บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 446 เจ้าอวดดีเกินไป
ข้าคนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
นี่จูนจิ่วยอมรับว่า เป็นนางที่ต้องการฆ่าซิงโล่เฉินกับหงยิง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูโกรธมาก กำหมัดแน่นเดินไปทางจูนจิ่ว พวกชิงหยู่เห็นดังนี้ ก็รีบก้าวเท้าไปยืนเป็นแถวอยู่ด้านหน้าของจูนจิ่วเพื่อกั้นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไว้
ความโมโหจู่โจมที่ใจของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ยิ้มอย่างโกรธแค้น “เด็กน้อยทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีพ้นหรือ พวกเจ้าแต่ละคน ข้าจะไม่ละเว้นเด็ดขาด”
“เพราะอะไร เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูท่านมีสิทธิ์อะไรที่จะลงมือกับพวกเรา”จูนจิ่วมองทุกคนที่คอยปกป้องนางอยู่ข้างหน้าอย่างระอาใจ ได้แต่เบียดตัวออกไปจากช่องว่างระหว่างตัวชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวน สายตาที่มองเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเย็นชาขึ้นมาทันที น้ำเสียงยโสอวดดี
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูถลึงตา กำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ถูกจูนจิ่วตัดบทซะก่อน
จูนจิ่วยังพูดอีกว่า “การประเมินนั้นมีป้าฟางเป็นผู้รับผิดชอบ ในกฎระเบียบ ไม่ได้ระบุว่าห้ามเข่นฆ่ากันภายใน พวกเราล้วนเข้าร่วมการประเมิน เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นคู่ต่อสู้ จะฆ่าคู่ต่อสู้ยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ นี่ไม่ใช่เหตุผลปกติทั่วไปหรอกหรือ”
ดวงตาของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเบิกกว้าง เหมือนมีอะไรติดคอ
“ฉะนั้นหากเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะลงมือกับพวกเรา เช่นนั้นคงเป็นความแค้นส่วนตัว ท่านแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้”จูนจิ่วยิ้มเย็น
“มีหรือข้าจะไม่กล้า”
“เช่นนั้นสำนักศึกษาไท่ชูก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป”มู่จิ่งหยวนพูด
ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงพูดขึ้นพร้อมกันว่า “สำนักศึกษาจื่อเซียวด้วย”
มีเพียงสำนักศึกษาเทียนซูที่ทวงความแค้นได้ แล้วพวกเขาไท่ชูกับจื่อเซียวจะแก้แค้นไม่ได้หรืออย่างไร
ฮึ สำนักศึกษาทั้งสามยังไม่ได้ปล่อยให้สำนักศึกษาเทียนซูเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวเลย
สีหน้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูโกรธจนเขียวคล้ำ ลำคอสั่นไหว มีกลิ่นคาวหวานสายหนึ่งผุดขึ้นมาในปาก เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะกระอักเลือดแล้ว ขณะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้จะลงมือ ป้าฟางก็เอ่ยขึ้นว่า “จูนจิ่วพูดถูก นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการประเมิน ข้าเองก็ไม่ได้ห้ามพวกเขาไม่ให้ลงมือ ฉะนั้น เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็ไร้สิทธิ์ในการแก้แค้นพวกเขา อีกทั้งยังเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูด้วย ”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูตาเบิกกว้าง หันไปจ้องป้าฟาง
ป้าฟางไม่สนใจ ยังคงพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศิษย์ก็ยังไม่ตายมิใช่หรือ”มองไปทางซิงโล่เฉิน สายตาของป้าฟางมีแววรังเกียจไม่ชอบใจวาบผ่าน ส่วนหงยิง ป้าฟางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ความหมายของป้าฟางคือ จะปกป้องพวกเขา ไม่สามารถลงมือได้ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูได้แต่สะกดกลั้นความบอบช้ำภายในจนเกือบจะคลั่ง แล้วเขาก็มองไปทางซิงโล่เฉินกับหงยิง ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนักจนสลบไปแล้ว ไม่มีทางที่จะช่วยเขาหาเรื่องจูนจิ่วได้
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูโมโหจนไม่พอใจ กลอกตาไปมา ที่สุดก็หยุดจ้องอยู่ที่จูนจิ่วพูดและว่า “เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ผ่านการประเมิน ป้าฟาง พวกเขาล้วนแพ้หมด”
“ผิดแล้ว”จูนจิ่วยิ้มเย็นอย่างมีเลศนัย พูดว่า “พวกเรากำลังจะปราบพยศสัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ดเหล่านี้อยู่แล้ว แต่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูฆ่าพวกมันตายหมด ไม่มีสัตว์ทิพย์พวกเราจะปราบพยศได้อย่างไร”
“ถูกต้อง ไม่ใช่พวกเขาทำไม่สำเร็จแล้วแพ้ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูท่านต้องรับผิดชอบด้วย”ชิงหยู่หัวไว พูดต่อจากจูนจิ่วสกัดเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเอาไว้
แม้ว่าพวกมู่จิ่งหยวนจะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าต่างก็แสดงออกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของจูนจิ่วและชิงหยู่
พอเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูได้ยิน ก็โมโหจนหน้าดำ ร่างกายโอนเอน สะกดกลั้นอย่างสุดกำลังกลืนเลือดที่พุ่งขึ้นมาในปาก นิ้วมือที่สั่นเทาชี้ไปยังพวกจูนจิ่ว “ดี ดีมาก โทษข้า เจ้าพวกเด็กเวรทั้งหลายทางที่ดีพวกเจ้าก็สวดภาวนาขอให้ชาตินี้อย่าตกอยู่ในมือของข้าก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง ทั้งชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่มีทาง”จูนจิ่วยิ้มบางๆ
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูโมโหจนเหลือกตาขาวขึ้น ไม่สามารถอยู่ต่อได้แม้แต่วินาทีเดียว รีบเรียกให้หน่วยกล้าตายเทียงฉิวมายกตัวซิงโล่เฉินกับหงยิง หมุนตัวจากไปทันที
จูนจิ่วยิ้ม “ไม่ได้โกรธจนกระอักเลือด เห็นทีความทนทานของหัวใจก้าวหน้ากว่าครั้งที่แล้วมาก คิดได้แล้ว”
ฟู่
เดิมที่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่กระอักเลือด เดินออกไปไกลแล้วยังได้ยินเสียงจูนจิ่วส่งผ่านมา ทั้งล้อเลียนทั้งเยาะเย้ย ไฟโมโหโจมตีหัวใจ สกัดกั้นไว้ไม่อยู่ เขาหันกลับไปอย่างโหดเหี้ยม ปรากฏว่าถูกป้าฟางบังจูนจิ่วเอาไว้ ได้แต่กัดฟันเดินจากไป
รอก่อนเถอะ
ความแค้นทั้งหมดเขาจะจดจำเอาไว้ และจะคืนสนองให้จูนจิ่วเจ้าคนต่ำช้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
กระทั่งเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจากไปไกล จนมองไม่เห็นแล้ว ป้าฟางค่อยคลายแผ่นหลังที่แข็งเกร็งลง นางหมุนตัวหันไปขมวดคิ้วมองจูนจิ่ว“เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว ดีชั่วอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู เจ้าไม่ควรใช้วาจาที่ยโสโอหังเช่นนี้ ”
“หึ ”จูนจิ่วยิ้ม “อวดดีเกินไปหรือ ท่านยังไม่เคยเห็นตอนข้าอวดดีจริงๆ”
ป้าฟางนิ่งอึ้ง
จูนจิ่วพูดอีกว่า “เผชิญหน้ากับคนที่มันจะจับข้าจะฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า นับว่าข้าอ่อนโยนมากแล้ว เพราะข้าสมควรจะเอาดาบบาดคอเขา ทำลายสำนักให้เขาให้ราบคาบ”
ไม่เพียงแต่ป้าฟางที่ตัวแข็งทื่อดุจหินสลัก พวกมู่จิ่งหยวนต่างก็นิ่งอึ้งไปตามๆกัน น้ำเสียงของจูนจิ่วเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยไอสังหาร นางไม่ได้กำลังล้อเล่น แต่จะทำเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาค่อยๆได้สติกลับมา จูนจิ่วได้พาเสี่ยวอู่เดินกลับไปทางด้านหลังแล้ว ด้านหลังมีชิงหยู่ที่เดินตามด้วยสีหน้าปกติ
เป็นศิษย์พี่ต้องมีสติ นี่ยังไม่เท่าไหร่ รอให้ถึงตอนลงมือจริง เขารับผิดชอบยื่นมีดให้อย่างเมตตาจึงนับว่าทำเรื่องจริงจัง
ระหว่างทาง เดินออกไปไกลจนเหลือแค่พวกเขา
จูนจิ่วก็เปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “หลังจากกลับไปแล้ว ศิษย์พี่ต้องเตรียมตัวให้ดี อีกไม่นาน ก็น่าจะลงมือแล้ว”
“พวกเขามาแล้วหรือ”ชิงหยู่ถามอย่างตกตะลึง
จูนจิ่วพยักหน้า นางพูดว่า “เย่ส้ามากันแล้วเก้าคน แต่เบื้องต้นมีใครบ้างยังไม่ชัดเจน แต่ว่าพวกเขาได้ซึมเข้าไปในเทียงฉิวอย่างราบรื่นแล้ว เจ้าสำนักศึกษาเทียงซูไม่อยู่ พวกเขาลงมือได้เร็วและแม่นยำมาก รอให้กลับไปแล้วค่อยถามสถานการณ์ของพวกเขา ก็จะรู้ว่าควรลงมือตอนไหน”
“ได้ ”ชิงหยู่พยักหน้า
เสี่ยวอู่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา หรี่ตาลงเอ่ยถามว่า “แล้วพวกมู่จิ่งหยวนเล่า สำนักศึกษาไท่ชูกับจื่อเซียวจะทำอย่างไร”
มุมปากโค้งขึ้น จูนจิ่วลูบที่หัวของเสี่ยวอู่ ขนขาวปุกปุยดุจหิมะ ให้สัมผัสที่ดีลูบแล้วทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไรขึ้นมา สายตาของจูนจิ่วพลันมีแววเย็นชาวาบผ่าน
นางสะกิดที่หางของเสี่ยวอู่ ฟังมันพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าพวกเขาจะยืนอยู่ฝ่ายไหน”
เพื่อมิตรภาพหรือศัตรู จูนจิ่วเชื่อว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูรู้ว่าควรทำอย่างไร พูดตามจริง นางไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกเขา เมื่อครู่นางได้เตือนพวกมู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินจ้านแล้ว ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะสมดังปรารถนา
เมื่อกลับไปถึงลานกลางทะเลสาบ จูนจิ่วก็ไปดูจี้อีหมิงก่อน
ในเรือน เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวได้มาถึงแล้ว และในนี้ยังมีนักกลั่นยาที่ช่วยจี้อีหมิงตรวจดูบาดแผลแล้ว รวมถึงนักกลั่นยาพิษเฟยชิงก็มา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร
พูดถึงบาดแผล จูนจิ่วได้จัดการจนเรียบร้อยแล้วถ้าพวกเขาไปช่วยจะเป็นการเพิ่มภาระเสียมากกว่า พูดถึงเรื่องยา ตำรับยาของจูนจิ่วนั้นดีกว่าที่พวกเขาใช้เวลามากกว่าครึ่งค่อนวันกว่าจะคิดออกได้ สุดท้ายยังมีนักกลั่นยาหน้าหนาสองคนขอยาไปเม็ดหนึ่งเพื่อทำการศึกษา
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเห็นจูนจิ่วมา ก็พยักหน้าให้นางและพูดว่า “จูนจิ่ว ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเสี่ยวหมิงเอาไว้ ข้ารู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว เรื่องนี้ข้าต้องขอคำอธิบายดีๆกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแน่”
ที่เลือกจี้อีหมิง นั่นก็เพราะเขาอายุน้อย พลังอ่อนแอ หากไม่เกิดเรื่องก็คงไม่มีใครไปค้นตัว ฉะนั้นจึงได้วางแผนร้ายที่ตัวเขา เกือบจะทำเอาจี้อีหมิงตาย
คนที่ให้ท้ายหลานอย่างเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวโกรธจนแทบระเบิด แต่พอได้ยินว่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็กระอักเลือดจนกระทบลมปราณ ซิงโล่เฉินกับหงยิงยิ่งอนาถกว่า นักกลั่นยาพิษเฟยชิงกำลังไปช่วยรักษาพวกเขา ฉะนั้นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวก็ไม่ได้ไปหาเรื่องในทันที