บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 465 คนมีวาสนา
มีเพียงคนตระกูลเหยียนที่สามารถใช้ได้
ตู๋กูชิงขยับนิ้วมือ ใช้พลังทั้งหมดที่มีในร่างกายเพื่อควบคุมไม่ให้ตนเองกำมือจนแน่น และแย่งชิงเอากุญแจเวลาไป เขาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา เงยหน้ามองไปทางจูนจิ่ว ตู๋กูชิงเผยรอยยิ้มจริงใจลึกซึ้ง “ไม่ผิด นี่คือกุญแจเวลาจริงๆ มีเพียงมันที่จะสามารถทำให้หุยสู้ของข้าหมุนวนได้ด้วยตัวของมันเอง ”
ตู๋กูชิงกางมืออีกข้างหนึ่งออก เขาหยิบเอาหุยสู้ออกมา
เอาของสองสิ่งออกมาเปรียบเทียบกัน จึงจะสามารถดูให้แน่ใจได้ว่า พวกมันมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน เมื่อเข้าใกล้กัน หุยสู้กำลังหมุนวนขึ้นเองแต่กุญแจเวลากลับสงบนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆ
ตู๋กูชิงยิ้มบางๆอธิบายถึงปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อครู่ “ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย หวังว่าจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกตกใจ”เขายื่นมือออกไป ควบคุมความเจ็บปวดราวกับมีเลือดไหลหยดออกมาในใจยื่นกุญแจเวลาคืนกลับไปให้จูนจิ่ว
ตอนนี้ยังมีใครที่เจ็บปวดไปกว่าเขา
อยากหาก็หาไม่เจอ ของล้ำค่าที่ตนเองเฝ้าคิดถึงทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เพราะเขาไม่สามารถใช้งานมันได้ จึงต้องจำใจคืนกลับไป
ขณะเดียวกัน ตู๋กูชิงก็อดที่จะรู้สึกโชคดีไม่ได้ โชคดีที่จูนจิ่วยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกฆ่าตายเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเขาได้กุญแจเวลามาก็ไร้ประโยชน์ ถ้าจะได้มาก็ต้องได้ทั้งของล้ำค่าและคนมาพร้อมกัน ตู๋กูชิงยิ้มมองจูนจิ่ว ลึกลงไปในแววตามีพลังแห่งความแน่วแน่ที่จะได้มา ความปรารถนาหมุนวนดุจหลุมดำ
เขาต้องได้มาแน่
จูนจิ่วเก็บกุญแจเวลากลับไป นางเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆว่า “ตอนที่แม่ข้ามอบหุยสู้ให้ท่าน นางพูดอะไรบ้าง ตอนนั้นนางคงยังไม่ได้ตั้งครรภ์ข้า”
“แน่นอนว่าไม่ได้พูดคุยกันในตอนนั้น ตอนนั้นแม่เจ้าก็แค่ชื่นชมข้า จึงได้มอบหุยสู้ให้ข้าเป็นของขวัญ แต่หลังจากนั้น นางถูกคนของชั้นกลางสามชั้นจับตัวกลับไป ตอนที่ข้าได้พบกับนางเป็นครั้งสุดท้าย นางบอกถึงการมีตัวตนอยู่ของเจ้า อีกทั้งยังบอกว่าให้หุยสู้เป็นของแทนคำมั่นสัญญา หวังว่าข้าจะดูแลเจ้าให้ดี ”ตู๋กูชิงพูด
จูนจิ่วเลิกคิ้ว “ท่านก็ตอบตกลงเลยหรือ”
“ข้าให้เคารพต่อคุณหนูม่านตง คำขอร้องของนางข้าต้องตอบตกลงอยู่แล้ว หรือว่า จูนจิ่วเจ้าไม่อยากจะแต่งงานกับข้าสักนิดเลยหรือ”ตู๋กูชิงเปลี่ยนเรื่องหันมาถามจูนจิ่วแทน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจนใจและเจ็บปวด ไม่ว่าใครมองแล้ว ก็คงอดที่จะเชื่อไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อจูนจิ่วนั้นมันลึกซึ้งมากแค่ไหน จริงจังมากเท่าใด
แต่ไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่เพิ่งจะเคยพบเจอกันไม่กี่ครั้ง พูดตามความจริง แม้แต่จูนจิ่วยังรู้สึกเชื่อความรู้สึกของตู๋กูชิงขึ้นมาเล็กน้อย
ฝีมือการแสดงของตู๋กูชิงนั้นลึกล้ำมาก ถ้าไม่ใช่เพราะจูนจิ่วมีชีวิตมาแล้วก่อนหน้านี้ชาติหนึ่ง เดิมเป็นคนหัวสูงให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับหนึ่ง ไม่แน่ก็อาจจะถูกตู๋กูชิงทำให้หวั่นไหวแล้วก็ได้ แต่น่าเสียดายมาก นางไม่ได้หวั่นไหวใดๆเลย
“ใช่”จูนจิ่วมองสีหน้าของตู๋กูชิงที่เปลี่ยนไปอย่างเย็นชา
นางพูดต่อไปว่า “ข้าไม่ได้ชอบท่าน ท่านวางใจได้ แม้ไม่สามารถทำตามสัญญาแต่งงานให้สำเร็จได้ ข้าก็ไม่คิดจะเก็บหุยสู้คืนมา นั่นเป็นสิ่งที่แม่ข้ามอบให้ท่านก็เท่ากับเป็นของท่าน ถ้าท่านต้องการชดเชยให้ข้าจริงๆละก็ เช่นนั้นก็รีบหาทางพาข้าไปพบกับแม่ของข้าให้เร็วที่สุด”
สีหน้าของตู๋กูชิงเขียวคล้ำ แล้วก็ต้องแสดงให้เนียนจนจบ พยักหน้ายิ้มบางๆพูดว่า“ได้”
พูดจบ เขาเก็บหุยสู้แล้วก็กล่าวลาง่ายๆ หมุนตัวจากไปทันที ถ้ายังไม่ไปอีก ตู๋กูชิงเกรงว่าตนเองจะฝืนต่อไปไม่ไหวที่จะใช้กำลังกับจูนจิ่ว นั่นเป็นความคิดที่แย่ที่สุด
“เจ้าหนุ่มที่เอาแต่สร้างความรำคาญในที่สุดก็ไปซะที เมื่อครู่ข้าได้จ้องมองทุกการกระทำของเขาอย่างไม่ละสายตา แม่นางจูนอยากจะถามอะไรข้า”ตู๋กูชิงเพิ่งจะเดินออกไป เหลิ่งยวนก็ไหวตัวมาอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วอย่างรวดเร็ว
จูนจิ่วมองไปทางเขา พูดว่า “ตอนที่เขาได้หุยสู้กับกุญแจเวลาทำอะไรไปบ้าง”
จูนจิ่วเห็นเองกับตาก็จริง แต่พลังของนางไม่เพียงพอ ดูไม่ออกถึงการกระทำของตู๋กูชิง แต่เหลิ่งยวนนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าตู๋กูชิง เขารู้
เหลิ่งยวนได้ยินคำพูดนี้ เรียบเรียงคำพูดแล้วค่อยตอบออกไปว่า “เขาฝึกฝนวิชากาลเวลา หุยสู้ที่อยู่ในมือของเขามาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับกุญแจเวลาที่อยู่กับท่าน เขาน่าจะเรียนรู้วิชากาลเวลามาจากหุยสู้ แม้ว่าจะเป็นเพียงวิชาลับที่เข้าใจได้ง่ายก็ตาม แต่เพราะเป็นเวลา จึงร้ายกาจและอันตรายมาก ”
จูนจิ่วแววตาขรึมลง “ข้าเข้าใจแล้ว”
ซิงโล่เฉินเป็นคนของตู๋กูชิงนั่นเอง
อะไรกันที่ว่าซิงโล่เฉินหลอกลวงเขา ส่วนเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับหงยิงก็เป็นพวกโหดเหี้ยมโลภมาก คิดอยากจะแย่งของล้ำค่าไปครอบครองไว้เอง เห็นได้ชัดว่าเป็นคำสั่งของเขาทั้งนั้น
สิ่งที่ตู๋กูชิงต้องการก็คือกุญแจเวลา แต่พอเขาได้เห็นแล้ว ก็เปลี่ยนความคิดทันที อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด
“แม่นางจูน เมื่อครู่ตู๋กูชิงได้ทดลองใช้งานกุญแจเวลา แต่เข้าไม่มีทางใช้มันได้ ”
!!
ในที่สุดก็เข้าใจแจ่มแจ้ง จูนจิ่วยิ้มเย็นพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาไร้หนทางที่จะใช้กุญแจเวลา ฉะนั้นจึงได้หันมาหาข้าแทน”
“มีข้าอยู่ จะไม่ยอมให้ตู๋กูชิงแตะต้องแม่นางจูนได้แม้แต่ปลายนิ้ว ถ้าหากข้าสู้ไม่ไหว ก็ยังมีเจ้านาย ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะมาทำร้ายแม่นางจูนเด็ดขาด”เหลิ่งยวนแววตาลุกโชน ทำร้ายนายหญิงของเขา เชื่อหรือไม่เจ้านายต้องสั่งกองทัพมาฆ่าล้างบาง ทำลายชั้นต่ำสามชั้นทั้งหมดแน่
ทำให้ผู้แข็งแกร่งโกรธบนพื้นดินย่อมเต็มไปด้วยศพนับล้าน แต่ถ้าโม่อู๋เยว่โกรธ บนพื้นคงไม่ได้มีแค่ศพนับล้านกระมัง
เสี่ยวอู๋ยกกรงเล็บขึ้น “เหมียว ยังมีเสี่ยวอู่ จะปกป้องเจ้านายเหมือนกัน”
มุมปากโค้งขึ้น จูนจิ่วใช้สองมือจับไปที่ใบหูของเสี่ยวอู่ ผลักทั้งสองข้างเข้าหากัน จากหูแมวก็กลายเป็นหูกระต่าย น่ารักจนจูนจิ่วจับไว้ไม่ยอมปล่อย จูนจิ่วพูดว่า “ตำหนักไท่หวง เป็นเพียงไม้กระดกที่จะพาข้าไปหาท่านแม่เท่านั้น ข้าไม่อยู่ที่นี่นาน”
เหลิ่งยวนพยักหน้า
……
เพราะคำพูดของจูนจิ่ว สองวันมานี้ตู๋กูชิงไม่ได้มาหานางอีก จูนจิ่วก็มีความสุขในความสงบ หลังจากได้รับการนำทางจากผางเจียเยว่หนึ่งครั้ง จูนจิ่วก็ไปที่ห้องหนังสือด้วยตนเองทุกวัน
ป้ายคำสั่งของตู๋กูชิง สามารถทำให้จูนจิ่วอ่านหนังสือหายากทั้งหมดในห้องหนังสือได้ สติถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ห้องหนังสือหนึ่งชั้นต้องใช้เวลาอ่านสองวัน ห้องหนังสือของที่นี่ใหญ่กว่าของสำนักศึกษาทั้งสามมากนัก จูนจิ่วมาที่นี่ทุกวัน ราวกับฟองน้ำที่ดูดซับความรู้อย่างบ้าคลั่ง
วันนี้ จูนจิ่วมาถึงภายในห้องหนังสืออีกครั้ง
นางได้อ่านมาจนถึงชั้นที่สามแล้ว พบเข้ากับชายชราท่านหนึ่งที่หน้าประตูจูนจิ่วได้แต่ยิ้มเรียบๆพยักหน้าให้ นางพบกับชายชราคนนี้ทุกวัน อีกฝ่ายเหมือนจะมีหน้าที่รับผิดชอบห้องหนังสือ เห็นเขาถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือไว้อ่านเสมอ ยิ้มจางๆเดินผ่านไป จูนจิ่วยกมือขึ้นหยิบหนังสือลงมาหนึ่งเดินไปนั่งอ่านยังมุมหนึ่ง
เสี่ยวอู่เดินเข้าไปข้างกายจูนจิ่ว เขาสะกิดจูนจิ่วจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย ไปรับแสงแดดอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ จูนจิ่วอ่านหนังสือหนึ่งวัน มันก็สามารถนอนได้หนึ่งวัน
วันนี้ สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปคือ ช่วงพลบค่ำ ตอนที่จูนจิ่วเก็บหนังสือเห็นชายชราคนนั้นยืนมองนางด้วยรอยยิ้มบางๆข้างชั้นวางหนังสือ
แววตาไหววาบ จูนจิ่วยิ้มและถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือไม่”
“เพื่อนตัวน้อย เจ้าจะช่วยข้าสักเรื่องได้หรือไม่”นี่เป็นคำพูดแรกที่ชายชราพูดกับนาง
แววตาของจูนจิ่วมีแววประหลาดใจวาบผ่าน ขณะนี้เองเสี่ยวอู่ก็กระโดดลงมาจากหน้าต่าง บิดขี้เกียจทีหนึ่งแล้วก็เกินไปข้างกายจูนจิ่ว ราวกับองครักษ์ที่มองชายชราอย่างพิจารณา ชายชรายิ้ม “แมวน้อยที่งดงามและน่ารัก”
“เหมียว”เสี่ยวอู่เชิดหน้าขึ้นด้วยความหยิ่งยโส
อยากขอให้นางช่วยเหลือ
จูนจิ่วมองชายชราอย่างพิจารณาอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาดุจแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนไม่ได้ดูเสแสร้งเหมือนตู๋กูชิง ในที่สุดจูนจิ่วก็เอ่ยขึ้นว่า “ก็ต้องดูว่าข้าจะช่วยได้หรือไม่ ”
“ลองดูก่อนเถอะ ปัญหานี้รุมเร้าข้ามาหลายปีแล้ว เคยมีคนเคยบอกกับข้าว่าคนมีวาสนาจะช่วยข้าเปิดมันได้ ข้ารู้สึกว่า เจ้าก็คือคนมีวาสนาคนนั้น”ชายชรามองด้วยสายตามีเมตตากรุณา ยื่นมือส่งกล่องกล่องหนึ่งให้จูนจิ่ว
จูนจิ่วรับเอาไปพิจารณา หางตามีแววสว่างวาบขึ้นทันใดราวกับเห็นอะไรบางอย่าง ตัวแข็งนิ่งไปทันที