที่จูนจิ่วจะตัดสินใจ ฝั่งหนึ่งของหน้าต่างก็มีเสียงเบาๆของเหลิ่งยวนถามขึ้น “แม่นางจูน ข้าเข้าไปได้หรือไม่ ”
“เข้ามา ”
ที่หน้าต่างมีช่องเล็กๆแง้มออก เห็นเพียงแสงสีดำที่แวบเข้ามา เหลิ่งยวนก็มายืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วแล้ว
เห็นเพียงในมือของเหลิ่งยวนถือเตากลั่นยาเล็กแต่ดูประณีตมาก เขายื่นไปตรงหน้าจูนจิ่ว “แม่นางจูน นี่คือของที่เจ้านายข้ามอบให้ท่าน ชื่อของมันคือเตาฟ้าดินเพรียวปราด อย่าเห็นว่ามันเล็กแค่นี้ เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ ขอเพียงใช้หินทิพย์ในการขับเคลื่อน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเล็กใหญ่ได้ตามต้องการ ”
เหลิ่งยวนไม่ได้บอกว่า เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ สามารถหดเล็กจนเป็นที่อุ่นมือได้ และถ้าขยายใหญ่ ก็ใหญ่จนสามารถกลืนเมืองทั้งเมืองได้ แน่นอน แม้จูนจิ่วจะมีอยู่ในมือก็ยังไม่มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำได้
เหลิ่งยวนบอกเพียงว่า “เจ้านายรู้ว่าตอนนี้แม่นางจูนขาดเตากลั่นยา นี่เหมาะแกการใช้พอดี อีกอย่างมันไม่ต้องใช้ไฟใต้ดิน ใช้หินทิพย์ก็สามารถแทนไฟใต้ดินได้ นี่คือหินทิพย์ที่ให้ไว้เพื่อให้แม่นางจูนใช้ หินทิพย์ชั้นสี่หนึ่งร้อยเม็ด”
“น่าจะพอให้แม่นางจูนกลั่นยาแล้ว ถ้าไม่พอ ให้เรียกข้า ข้าจะส่งเพิ่มมาให้แม่นางจูน”ระหว่างที่เหลิ่งยวนพูด มือก็เอาถุงใส่หินทิพย์ออกมาหนึ่งถุง ส่งให้จูนจิ่วในช่องว่างแห่งแหวน
ถุงเก็บของเป็นเครื่องเก็บของในช่องว่างที่มีระดับต่ำที่สุด บรรจุได้จำกัด เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในแสนของแหวนแห่งช่องว่างที่โม่อู๋เยว่มอบให้นางเลย แต่ในชั้นต่ำสามชั้นก็ยังเป็นของล้ำค่าที่พบเจอได้ยากมาก
จูนจิ่วหมุนแหวนบนนิ้วมือของนาง นางถามเหลิ่งยวนต่อว่า “อู๋เยว่ยังพูดอะไรอีกหรือไม่ ”
“เจ้านายยังบอกว่า ให้แม่นางจูนกลั่นยาอย่างสบายใจได้ วัตถุดิบทั้งหมดเขาจะเป็นคนออกเอง หากเวลาไม่พอ เขาไปทำลายสำนักศึกษาเทียนซูครึ่งสำนัก เมื่อวุ่นวายขึ้นมาก็คงไม่มีใครสนใจเวลาของท่านแล้ว ”เหลิ่งยวนพูดยิ้มๆ
เจ้านายของเขาเพื่อแม่นางจูนจิ่วแล้ว สามารถพูดได้ว่าคิดไว้อย่างรอบคอบ
จูนจิ่วมุมปากกระตุก ทำไมนางจึงรู้สึกว่าโม่อู่เยว่นั้นเพื่อเอาใจคนที่รักแล้ว สามารถเป็นคนขาดสติไม่ว่าอะไรก็ทำได้
เสี่ยวอู่ สรุปแล้วเหมียว โม่อู๋เยว่จอมหยอกนั้นเป็นคนขาดสติที่คิดรอบคอบแล้ว
จูนจิ่วเงียบขรึมไป นางเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปบอกเขา ไม่จำเป็นต้องไปทำลายครึ่งสำนัก เวลาหนึ่งเดือนนั้นเพียงพอแล้ว ”เดิมทีไม่มาเตากลั่นยา ไม่มีไฟใต้ดิน จะลำบากมาก แต่ตอนนี้มี เตาฟ้าดินเพรียวปราด เพียงพอแล้ว
จูนจิ่วยิ้มมุมปาก ถ้านางเจอโม่อู๋เยว่ครั้งหน้า สามารถเรียกเขาว่าฝนทันใจ
เพราะเขามักจะปรากฏตัวออกมาตอนที่นางต้องการเสมอ ให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที คนอย่างโม่อู๋เยว่ เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นคู่ชีวิตถือว่าไม่เลวเลย
เหลิ่งยวนจะไปแล้ว แต่ก็ชะงักมองจูนจิ่ว เปิดปากอย่างลังเลว่า “แม่นางจูน เจ้านายบอกว่าเขาได้จำหน้าของทำชั่วไว้แล้ว รอให้แม่นางจูนกลั่นยาสำเร็จแล้ว จะไปจัดกับพวกเขาพร้อมท่าน ยังมี อะแฮ่ม ”
ไอแห้งๆอย่างแรงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ เหลิ่งยวนยืดหลังตรง พูดต่อว่า “เดิมที่เจ้านายอยากจะส่งเตาฟ้าดินเพรียวปราดมาด้วยตนเอง แต่เจ้านายเกรงว่ามาแล้วจะจากไปไม่ได้ จะรบกวนเวลาในการกลั่นยาของแม่นางจูน ฉะนั้นจึงให้ข้ามาแทน ”
เหลิ่งยวนพูดจบก็หายวับไปทันที ผ่านไปหนึ่งวินาที จูนจิ่วเพิ่งจะได้สติคนในห้องก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว หัวนางเต็มไปด้วยความระอาใจ ก้มนางมองเสี่ยวอู่สบตากันจากสีหน้าไม่เข้าใจคนกลายเป็นความประหลาดใจและรู้สึกราวถูกล้อ เสี่ยวอู่สายหางอย่างยินดี “ที่แท้โม่อู๋เยว่จอมหยอกก็เสียดายเจ้านายจริงๆ มาแล้วก็กลับไม่ได้ ”
โม่อู๋เยว่จอมหยอก จูนจิ่วรู้ว่าเสี่ยวอู่เป็นคนเริ่มใช้คำนี้กับโม่อู๋เยว่ แต่ก็พูดได้ตรงความจริงที่สุด ปากแดงโค้งขึ้น จูนจิ่วลูบที่หวัของเสี่ยวอู่ “เจ้ากับเขาก็พอพอกัน ไม่ต้องมีใครพูดถึงใคร อีกอย่าง ข้ายินดีให้เขาไม่เสียดาย”น้ำเสียงในคำพูดสุดท้าย จูนจิ่วพูดเบามาก ราวกับกำลังพึมพำ
โม่อู๋เยว่เจ้าเล่ห์เกินไป มีเวลาไหนบ้างที่จะไม่ซึมลึกเข้ามาในชีวิตนาง
เขารักอย่างถลำลึก แต่ก็กลายเป็นสร้างความกดดันให้กับจูนจิ่ว และทุกครั้งที่นางต้องการ ก็เป็นคนแรกที่ยืนออกมาช่วยนาง จูนจิ่วรู้สึกว่าโม่อู๋เยว่ก็คือยาพิษ ดึงดูดนางอย่างน่าตายที่สุด พอได้ลิ้มรสแล้ว ชาตินี้ก็ถูกฝังเข้าไปแล้ว
น่าโมโหจริงๆ
จูนจิ่วเม้มปากเดินไปตรงหน้าเตาฟ้าดินเพรียวปราด ใช้วิธีที่เหลิ่งยวนบอกกับนาง ใช้หินทิพย์กระตุ้น เตาฟ้าดินเพรียวปราด
เตาฟ้าดินเพรียวปราดมีร่องอยู่เจ็ดร่อง เอาหินทิพย์ออกมาว่างข้างหน้า หินทิพย์ถูกดึงดูด เกิดเสียงแตกดังกร๊อบแล้วก็ปลิวไปอุดช่องโหว่ให้เต็ม รอให้ทั้งเจ็ดร่องถูกเติมเต็มจนหมดแล้ว เตาฟ้าดินเพรียวปราดก็ลอยขึ้น ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างใหญ่ขึ้น
เมื่อจูนจิ่วขานว่า “หยุด” เตาฟ้าดินเพรียวปราดเหมือนจะรู้ภาษาคนก็หยุดลงทันที จากนั้นจูนจิ่วใช้หินทิพย์จุดไฟใต้ดิน หลังจากเห็นเตาฟ้าดินเพรียวปราดถูกก่อไฟขึ้นมา ก็เริ่มจัดการกับวัตถุดิบทันที เตรียมกลั่นยา ยาเม็ดที่หนึ่ง นางคิดว่าจะกลั่นยาเสริมจิตลิ่วเริ่น
ร่างเสี่ยวอู่ที่ใหญ่ขึ้น เดินไปไม่ไกลจากร่างจูนจิ่วนักแล้วขดตัวเป็นครึ่งวงกลม อย่างนี้ถ้าจูนจิ่วรู้สึกเหนื่อย ก็สามารถนั่งพิงร่างมันเพื่อพักผ่อนได้
นอกห้อง โม่อู๋เยว่มองจดหมายที่ยินหันส่งมาให้ มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้ายโค้งขึ้น ในสายตามีแววรักเอ็นดู มองไปทางจูนจิ่วอยู่เป็นระยะ ในสายตาเขา ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางกั้นการเฝ้ามองจูนจิ่วได้
เห็นแต่ที่จูนจิ่วที่มีจิตใจหวั่นไหวนิดหน่อย เขาจะไม่เอาเรื่องที่เหลิ่งยวนพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดเมื่อครู่ แม้ว่าเหลิ่งยวนก็ไม่ได้พูดผิด แต่เขาเป็นกังวลจริงๆ ตัวเองเข้าไปแล้วก็ไม่อยากจากไปไหน วันๆอยากจะอยู่ข้างกายจูนจิ่ว เพราะการกลั่นยาต้องใช้เวลาเป็นเดือน เขาไม่สามารถจะจูงมือเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้ และก็ไม่สามารถกอดนางได้ด้วย
ถูกนิ้วมือไปมา แล้วก็ค่อยๆจับที่ริมฝีปาก ที่นั่นยังคงมีรสชาติที่จูบไปบนหน้าของจูนจิ่วหลงเหลืออยู่ อ่อนนุ่มราวกับเต้าหู้ทำให้อยากจะกัดเข้าไปสักคำ ประทับตราอย่างเอาแต่ใจ
รออีกสักหน่อย อดทนรออีกสักหน่อย ผลไม้สุกแล้วก็จะสามารถเด็ดลงมาชิมรสได้
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จูนจิ่วทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปในการกลั่นยา ไม่ถึงหนึ่งเดือน เวลาของนางช่างเร่งรัดไม่สามารถให้เสียเปล่าได้
พวกซิงโล่เฉินคอยเฝ้าสังเกตห้องกลั่นยาอยู่ตลอดเวลา เห็นว่าจูนจิ่วไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรก็รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ว่าเขากับเฟยชิงต่างก็มั่นใจว่า จูนจิ่วไม่มีวิธีอื่นจึงไม่กล้าออกมา หลังจากที่พวกเขาอดทนรอเป็นเวลาหนึ่งเดือน
จูนจิ่วต้องแพ้แน่
ไม่มีไฟดิน ไม่มีเตากลั่นยา นางไม่สามารถกลั่นยาได้ อีกทั้งยังมีตั้งสิบเม็ด แม้แต่เม็ดเดียวนางก็อย่าได้คิด ซิงโล่เฉินได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว ว่าจะเยาะเย้ยถากถางจูนจิ่วในวันนั้นอย่างไร