บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 453 ข้าเป็นว่าที่สามีของเจ้า
“ตู๋กู……”ป้าฟางที่เอาแต่นิ่งขรึมอยู่ในความตกใจ นางมองเห็นจูนจิ่วในตอนนี้ ก็เพิ่งจะเข้าใจคำพูดของจูนจิ่วในตอนนั้นที่ว่านางยังไม่ได้เห็นตอนที่อวดดีขึ้นมาจริงๆ
กระทั่งพลังแข็งแกร่งสายนั้นพุ่งเข้ามาอย่างไม่คาดคิดจนระเบิดขึ้น ป้าฟางจึงได้สติกลับมา ปฏิกิริยาแรกของนางคือต่อต้านแรงปะทะ หลังสิ้นสุดลงแล้วก็ได้ยินเหลิ่งยวนสนทนากับชายคนนั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของชายคนนั้น ป้าฟางก็ต้องสูดลมหายใจ
จากนั้นนางก็ร้องเรียกชื่อสองตัวนั้นออกไปอย่างยากลำบาก ก็ถูกชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีท่าทีอบอุ่น แท้จริงแล้วกลับใช้สายตาเย็นชาตัดบทนางเสียก่อน
ชายหนุ่มกระตุกมุมปาก เปิดปากพูดขึ้นเองว่า “ข้ามาจากตำหนักไท่หวง”
ในสายตาของเขา คนพวกนี้ไม่เหมาะที่จะรู้จักชื่อของเขา เขามา เพราะมีรายงานถึงการตายอย่างกะทันหันของซิงโล่เฉิน ชายหนุ่มประหลาดใจมาก สำนักศึกษาเทียนซูเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
และพอรู้ว่าชายหนุ่มมาจากตำหนักไท่หวง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขาใช้มือหนึ่งกดเอาไว้ที่หน้าอก ล้มลุกคลุกคลานพุ่งตรงไปยังชายหนุ่ม ยื่นมือออกไปคว้าสาบเสื้อของชายคนนั้นเอาไว้ ทิ้งรอยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน “ช่วยข้าด้วย ใต้เท้าท่านต้องช่วยสำนักศึกษาเทียนซู พวกข้าเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตำหนักไท่หวง”
สายตาของชายหนุ่มหยุดมองอยู่ที่รอยมือเปื้อนเลือดบนสาบเสื้อและนิ่งงันไปชั่วครู่ เขายังคงมีรอยยิ้มเหมือนเดิม แต่สายตาเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน มองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูและถามขึ้นว่า “เจ้าก็คือเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูหรอกหรือ ค่อยๆพูด บอกข้าสิว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ”
“เป็นนาง เป็นจูนจิ่วนังคนชั่วช้าคนนี้ต้องการจะทำลายสำนักศึกษาเทียนซูของข้า เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักศึกษาไทชูล้วนเป็นพรรคพวกของนาง ใต้เท้าท่านต้องช่วยข้าตัดสินด้วย”น้ำเสียงของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเล็กแหลม ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดัง
เขาเชื่อมั่นว่า คนของตำหนักไท่หวงต้องช่วยเขาแน่
ถึงเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นจูนจิ่ว หรือเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวทั้งหลาย เขาจะฆ่าให้หมด
“จูนจิ่ว?”สายตาของชายหนุ่มมีแววตกตะลึงวาบผ่าน เขาเงยหน้าขึ้นมามองจูนจิ่วแต่ก็มองเห็นได้เพียงครึ่งใบหน้าเท่านั้น ก็ถูกเหลิ่งยวนที่ยืดอกเชิดหน้าบังเอาไว้จนมิด เหลิ่งยวนมองเขาอย่างเยาะเย้ย ไม่มีทีท่าที่จะยอมถอยเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มก็ไม่ได้โกรธ ตรงกันข้ามรอยยิ้มที่มุมปากกลับลึกล้ำขึ้น เขาถาม “จูนจิ่ว ลูกสาวของจูนหมิงเย่กับม่านตงหรือ”
“ใช่ ”จูนจิ่วเดินออกมาจากข้างหลังของเหลิ่งยวนด้วยตนเอง
เหลิ่งยวนเห็นแล้วก็รู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง ชายคนนี้มองก็รู้ว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ดีต่อแม่นางจูน ยังรู้จักชื่อพ่อแม่ของแม่นางจูนอีกด้วย ทำไม่แม่นางจูนต้องออกมาจากข้างหลังเขาด้วย
จูนจิ่วมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา ชายหนุ่มก็มองมาที่นาง ใบหน้ายิ่งทวีความอบอุ่นแฝงด้วยความยินดีเล็กน้อย เขายิ้มและน้ำเสียงก็เปลี่ยนจนฟังดูอบอุ่นรื่นหู “จูนจิ่ว ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าพบ”
ตามติดจากคำพูดของเขา คือลำแสงเยือกเย็นสายหนึ่งปะทุขึ้น ฟู่
เหลิ่งยวนเกร็งร่างขึ้นมาทันทีทันใด เตรียมพร้อมปกป้องจูนจิ่วเสมอหากนางต่อสู้กับชายคนนั้นขึ้นมา จากนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึงต่อการกระทำของเขา ชายคนนี้ฆ่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไปแล้ว
เห็นเพียงเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกุมที่ลำคอเอาไว้ สายตาไม่อยากเชื่อของเขาทั้งคู่เกือบจะถลนออกมาจากเบ้าตา จนกระทั่งเขาล้มลงไปตายสายตาก็ยังคงจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม คิดไม่ออกว่าชายคนนี้เป็นคนของตำหนักไท่หวง ทำไมจึงต้องฆ่าเขา
“อาจารย์”หงยิงร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด
ชายหนุ่มกวาดตามองหงยิงแวบหนึ่ง ยกมือขึ้น ด้านหลังของเขามีคนที่สวมชุดปักสีเงินพุ่งออกมาสองคน คำนับแล้วก็เข้าไปจับกุมตัวหงยิงลากออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนพวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกคนต่างจ้องมองไปทางชายหนุ่มอีกครั้งอย่างประหลาดใจ
นี่มันอะไรกัน
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปทางจูนจิ่ว ในดวงตาของเขาราวกับมีแอ่งน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น มองจูนจิ่วอย่างอ่อนโยนจนแทบจะทำให้นางจมน้ำตายอยู่แล้ว
“หยุดก่อน”เหลิ่งยวนยื่นมือออกไปขวางชายหนุ่มเอาไว้ “เจ้าเป็นใครกันแน่บอกมาให้ชัดเจน ถ้าไม่บอกก็อย่าได้คิดจะเข้าใกล้นาย……อะแฮ่ม อย่าคิดเข้าใกล้แม่นางจูนแม้แต่ครึ่งก้าว”
เกือบจะหลุดคำว่านายหญิงออกไปแล้ว เหลิ่งยวนรีบกลืนกลับเข้าไปทันที เขาอยากจะบอกว่า เจ้านายต้องชอบใจแน่ๆ แต่พอเห็นท่าทีของแม่นางจูนแล้วก็ช่างเถอะ แม่นางจูนไม่พอใจ เจ้านายก็จะไม่พอใจตามไปด้วย สุดท้ายที่ต้องซวยก็คือเขา
ชายหนุ่มถูกเหลิ่งยวนขวางไว้หลายครั้ง ก็ไม่ได้รู้สึกโมโห เขามองข้ามเหลิ่งยวน สายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนมองไปที่จูนจิ่ว เขาพูดว่า “จูนจิ่ว ข้าคือตู๋กูชิง”
“เมื่อครู่ไม่รู้ฐานะของเจ้า ฉะนั้นจึงได้เสียมารยาท ข้าได้ฆ่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเพื่อระบายอารมณ์แทนเจ้าแล้ว ยังมีหงยิงคนนั้น ข้าจะสอบสวนนางด้วยตนเอง หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว จะคืนความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้เจ้า ยังมีเรื่องที่เมื่อครู่ข้าไร้เจตนาทำให้ได้รับบาดเจ็บไป เป็นเพื่อนของเจ้าสินะ ข้าจะเชิญนักกลั่นยาที่ฝีมือเยี่ยมที่สุดมา รับผิดชอบรักษาพวกเขาให้หายอย่างสุดกำลัง อีกทั้งยังชดใช้ให้ด้วย”
เหลิ่งยวน :??
ทุกคน:??
ป้าฟาง :!!
คนคนนี้ทำไมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนัก ราวกับพายุหมุน พวกเขาตอบสนองไม่ทันจริงๆ คนที่ไม่รู้จักตู๋กูชิงต่างรู้สึกมึนงงไปตามๆกัน แต่ป้าฟางที่รู้จักเขาดี กลับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาทั้งร่าง
เสี่ยวอู่เงยหน้าขึ้นมองจูนจิ่ว สบถในใจว่า “เจ้านาย คนคนนี้ไม่สบายใช่หรือไม่ ”
ไม่รู้ จูนจิ่วเองก็ประหลาดใจมาก นางเลิกคิ้วมองตู๋กูชิงด้วยสายตาเย็นชา จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้จักเจ้า ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย”
“แต่ตอนนี้พวกเรารู้จักกันแล้ว ใช่แล้ว เมื่อครู่แนะนำตัวไม่ถูกต้อง ข้าขอเสริมอีกสักหน่อย ข้าเป็นว่าที่สามีของเจ้าชื่อตู๋กูชิง”
อะไรนะ
ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนอ้าปากตาค้าง อดไม่ได้ที่จะเอามือไปแคะหู สงสัยว่าตนเองจะฟังผิดไป
จูนจิ่วนิ่งอึ้ง “ว่าที่สามี”
ปฏิกิริยาแรกของนางคือมองปราดไปทางเฟิ่งเซียว เสด็จปู่ ว่าที่สามีของข้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าสวะเฟิ่งเทียนฉี่คนนั้นหรอกหรือ ทำไมจึงโผล่มาอีกคนชื่อตู๋กูชิง เฟิ่งเซียวได้รับรู้สายตาของจูนจิ่ว ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างมึนงง เขาก็ไม่รู้เช่นกัน
“ตัวปลอมกระมัง”เหลิ่งยวนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรง
แม่นางจูนมีว่าที่สามี เจ้านายของเขาจะทำอย่างไร นี่ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่
สายตาของจูนจิ่วยิ่งทวีความเยือกเย็น นางมองตู๋กูชิงอย่างไร้อารมณ์สิ้นเชิง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้าไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่าตัวเองยังมีว่าที่สามีคนหนึ่งอยู่ เจ้าพูดแล้วข้าต้องเชื่อด้วยหรือ ”
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกอึดอัดใจมาก แต่สิ่งนี้สามารถยืนยันตัวตนของข้าได้ อีกทั้งยังทำให้เจ้าเชื่อด้วย”ตู๋กูชิงหยิบเอาวงกลมแผ่นหนึ่งออกมา ของสิ่งหนึ่งที่เป็นสีทองมีลายฉลุไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร จากลายฉลุนั้น สามารถมองเห็นแสงวิบวับเป็นจุดดุจดวงดาวมากมายในนั้นได้
แววตาของจูนจิ่วขรึมลง เสี่ยวอู่เบิกตาแมวกว้าง “นี่เหมือนกับลูกบอลสีทองของท่านมาก”
วัสดุอย่างเดียวกัน มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน
ตู๋กูชิงเดินเข้าไปใกล้จูนจิ่วอีกสองก้าว เขายิ้มอย่างอบอุ่นและพูดว่า “นี่เป็นของยืนยันคำมั่นสัญญาที่แม่ของเจ้าม่านตงมอบไว้ให้ข้า ใช้สิ่งนี้เป็นการยืนยัน รอให้เจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้วก็สามารถแต่งงานกันได้”
ทุกคน :แม่เอ๊ย ยังมีหลักฐานออกมายืนยันจริงๆด้วย หรือคนคนนี้จะเป็นว่าที่สามีของจูนจิ่วจริงๆ
“เจ้าเพิ่งจะลืมตาดูโลกได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเจ้าก็จากโลกนี้ไปแล้ว ฉะนั้นเจ้าจึงไม่รู้เรื่อง และก็ไม่มีใครบอกเจ้าด้วยว่าพวกเรามีสัญญาแต่งงานกัน แต่ข้าไม่มีทางหลอกเจ้าแน่”สายตาของตู๋กูชิงราวกับมีคลื่นน้ำ ยังคงชี้นำเรื่อยๆว่า“เพราะว่ามีเพียงแค่เจ้ากับข้าที่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร มันกับของยืนยันคำมั่นสัญญาที่มีอยู่ในมือเจ้า มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะทำปลอมแปลงขึ้นมาได้ ”
จูนจิ่วไม่ได้หวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น ยิงคงมองตู๋กูชิงด้วยสายตาเย็นชาเช่นเดิม นางเปิดปากถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “เจ้ารู้จักซิงโล่เฉินหรือไม่ ”
“แค่เคยพบกันสองครั้ง เป็นเพราะสถานะของข้า ไม่สามารถออกจากตำหนักไท่หวงเพื่อตามหาเจ้าด้วยตนเองได้ ฉะนั้นจึงได้ขอร้องให้ซิงโล่เฉินมาตามหาเจ้าที่นี่ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่ข้าคิดเอาไว้ เมื่อครู่ข้าเห็นศพของเขา เกิดเรื่องอะไรขึ้น จูนจิ่วเจ้ายินดีจะเล่าให้ข้าฟังด้วยตนเองหรือไม่ ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้ ”
ในน้ำเสียงของตู๋กูชิงมีแฝงแววไร้ความผิดและไม่รู้เรื่องราว อีกทั้งยังแสดงออกว่าเป็นห่วงจากใจจริงต้องการจะปกป้องนาง