บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 436 รีบหนี กำระเบิด
มือหนึ่งจับเชือก เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่ที่หวัของลิงกิเลน ร่างของมันดูอย่างไรก็ใหญ่กว่าจูนจิ่วเป็นสองเท่า แต่กลับถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของจูนจิ่วขยับตัวไม่ได้เอาแต่ร้องเจี๊ยกๆขอความเมตตา จูนจิ่วมีกำลังมากขนาดนั้นเชียวหรือ ทุกคนต่างก็คิดอย่างเงียบๆ
เสี่ยวอู่เดินอย่างสง่างามเข้ามา ยืนอยู่หน้าลิงกิเลนแล้วยกอุ้งเท้าขึ้น ลิงกิเลนชะงักจนไม่กล้าส่งเสียงใดๆอีก
ทุกคน ……
สีหน้าของฝู้หลินจ้านเหมือนยากที่จะบรรยาย“นี่มันลิงกิเลนที่เป็นสัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ดจริงหรือ ทำไมจึงได้อ่อนนัก แม้แต่เสี่ยวอู่มันก็กลัว ”
“เหมียวๆๆ”เสี่ยวอู่หันไปแยกเขี้ยวให้กับฝู้หลินจ้าน
ฝู้หลินจ้านรีบยกสองมือขึ้นกล่าวขอโทษ “ไม่ๆๆ ข้าพูดผิดไป เสี่ยวอู่เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว ”
เสี่ยวอู่ร้องอย่างภูมิใจเสียงหนึ่ง เขาย่อมต้องร้ายกาจแน่ แต่ว่าที่ร้ายกาจที่สุดน่าจะเป็นเจ้านายของมัน ทุกคนต่างเข้าใจสีหน้าของเสี่ยวอู่ ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์ ฉลาดจนทำตกตะลึง จูนจิ่วเห็นแล้วมุมปากก็โค้งขึ้น
นางมองไปยังทุกคนอีกครั้ง เปิดปากพูดว่า “ลิงกิเลนนั้นเป็นสัตว์ทิพย์ที่ชำนาญเรื่องไฟ อากาศหนาวเย็นของที่นี่ทำให้พลังของมันลดลง อีกอย่างถ้าพวกเราไม่ช่วยกันล้อมมันไว้ บวกกับกรงเล็บแหลมคมของเสี่ยวอู่ คนทั่วไปคิดจะจับมันนั้นยากมาก”
ชิงหยู่พยักหน้าเห็นด้วย คนปกติถ้าไม่ใช่เพราะมีพลังที่แข็งแกร่งกว่า เห็นลิงกิเลนชั้นเจ็ดยังต้องรีบวิ่งหนี ไหนเลยจะกล้าจับมัน
จูนจิ่ว “พวกใจใครจะปราบพยศมันก่อน ”
ชิงหยู่กำลังจะพูด ก็ถูกเสี่ยวหยิ่งที่อยู่ในแขนเสื้อสะกิดทีหนึ่ง เสี่ยวหยิ่งส่งสัญญาณเสียงมาว่า ‘ถ้าเจ้าคิดจะปราบพยศเจ้าลิงนี่ ก็คืนข้าให้จูนจิ่วเสีย ข้าไม่อยากจะอยู่กับเจ้าลิงตัวเหม็นหรอกนะ ’
ชิงหยู่ ‘ข้ายังไม่คิดจะอยากได้มัน และเจ้าแน่ใจนะว่าอยากจะกลับไปอยู่กับศิษย์น้อง นอกจากเสี่ยวอู่ ยังมีผู้อาวุโสโม่นะ ’
เสี่ยวหยิ่ง พยักหน้า
ท่านแมวผู้ยิ่งใหญ่ที่ชอบหึง บวกกับปีศาจขี้หึงอีกตน ฉับพลันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่พูดไม่ออก เขาทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับใครกันแน่ ไม่เคยมีสักวันที่เขาได้อยู่กับจูนจิ่วเลย จูนจิ่วเห็นว่าไม่มีใครขยับ จึงพูดขึ้นอีกว่า “เข้ามาลองดูกันทุกคนเลย ปราบพยศนั้นไม่ยาก ลองสื่อสารกับมัน มันไม่เชื่อฟังก็ตี ตีจนกว่ามันจะเชื่อฟัง”ทุกคนเห็นได้ชัดว่าเจ้าลิงกิเลนนั้นตัวสั่นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของจูนจิ่ว
ฝู้หลินจ้าพูดขึ้นก่อนว่า “ข้าก่อนก็ได้”
และแล้วฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวงกับมู่จิ่งหยวนต่างก็ลองแล้ว ลิงกิเลนไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย สุดท้ายจี้อีหมิงออกมา ลิงกิเลนกับยินยอมพร้อมใจทันที
ทุกคนต่างมองออกถึงแผนการชั่วร้ายของลิงกิเลน เพราะมันเห็นว่าจี้อีหมิงพลังอ่อนสุด จะตีก็ตีมันไม่ได้จึงได้เลือกเขา ลิงยังไงมันก็เจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ จูนจิ่วคลายลิงกิเลนออก มันรีบวิ่งไปอยู่หลังจี้อีหมิงทันที
ปราบพยศสัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ดได้สำเร็จตัวหนึ่ง ก็สามารถออกไปได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เข้ามายังจุดที่ลึกมากของพื้นที่แอ่งที่เป็นลานสัตว์ทิพย์ ตอนนี้ให้จี้อีหมิงออกไปคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้นจึงให้เขาอยู่ต่อก่อน รอให้มีอีกคนที่ปราบพยศสัตว์ทิพย์ได้ ค่อยให้ออกไปพร้อมกัน
เมื่อวางแผนแล้ว พวกเขาก็เดินต่อเข้าไปยังจุดที่ลึกขึ้นเพื่อหาสัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ด
กลางคืนของช่วงฤดูหนาวคืบคลานเข้ามาเร็วมาก เมื่อเห็นดวงอาทิตย์เพิ่งจะย้ายจากจุดตรงกลางของท้องฟ้า พวกเขาก็ต้องหาที่พักสำหรับค่ำคืนนี้แล้ว ลมหนาวยิ่งพัดก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ลมหนาวจับใจทำให้พวกเขายากจะก้าวเท้าเดินต่อได้
แล้วก็มีลมหนาวอีกระลอกพัดมา ขณะที่จูนจิ่วยื่นมือออกไปจับหมวกเสื้อคลุมเอวไว้ จมูกนางก็พลันได้กลิ่นบางอย่าง จูนจิ่วได้กลิ่นคาวสายหนึ่ง
เจี๊ยกๆ
นางรีบเงยหน้าขึ้น เห็นลิงกิเลนที่เดินอยู่ข้างหลังจี้อีหมิงเกิดตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน และใช้มือข้างหนึ่งของมันดึงแขนเสื้อของจี้อีหมิงเอาไว้ กระตุกจนจี้อีหมิงเซเกือบจะคะมำลงไป จี้อีหมิงยังไม่เข้าใจ “เจ้าทำอะไรน่ะ”
“ทุกคนอย่าขยับ ”คนที่เอ่ยเตือนเสียงต่ำคือฝู้หลินซวง
เหมือนเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเช่นกัน จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางจูนจิ่ว สายตาประสานกัน ทั้งสองสีหน้าเคร่งขรึมลง พวกเขามีสัมผัสทั้งห้าที่ไวมาก รับรู้ได้ถึงอันตราย
ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย ฟ้ายังสว่างอยู่ เงยหน้ามองไปรอบๆทั้งสี่ทิศ ไม่มีอะไรเลย
แต่เพราะความไม่มีอะไรเลย ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกว่ามีปัญหา ไม่ปกติ เพราะตามปกติแล้ว ยังมีเสียงร้องของนกอยู่บ้าง
ชิงหยู่เองก็รู้สึกได้เช่นกัน เขาพูดเสียงเบาว่า “มีสัตว์ทิพย์ซ่อนตัวอยู่รอบๆใช่หรือไม่”
จูนจิ่วไม่ได้ตอบ อาจจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แต่ที่สามารถแน่ใจได้เลยก็คือ “สามารถทำให้ลิงกิเลนตื่นตระหนกได้ พลังต้องสูงกว่ามันแน่ ”
สัมผัสทั้งห้าของสัตว์ทิพย์นั้นไวกว่ามนุษย์ ฉะนั้นไม่ผิดแน่นอน
จูนจิ่วส่งสัญญาณมือ พูดเสียงเบา “แยกย้ายกันไปหาต้นไม้ใหญ่แถวๆนี้หลบก่อน ”
พวกเขาเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว รีบแยกย้านกันหลบทันที ขณะที่จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองลิกิเลนอีกครั้ง ตอนนี้มันตื่นตกใจมากแล้ว เริ่มคำรามเสียงต่ำเพื่อข่มขู่อะไรสักอย่าง รู้สึกได้ว่าลิงกิเลนก็อยากจะหนีแล้ว
แววตาหม่นลง จูนจิ่วยกมือขึ้นลูบหัวของเสี่ยวอู่ “เจ้ารู้สึกถึงอะไรหรือไม่ ”
“ไม่มี ”เสี่ยวอู๋ตอบกลับจูนจิ่วในใจ มันเป็นเสือขาว ไม่มีอะไรที่จะทำให้มันตื่นตกใจจนอยู่ไม่สุขได้ แต่เพราะอย่างนี้ จึงทำให้เสี่ยวอู่หาต้นตอไม่ได้
ทันใดนั้น เสี่ยวหยิ่งก็คลานออกมาจากแขนเสื้อของชิงหยู่ ยืนอยู่บนไหล่ของชิงหยู่ เสี่ยวหยิ่งจ้องมองไปยังที่ที่ไกลออกไปพร้อมตะโกนขึ้น “อินทรีหัวเสือดาวสามตา รีบหนี ”
อะไรนะ
แคว้ก
ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงร้องคำรามก้องไปหมด ลมเย็นถูกฉีกทึ้ง เงาสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่บนหัว
จูนจิ่วเงยหน้าจึงเห็นว่า ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงข้ามนั้นไม่ใช่เนินภูเขา แต่เป็นอินทรีเสือดาวสามตาขนาดใหญ่ที่ถูกหิมะปกคลุมอยู่ทั้งร่าง อินทรีหัวเสือดาวสามตา นี่มันสัตว์ทิพย์ชั้นแปด พลังของสัตว์ร้ายตัวนี้เทียบเท่ากับนักจิตใหญ่ชั้นหก
ในลานสัตว์ทิพย์ไยจึงมีสัตว์ทิพย์ชั้นแปดอยู่ด้วย
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้พวกเขาคิดแล้ว อินทรีเสือดาวสามตาพริบตาเดียวก็บินมาถึงแล้ว กางปีกออกมีความยางมากถึงห้าเมตร กรงเล็บที่แหลมคมของมันปล่อยลงมา ที่ที่มันบินผ่านในป่าต้นไม้ต่างหักและล้มลงเป็นระนาว
เจ้าอินทรีเสือดาวสามตาพุ่งชนจนเกิดเป็นเส้นทางหนึ่งในป่า พุ่งตรงเข้ามาหาพวกจูนจิ่ว
“แยกกัน อย่ารวมตัวอยู่ด้วยกัน ”จูนจิ่วตะโกนเตือนทุกคน ด้านหลังมีลมกระพือมา จูนจิ่วลงไปกลิ้งกับพื้นเพื่อหลบหลีก ตอนที่นางยืนขึ้น ก็มองเห็นพื้นด้านหน้าของนางมีหลุมยาวลึกมากเป็นทาง ถ้าหากถูกกรงเล็บนี้จับได้ คงต้องตับไตไส้พุงทะลักแน่ จูนจิ่วเงยหน้า สีหน้าเปลี่ยนไป
เห็นเพียงอินทรีเสือดาวสามตาไล่ตามฝู้หลินซวงและจี้อีหมิง
ฝู้หลินซวงชักดาบออกมา พลังของนักจิตใหญ่ชั้นสองระดับสูงได้ถ่ายทอดออกมาทั้งหมด และก็เห็นพลังที่พุ่งออกจากดาบ ดวงตาระหว่างคิ้วของอินทรีเสือดาวสามตาก็มีแสงเย็นพุ่งออกมาทำลายการโจมตีทันที ขณะเดียวกัน มันก็เข้าใกล้มากแล้ว
ฝู้หลินซวงรีบตะโกนขึ้นอย่างตกใจ “หมอบลง”
จี้อีหมิงหมอบลงอย่างเชื่อฟังเพื่อหลบอินทรีหัวเสือดาวสามตา แต่ลิงกิเลนข้างกายของเขาที่รูปร่างค่อนข้างใหญ่ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น กรงเล็บนั้นจับลิงกิเลนเอาไว้ ใช้แรงในการบีบจนทำให้ลิงกิเลนระเบิดเป็นเนื้อเหลว
ลิงกิเลนชั้นเจ็ดที่อยู่ต่อหน้าอินทรีเสือดาวสามตานั้นตายทันที จนเห็นถึงความดุร้ายอย่างร้ายกาจของมัน
เลือดสดสาดกระเด็นถูกจี้อีหมิง เขาไม่เคยเห็นภาพอันโหดร้ายทารุณเช่นนี้มาก่อน จึงถูกทำให้ตกใจจนตะลึงนิ่ง ฝู้หลินจ้านพุ่งตรงมาที่เขา ตะโกนว่า “เสี่ยวหมิง รีบหลบเร็ว เสี่ยวหมิง จี้อีหมิง ”
พรึบ
อินทรีเสือดาวสามตาจับขาทั้งสองข้างของจี้อีหมิงได้ กางปีกบินขึ้นบนท้องฟ้าทันที ขณะที่ทุกคนต่างตกใจจนหัวใจเกือบจะหยุดเต้นนั้น ฟิ้ว มีเสียงบินผ่าอากาศมา พุ่งตรงไปที่เจ้าอินทรีหัวเสือดาวสามตา