บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 432 นางใช้กลโกง
ฝู้หลินจ้านหันไปจ้องจูนจิ่วอย่างกะทันหัน เอ่ยขึ้นว่า “จูนจิ่ว ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้ หรือว่ามีใครมาชอบเจ้า แต่ข้างกายเจ้าไม่มีคนหน้าตางดงามดุจเทพนี่นา”ฝู้หลินจ้านพูดเสียงแผ่วดุจพึมพำ ใครจะงามไปกว่าจูนจิ่ว
จูนจิ่วเหลือบมองฝู้หลินจ้าน แววตาเย็นชา นางพูดว่า “ข้าก็ถามไปอย่างนั้นเอง”
ถามไปอย่างนั้นเอง ฝู้หลินจ้านไม่เชื่อหรอก เขารีบถามจูนจิ่วกลับทันที “เช่นนั้นจูนจิ่วเจ้าชอบผู้ชายแบบไหนกัน ”
“อืม”จูนจิ่วนิ่งคิด นางยังไม่ทันได้ตอบ เสี่ยวอู่ก็สะกิดใต้คางนางและร้องเหมียวๆว่า “เจ้านายชื่นชอบความสวยงาม ยิ่งงามก็ยิ่งชอบ มองดูแล้วก็สบายตาสบายใจ ”
จูนจิ่วตบไปที่หัวของเสี่ยวอู่เบาๆ มุมปากกระตุก นางดูเป็นคนที่ดูแต่หน้าหรืออย่างไร
เสี่ยวอู่ ใช่
จูนจิ่วไม่ได้ตอบฝู้หลินจ้าน เพราะนางตอบไม่ได้ ความคิดแรกในสมองก็คือโม่อู๋เยว่ แต่จูนจิ่วรู้สึกว่า นี่แค่ความชื่นชอบ ห่างไกลจากคำว่ารักอยู่มาก
นางมองไปทางฝู้หลินจ้าน ยิ้มอ่อนๆ “ข้าขอกลับก่อน ถ้าเจ้าจับกุ้งอวี่หลินพอแล้ว ค่อยมาเรียกข้า ”
“ได้”
ฝู้หลินจ้านใช้สายตาส่งจูนจิ่วกับเสี่ยวอู่จากไป พอเขาหันกลับอีกทีก็พบว่ามีคนคนหนึ่งโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอมองดูดีๆ ฝู้หลินจ้านก็ต้องสูดลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง งดงามยิ่งนัก
งดงามดุจปีศาจ ทำเอาสิ่งรอบตัวดูหมองไปเลย เสียดายว่าเป็นบุรุษคนหนึ่ง ฝู้หลินจ้านรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที
เพราะถ้าหากเป็นสาวงาม ท่าทีของฝู้หลินจ้านคงประหลาดใจมากกว่านี้ อีกทั้งที่นี่คือลานใจกลางทะเลสาบของสำนักศึกษาเทียนซู คนอื่นจะเข้ามาง่ายๆไม่ได้ ฝู้หลินจ้านจึงคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูคนหนึ่ง
แต่ว่า
ฝูหลินจ้านถาม “เจ้าเป็นใคร ลูกศิษย์สำนักศึกษาเทียนซูหรือ ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ”อาศัยใบหน้าของชายคนนี้ ต้องมีชื่อเสียงไม่ธรรมดาแน่ แต่ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสำนักศึกษาเทียนซูก็มีคนเช่นนี้อยู่ด้วย ระหว่างครุ่นคิด ฝู้หลินจ้านก็คนชายคนนั้นยกมือขึ้น ปลายนิ้วมีแสงโปร่งใสสีทองสว่างขึ้นนิดหน่อย
ไม่ได้รู้สึกว่าอันตราย ฝู้หลินจ้านประหลาดใจ “นี่คืออะไร”
“เมื่อครู่เจ้าพูดได้ดีมาก นี่คือรางวัลของเจ้า”โม่อู๋เยว่ชี้นิ้งออกไป แสงกลมสีทองหายวับเข้าไปบริเวณกลางคิ้วของฝู้หลินจ้าน เร็วจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นก็รู้สึกราวกับว่าในสมองเหมือนมีประตูหน้าต่างเปิดขึ้นอีกหลายบาน ความคิดในจิตใจที่เหมือนจะตันไปหมดก็ถูกกำจัดไป คอขวดทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกปลดออกจนหมด
ฝู้หลินจ้านทั้งตะลึงทั้งดีใจ รีบนั่งขัดสมาธิลง ไม่สนใจจะจับกุ้งอวี่หลินหรือถามว่าชายคนนั้นคือใครแล้ว
โม่อู๋เยว่เหลือบมองฝู้หลินจ้านด้วยสายตาเรียบเฉย เขาก้าวเท้าไปยังทิศทางที่จูนจิ่วจากไป
ตอนที่ฝู้หลินจ้านลืมตาขึ้น ความดีใจที่ปรากฏบนใบหน้ายากจะปิดบังไว้ ข้างหูได้ยินเสียงของฝู้หลินซวงส่งมา “ยินดีด้วยเจ้าบรรลุแล้ว”
“หลินซวงข้าบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสามแล้ว ”ดีใจสุดจะบรรยาย ฝู้หลินจ้านไม่ได้ตกใจที่ทำไมฝู้หลินซวงถึงหาเขาจนพบ พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน มีจิตใจรับรู้ถึงกัน ตอนนี้ฝู้หลินจ้านกำลังตกใจ อึดอัดใจมากอยากจะรู้ว่าชายคนเมื่อครู่คือใคร
ฝู้หลินจ้านรู้ดีแก่ใจ ลำพังตัวเขาเอง เพราะยังบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสองไม่ถึงสองปี และไร้การพัฒนาขึ้น
ตอนนี้บรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสาม เป็นเพราะความช่วยเหลือจากแสงกลมสีทองจากปลายนิ้วของชายคนนั้น แต่ทำไมเขาต้องช่วย เดี๋ยวก่อน เขาบอกว่าคำพูดของข้าพูดได้ดี นี่คือรางวัลที่มอบให้ข้า ฝู้หลินจ้านเหมือนจะคิดออกอย่างกะทันหัน เบิกตากว้างนิ่งอึ้งไป
ฝู้หลินซวงขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไป ”
ที่จริงการบรรลุเป็นเรื่องที่ดี แต่สีหน้าของฝู้หลินจ้านราวกับถูกสายฟ้าฟาด หรือว่าเขาเพิ่งจะค้นพบว่าตนเองมาจับกุ้งอวี่หลินจนเกิดบรรลุได้ รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา ฝู้หลินซวงคิดอย่างเป็นกังวล
“ข้ารู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ”ฝู้หลินจ้านกำหมัด “เขาก็คือคนที่จูนจิ่วพูดถึงว่างดงามดุจเทพบนชั้นฟ้าคนนั้น ”
ฝู้หลินซวง ??
“ต้องเป็นเขาแน่ แต่ข้าไม่เคยเห็นเขาปรากฏอยู่ข้างกายจูนจิ่วนี่นา ข้าจะกลับไปถามจูนจิ่ว เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งดีกว่า ”สมองของฝู้หลินจ้านหมุนเร็วมาก เขารู้ว่าชายคนนั้นต้องเป็นคนแข็งแกร่งที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง จึงสามารถชี้นิ้วให้เขาได้บรรลุได้
และเรื่องของความรู้สึกนั้น ทางที่ดีคืออย่าไปยุ่ง หากเป็นคู่ที่ได้แต่งงานกันก็ดีไป แต่ถ้าไม่เป็นดังหวัง เขาคงถูกจูนจิ่วตีเหมือนหมาตัวหนึ่งกระมัง ช่างเถอะๆ เขาจะเก็บความลับเอาไว้
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของฝู้หลินจ้านก็เปลี่ยนกลับมาเป็นดังเดิม ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วก็คว้าไหล่ของฝู้หลินซวงเอาไว้
“ไป พวกเราไปย่างกุ้งกินกัน จากนั้นก็ส่งให้จูนจิ่วครึ่งหนึ่ง”
“จูนจิ่วยังกลั่นยาอยู่ เจ้าจะส่งไปอย่างไร”ฝู้หลินซวงพูด
“นางกลับมาแล้ว อยู่ในลานนั่นไง ทำไม่หลินซวงเจ้ายังไม่เห็นนาง”
……
เรื่องที่จูนจิ่วออกจากการเก็บตัว ได้เข้าหูซิงโล่เฉินกับป้าฟางเร็วมาก พวกเขาคนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลัง ต่างก็มุ่งตรงไปทางใจกลางทะเลสาบ ตอนนี้เป็นเวลาอีกวันแล้ว จูนจิ่วนิ่งรอพวกเขาอยู่ที่ห้องเรียน
เดินไปยังลานประลองยุทธ์ เงยหน้าขึ้นก็เห็นจูนจิ่วยืนอยู่ข้างประตูห้องเรียน นางกำลังเงยหน้ามองนกตัวหนึ่ง กระโปรงสีแดงสวยสด เปล่งประกายสวยงาม เมื่อพบว่าพวกเขามา เหลือบมองไปเห็นหน้าด้านข้างที่ดูอ่อนเยาว์เป็นทรงรูปไข่ งดงามจนสามารถล่มเมืองล่มประเทศได้
จูนจิ่วยิ้ม ยิ้มอย่างเย็นชาอวดดี “พวกท่านมาแล้ว”
“จูนจิ่ว เจ้าออกจากการเก็บตัวไยจึงไม่รายงานข้าก่อน ”ป้าฟางน้ำเสียงดุดันจริงจัง สายตามองจูนจิ่วอย่างไม่พอใจนัก
รอยยิ้มที่มุมปากของจูนจิ่วยิ่งเย็นชามากขึ้น นางมองป้าฟางด้วยความเยือกเย็น ยกมือขึ้นบนมือถือกล่องยาสี่เหลี่ยมเอาไว้ใบหนึ่ง“ต้องมีคนมารายงานแน่ ทำไมข้ายังต้องเสียแรงอีก ยาสิบเม็ดที่ท่านต้องกายอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว มาลองพิสูจน์ดูเถอะ ”
“ฮึ จูนจิ่ว เจ้าเพิ่งออกมาเมื่อวานวันนี้จะมาส่งยา ใครจะรู้ว่าใช่เจ้าให้คนแอบไปซื้อยามาหรือไม่ จากนั้นก็ให้เจ้าเอามาโกง ”หงยิงน้ำเสียงแฝงแววชั่วร้าย จ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาโหดเหี้ยม
ชิงหยู่รีบก้าวเข้ามา จ้องมองหงยิงอย่างโมโห “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
ตอนนี้เขาก็เป็นนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง สามารถต่อสู้กับหงยิงได้ ชิงหยู่ไม่ได้กลัวพลังของนางอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้หรือในอนาคต ถ้าหงยิงคิดอยากจะรังแกศิษย์น้อง ต้องทำให้เขาแพ้ก่อนค่อยว่ากัน
“พูดปากเปล่าไร้หลักฐาน หงยิงเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ”มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้ว
“หลักฐาน ”ซิงโล่เฉินหัวเราะฮ่าฮ่า เขาจ้องมองจูนจิ่วเขม็ง “ยังต้องการหลักฐานอีกหรือ ลำพังนาง ไหนเลยจะสามารถกลั่นยาชั้นสูงทั้งสิบเม็ดออกมาได้ภายในหนึ่งเดือน ถ้าไม่ใช้กลโกง นางจะสามารถกลั่นออกมาได้อย่างไร ”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป ซิงโล่เฉินเหมือนจะมีการเตรียมตัวมาก่อน พูดต่อว่า “เฟยชิงเข้ามา”ทุกคนต่างเงียบ ต่างก็มองไปยังนักกลั่นยาพิษที่เดินมาจากข้างนอก เขาพลางเดิน พลางจ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาโหดเหี้ยมพูดว่า “ซิงโล่เฉินพูดไม่ผิด นางไม่สามารถจะกลั่นยาสิบเม็ดภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนได้แน่ ที่เอาออกมาตอนนี้ ก็มีแต่ใช้คำว่าเล่นโกงมาอธิบายเท่านั้น ”
ทุกคนต่างมองไปทางจูนจิ่ว
ภายใต้ความสงบ จี้อีหมิงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “พี่สาว พวกเราต่างก็เชื่อท่าน ”
“ดี ”ยิ้มมุมปาก จูนจิ่วได้สำรวจกิริยาท่าทีของทุกคน นางไม่ชอบใจการกล่าวหาจากซิงโล่เฉินและหงยิง จึงเปิดกล่องยาออก จูนจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “บอกว่าข้าโกง ได้ ขอเพียงพวกเจ้าสามารถหาออกมา ว่านักกลั่นยาคนไหนเป็นคนกลั่นยาเหล่านี้ออกมา ข้าก็จะแข่งกับเขาผู้นั้น ”
สายตาของทุกคนต่างตาร้อนผ่าว จ้องมองยาในมือของจูนจิ่ว พอมองแล้ว ทุกคนต่างก็ตาเบิกกว้างสูดลมหายใจ และนักกลั่นยาพิษเฟยชิงก็ไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้ ”