บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 437 หนีเอาชีวิต ค้นตัว
จี้อีหมิงได้ถูกอินทรีเสือดาวสามตาจับตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว คิดถึงภาพจุดจบของลิงกิเลนเมื่อครู่ ทุกคนตื่นเต้นจนยากจะหายใจ ในเวลานี้เอง มีเงาสีดำสายหนึ่งแหวกอากาศมา ฟิ้ว จูนจิ่วโยนโยวยิ่งไป ด้วยความแม่นยำเพื่อโจมตีกรงเล็บของอินทรีเสือดาวสามตาที่จับจี้อีหมิงเอาไว้ด้วยความดุดัน โยวยิ่งแหลมคม อินทรีเสือดาวสามตาร้องคำรามอย่างเจ็บปวดหนึ่งเสียง กรงเล็บคลายออก จี้อีหมิงตกลงมาจากกลางอากาศร้องด้วยเสียงโหยหวน
ความสูงนี้ ไม่ถูกอินทรีเสือดาวสามตาฆ่าตาย ก็คงต้องตกลงไปตาย
ในสถานการณ์อันตราย เสี่ยวอู่พุ่งเข้าไป กลายร่างใหญ่ระหว่างทาง สุดท้ายก็สามารถรับตัวจี้อีหมิงได้อย่างปลอดภัย ขนสีขาวที่แสนหนานุ่ม ผ่อนคลายแรงกระแทกไม่สร้างความเจ็บปวดต่อบาดแผลบนร่างของจี้อีหมิง ขณะเดียวกัน เสี่ยวอู่ยังใช้หางม้วนโยวยิ่งที่ตกลงมาเอาไว้ด้วย
วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เสี่ยวอู่คืนโยวยิ่งให้จูนจิ่ว เสี่ยวอู่อ้าปากพูดขึ้นว่า “เจ้านายรีบหนี ”
อินทรีเสือดาวสามตาได้รับบาดเจ็บ เพราะกรงเล็บแหลมคมและหนาของมันเกือบจะถูกโยวยิ่งตัดขาดเป็นสองท่อน ตอนนี้มันจำจูนจิ่วอย่างแค้นฝังใจ บวกกับจี้อีหมิงและเสี่ยวอู่ที่ร่างกายใหญ่โตต่างก็อยู่ข้างกายนาง อินทรีเสือดาวสามตาคำรามอย่างโกรธแค้น หันหัวบินกลับมา
“โฮก ”เสี่ยวอู่รีบตั้งท่าพร้อมโจมตีทันที พร้อมปะทะ
ตอนนี้เอง เสี่ยวหยิ่งก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกจักรกลขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา เขาพูดกับจูนจิ่วว่า “พวกเข้าสู้อินทรีเสือดาวสามตาไม่ได้แน่ รีบหนีไป ถ้ายังอยู่จะตายเสียเปล่า ข้าจะขวางมันไว้ก่อน พวกเจ้าวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ “
พูดแล้ว เสี่ยวหยิ่งก็หันหน้าพุ่งตรงเข้าไปหาอินทรีเสือดาวสามตาด้วยตนเอง ร่างจิ้งจอกจักรกลของเขาขยายใหญ่ขึ้น ความใหญ่โตของมันไม่น้อยไปกว่าอินทรีเสือดาวสามตาเลย
หางสำริดของมันสะบัด ฟาดไปยังร่างของอินทรีเสือดาวสามตาดังปัง ทำให้มันถูกฟาดจนบินกระเด็นไป
เสี่ยวหยิ่งตะโกนเสียงดัง “รีบหนีไปสิ”
จูนจิ่วรีบออกคำสั่งทันที “เสี่ยวอู่เจ้าพาจี้อีหมิงรีบหนีไปก่อน คนอื่นๆบุกเข้าไปพร้อมข้า รีบไป ”พวกชิงหยู่รีบวิ่งเข้ามารวมตัวข้างจูนจิ่ว ทุกคนต่างใช้ความเร็วดุจหนีเอาชีวิตรอด ยิ่งเร็วยิ่งดี
ระหว่างนั้นจูนจิ่วยื่นมือเข้าไปในช่องว่างในกำไลข้อมือหยิบเอายามาโยนให้พวกเขา “บีบแตกแล้วทาไปที่คอเสื้อกับแขนเสื้อ นี่สามารถบดบังกลิ่นไม่ให้อินทรีเสือดาวสามตาหาเจอได้ ”
ขณะพูด นางก็รั้งท้ายอยู่ข้างหลังทุกคนเล็กน้อย อยู่ในตำแหน่งท้ายสุด สาดผงยาเพื่อปิดบังและกลบกลิ่นร่องรอยไม่หยุด อินทรีเสือดาวสามตามีสามตา ดวงตาตรงกลางสามารถมองไกลได้ร้อยลี้ ป่าทึบสามารถบดบังร่างของพวกเขาได้ แต่ร่องรอยอย่างไรก็ต้องหาทางลบไป
ชิงหยู่หันกลับมามองนาง “ทิ้งเสี่ยวหยิ่งเอาไว้จะไม่เป็นอะไรหรือ”
“เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร ”เสี่ยวหยิ่งเป็นคนไม่ใช่จิ้งจอกสำริดจริงๆเสียหน่อย ถ้าเขาสู้ไม่ได้ก็ต้องรู้จักหนีอยู่แล้ว อีกทั้งเสี่ยวหยิ่งกับนางมีสัญญาแลกเปลี่ยนกัน ย่อมต้องสามารถวิ่งตามหาพวกเขาจนเจอ ตอนนี้ได้แต่หวังว่าเสี่ยวหยิ่งจะสามารถถ่วงเวลาได้นานหน่อย ให้พวกเขามีเวลาหาที่ซ่อนได้มากหน่อย
เวลาในการใช้หายใจเฮือกหนึ่งยังไม่มี พวกเขาวิ่งไปไม่หยุด วิ่งเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามจึงพบกับถ้ำถ้ำหนึ่ง
ให้เสี่ยวอู่ปล่อยจี้อีหมิงลง จูนจิ่วพลางทำให้ลมหายใจนิ่ง ปรับจิตใจให้สงบ พลางก็เดินไปเริ่มตรวจดูอาการบาดเจ็บของจี้อีหมิง พอตรวจสอบดูแล้ว จูนจิ่วก็ขมวดคิ้วแน่น บาดแผลของจี้อีหมิง ไม่ดีเลย
พวกชิงหยู่เหนื่อยจนนอนไปกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นมามองเห็นจูนจิ่วที่ขมวดคิ้วดูท่าไม่ดี ต่างก็ลุกขึ้นมา ก้มหน้าดู ต่างก็ต้องสูดหายใจยาว
เห็นเพียงขาของจี้อีหมิงที่เต็มไปด้วยเลือด บางส่วนยังมือเห็นไปถึงกระดูก นี่แค่ภายนอก ไม่รู้ว่าจี้อีหมิงกระดูกหักหรือไม่ เมื่อเทียบกับจุดจบของลิงกิเลนแล้ว จี้อีหมิงนับว่าโชคดีมากแล้ว
อย่างน้อยเขาก็ถูกจับที่ขา ไม่ใช่ที่หน้าอกหรือศีรษะ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ศพของเขาก็คงเย็นชืดไปแล้ว ไร้หนทางจะช่วยได้
ชิงหยู่เลิกแขนเสื้อขึ้นพร้อมเดินเข้ามา “ศิษย์น้อง เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร”
“เตรียมเหล่ากับน้ำ แล้วก็มีดเล็ก ไฟ ยาทาแผลข้ามี แล้วต้องการคนสองคนไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้ ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรเล็กน้อยให้รายงานข้าทันที ”จูนจิ่วสั่งการอย่างสง
“ข้าจะออกไปเฝ้าข้างนอก ”ฝู้หลินจ้านเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็เกิดเวียนหัวขึ้นมา ฝู้หลินซวงก็ตามเขาออกไปด้วย ไม่เพียงแต่พวกเขา ยังมีเสี่ยวอู่
เดินออกไปนอกถ้ำ หายใจยาวๆหนึ่งเฮือก ฝู้หลินจ้านจึงสงบลงได้ เขามองไปยังเสี่ยวอู่ที่กลายร่างเล็กไปนิ่งเฝ้าระวังอยู่ที่ปากถ้ำ ฝู้หลินจ้านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “เสี่ยวอู่เจ้าเป็นแมวจริงหรือ เมื่อครู่เจ้าตัวใหญ่มาก ยังไม่ได้ขอบคุณที่เจ้าช่วยเสี่ยวหมิงเอาไว้เลย ”
“ไม่ต้องขอบคุณ ”เสี่ยวอู่เอ่ยขึ้น ทำให้ฝู้หลินจ้านตะลึง และทำให้ฝู้หลินซวงนิ่งอึ้งไป ฝู้หลินจ้ายนิ้วมือสั่นเทา “เสี่ยวอู่เจ้าพูดได้ด้วยหรือ”
เสี่ยวอู่ส่ายหางไปมา ไม่ได้ตอบอะไร แต่ท่าทีในแววตาของมัน เห็นได้ชัดว่ากำลังดูแคลนฝู้หลินจ้าน ราวกับกำลังพูดว่า นี่มันมีอะไรให้ต้องตกใจ ฝู้หลินซวงก็ได้ยินที่เสี่ยวอู่พูดเมื่อครู่ แต่เขาคิดว่าฟังผิดไป ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวอู่จะพูดภาษาคนได้จริงๆ
กดไหล่ของฝู้หลินจ้านเอาไว้ ให้เขาหันหน้ามาอย่าเอาแต่จ้องเสี่ยวอู่อย่างเสียมารยาท ฝู้หลินซวงพูดว่า “เสี่ยวอู่น่าจะเป็นสัตว์ทิพย์ประเภทแมว มีสัตว์ทิพย์น้อยมากที่จะพูดได้ ”
“มีอย่างนี้ด้วยหรือ”สีหน้าของฝู้หลินจ้านยังอึ้งตะลึง
ฝู้หลินซวงนับว่าได้ช่วยมันหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เสี่ยวอู่ส่ายหางไปมาอย่างดีใจ จากนั้นก็เลียที่อุ้งเท้า มันสามารถกลายเป็นสัตว์ทิพย์ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ถ้าเช่นนี้เวลาพูดจาก็ไม่น่าแปลกอะไรแล้ว หันกลับไปมองในถ้ำ ใบหน้าของเสี่ยวอู่ปรากฏแววสงสาร
จี้อีหมิงน่าอนาถจริงๆ
ภายในถ้ำ จูนจิ่วใช้ไฟลนมีดเล็กเพื่อฆ่าเชื้อ ลงมือโดยความเร็วและแม่นยำ เฉือนเอาเนื้อหนังที่ปริออกมาจากขาของจี้อีหมิงออกอย่างรวดเร็ว เหล่านี้ล้วนถูกอินทรีเสือดาวสามตาจิกกรงเล็บลงไป ไม่รู้ว่าสกปรกแค่ไหน ต้องตัดออกให้หมด
หลังจากกำจัดเนื้อร้าย ก็ให้มู่จิ่งหยวนกับชิงหยู่กดตัวจี้อีหมิงเอาไว้ ค่อยใช้เข็มเงินเย็บแผล เพื่อลดอาการเจ็บปวดของจี้อีหมิง จากนั้นก็ใช้เหล้าในการฆ่าเชื้ออีกครั้ง แต่จี้อีหมิงยังคงตื่นขึ้นจากการสลบไสลเพราะความเจ็บปวด
“อย่าขยับ ไม่เช่นนั้นจะทำให้บาดแผลฉีกขาดใหญ่ขึ้นจะไม่ดีแต่เจ้า”จูนจิ่วกำลังทายาให้กับจี้อีหมิง ตอนที่นางเห็นขาข้างขวาของจี้อีหมิงมีกระดูกหัก ก็ขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยาที่ดีขึ้น
บาดแผลที่ปริแตกของจี้อีหมิงใหญ่มาก ไม่เหมาะที่จะพันแผล ทำได้เพียงเปิดแผลทิ้งไว้อย่างนั้น บาดแผลดูเหวอะหวะน่ากลัวมาก
หลังจากทำทั้งหมดเสร็จแล้ว จูนจิ่วก็นวดที่หัวคิ้ว แล้วก็ไปผสมยาจากนั้นก็ให้จี้อีหมิง “ยาหนึ่งขวด กินทุกวันวันละสามครั้ง ครั้งหนึ่งกินสีแดงกับน้ำเงินสองเม็ด กินติดต่อกันหนึ่งเดือน บาดแผลของเจ้าก็จะดีขึ้น วางใจได้ เจ้าจะไม่กลายเป็นคนขาเป๋แน่ ”
เห็นบาดแผลของจี้อีหมิงที่น่าอนาถนัก ชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนมองหน้ากันไม่พูดอะไร พวกเขาเชื่อคำพูดของจูนจิ่ว
หากเป็นคนอื่น แค่จัดการกับแผลก็ต้องใช้เวลาสองสามวันแล้ว อีกทั้งยังทำได้ไม่ดีเท่าจูนจิ่วเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหลังฟื้นฟูแล้วจะไม่เป็นขาเป๋ เกรงว่าช่วงล่างทั้งหมดจะเป็นอัมพาตเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดี ที่จี้อีหมิงที่ได้พบกับจูนจิ่วทั้งยังสามารถช่วยรักษาให้เขาได้กลับมาเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป
ชิงหยู่ประคองจี้อีหมิงดื่มน้ำเล็กน้อย จี้อีหมิงค่อยดูแจ่มใสขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เอง จูนจิ่วมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าเอาของอะไรติดตัวมาด้วย ”
อะไร
ทั้งสามคนต่างก็อึ้งไป มองจูนจิ่วอย่างไม่เข้าใจ จูนจิ่วพูดต่อว่า “อินทรีเสือดาวสามตามีเป้าหมายคือเจ้า มันบ้าคลั่ง ดุร้าย และจ้องเจ้าไม่วางตา เจ้าพกอะไรที่ดึงดูอินทรีเสือดาวสามตาเอาไว้ ”
จี้อีหมิงดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าของเขาทั้งร้อนใจทั้งรู้สึกผิด เกือบจะร้องไห้แล้วอธิบายว่า “ข้าไม่มีอะไร”
“ค้นตัว”จูนจิ่วสั่งชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนด้วยน้ำเสียงเย็น