บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 467 อันตรายของงานเดิมพันหินทิพย์
ลี่หยุนซูที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตำหนักไท่หวง ลูกสาวซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของเจ้าตำหนัก การเดินทางมีรถม้าห้าตัวเพื่อแสดงสถานะของตนเอง ทุกที่ที่ผ่านคนที่เดินไปมาต่างต้องถอยและทำความเคารพ
ลี่หยุนซูมองไปทางจูนจิ่วและพูดว่า “ในตำหนักไท่หวงมีการแบ่งตำแหน่งชัดเจน สูงสุดคือเจ้าตำหนัก ถัดมาคือผู้อาวุโส ต่อมาก็เป็นผู้ดูแลกับลูกศิษย์ และคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักไท่หวง ก็เหมือนกันกับสามเมืองในสำนักศึกษาทั้งสาม ล้วนเป็นลูกหลานของชาวตำหนักไท่หวงที่อยู่มาหลายชั่วคน และมีจำนวนน้อยที่ย้ายเข้ามาด้วยความสามารถของตัวเอง ”
จูนจิ่วพยักหน้าเรียบๆ
“เจ้าชื่อจูนจิ่วใช่หรือไม่ ข้าขอเรียกเจ้าว่าน้องจูนได้หรือไม่ แล้วก็ ข้าควรจะขอโทษเจ้าเรื่องวันนั้นที่เข้าใจเจ้าผิดไป ยังลงมือลอบทำร้ายเจ้าด้วย”ได้ยินลี่หยุนซูเอ่ยขอโทษ จูนจิ่วก็เลิกคิ้วขึ้นหันกลับไปมองนาง
ลี่หยุนซูยิ้มอย่างอายๆอยู่บ้าง “ข้าคิดว่าเจ้าชื่นชอบพี่ตู๋กู ดังนั้นจึงไม่ค่อยเป็นมิตรกับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าเป็นเพียงเพื่อนของพี่ตู๋กู ไม่ใช่ศัตรูของข้า ”ลี่หยุนซูพูดอย่างตรงไปตรงมา ยังมีแววไร้เดียงสาอยู่นิดๆ
เดาว่าสถานะของนาง คงถูกเลี้ยงดูมามีชีวิตที่อยู่ดีกินดีตั้งแต่เล็ก ไม่เคยเผชิญลมฝน นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
ยิ้มเย็น จูนจิ่วมองลี่หยุนซูอย่างล้อเล่น “เจ้าชื่นชอบตู๋กูชิงขนาดนั้นเชียว”
“แน่นอน ตั้งแต่ข้าเห็นพี่ตู๋กูตั้งแต่แวบแรก ข้าก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานเป็นภรรยาของเขา แต่ว่าก่อนหน้านี้พ่อข้าไปพูดเรื่องหมั้นหมายกลับถูกปฏิเสธ พี่ตู๋กูบอกว่าเขาไม่ใช่คนที่ดีที่สุดสำหรับข้า แต่ข้าไม่มีทางละทิ้งอย่างแน่นอน”ลี่หยุนซูพูดถึงเรื่องที่ตู๋กูชิงปฏิเสธก็มีความเจ็บใจอยู่บ้าง แล้วตอนพูดถึงความแน่วแน่ของตัวเองน้ำเสียงก็หนักแน่นมั่นคงขึ้น
จูนจิ่วเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้บนใบหน้าของคนอื่น นั่นคือรักที่ลึกซึ้ง นอกจากคนที่รักแล้วก็จะไม่แต่งกับใคร
แต่เสียดาย เสี่ยวอู่พูดในใจ “แต่เสียดายที่ลี่หยุนซูตาบอด ที่ไปถูกตาต้องใจหมาป่าหางโตอย่างตู๋กูชิงเข้า”
“ใช่สิ น่าเสียดาย”จูนจิ่วพูดออกไปโดยตรง ลี่หยุนซูก็ได้ยิน
นางมองจูนจิ่วอย่างประหลาดใจ ถามอย่างสงสัยว่าเสียดายอะไร
มือลูบใต้คาง จูนจิ่วพิงอยู่ที่ผนังรถอย่างเกียจคร้าน นางยิ้มบางๆ น้ำเสียงเกียจคร้านแฝงแววชั่วร้ายอวดดีอยู่นิดหน่อย จูนจิ่วพูดว่า “เสียดายคนงามเช่นเจ้า เหมาะสมที่จะพบที่ดีกว่านี้จริงๆ บางทีเจ้าอาจจะเปลี่ยนคนที่ชอบเป็นอีกคนหนึ่ง เช่นคนที่มีหน้าตาดูดีกว่าเขา”
จูนจิ่วก็แค่ยกตัวอย่าง แต่ไม่คิดว่าลี่หยุนซูจะมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ใบหน้าแดงก่ำ
กะพริบตาปริบๆ จูนจิ่วรู้สึกมึนงงอยู่บ้างเล็กน้อย เอ๋ ทำไมลี่หยุนซูจึงมองหน้านางแล้วหน้าแดง
เสี่ยวอู่ เจ้านายคิดว่าอย่างไรเล่า
“จูนจิ่ว ข้าชอบแค่พี่ตู๋กูคนเดียวเท่านั้น รักคนคนหนึ่งก็ต้องรักเดียวใจเดียว จะให้สองจิตสองใจได้อย่างไร เอาล่ะ มาถึงงานเดิมพันหินทิพย์แล้วพวกเราลงจากรถกันเถอะ”ลี่หยุนซูพูดจบก็หมุนตัว กระโดดลงจากรถม้าก่อน ทิ้งจูนจิ่วที่ยังคงนิ่งอึ้งเบาๆเอาไว้ เพิ่งจะเข้าใจความหมายที่ลี่หยุนซูพูด
จูนจิ่วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “ลี่หยุนซูคิดว่าข้าแนะนำตัวเองให้นางหรือ”
“เหมียว เจ้านายท่านคงไม่ค่อยเข้าใจ ในเสน่ห์ของตัวเองใช่หรือไม่ ตั้งแต่โม่อู๋เยว่ไม่อยู่ ท่านก็เอาแต่หยอกสาวอยู่เรื่อย”เสี่ยวอู่เลียอุ้งเท้าเอ่ยวิจารณ์ออกมา
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่แน่ตอนที่โม่อู๋เยว่กลับมาบนหัวอาจจะมีเขางอกแล้วก็ได้
เหมียว ทำไมคิดแล้วจึงรู้สึกตื่นเต้นจังเลย
เหลิ่งยวน ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด ข้าได้สั่งการยินหันแล้ว ให้เขาเตือนเจ้านายเงียบๆว่าให้กลับมาเร็วหน่อย หยอกสาวอะไรกัน หยอกแค่เจ้านายของเขายังไม่พอหรืออย่างไร
ลงจากรถม้าแล้ว เงยหน้าก็มองเห็นประตูและลานอันกว้างใหญ่ มีอักษรจ้วนเขียนเอาว่า งานเดิมพันหินทิพย์
ลี่หยุนซูได้ให้คนไปมอบค่าร่วมงานเดิมพันหินทิพย์เป็นหินทิพย์ชั้นที่หนี่งจำนวนสามร้อย นางหมุนตัวกลับมาโบกมือเรียกจูนจิ่ว “น้องจูนจิ่วมาเร็วเข้า รีบเข้าไปกันก่อน ยังจะสามารถเลือกหินต้นกำเนิดดีๆได้ ถ้าเข้าไปสายก็เหลือแค่หินที่รูปร่างลักษณะไม่ดีแล้ว”
“ได้”จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่เดินเข้าไป
ระหว่างทาง ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและประหลาดใจมองพวกนางอย่างพินิจพิเคราะห์ พูดให้ถูกคือ พินิจพิเคราะห์จูนจิ่ว
พวกเขาต่างวิจารณ์กันขึ้น “สาวน้อยหน้าตาสวยงามคนนี้คือใครกัน”
“ถึงกับให้คุณหนูลี่ดูแลต้อนรับด้วยตนเอง สาวน้อยคนนี้มีสถานะอะไร ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของคนคนนี้ในตำหนักไท่หวงมาก่อน หรือว่าจะเป็นคนที่นั่งรถหงส์เก้าม้ามาในวันนั้น ”มีคนคาดเดา
“คงไม่ใช่นางกระมัง ก็แค่สาวน้อยคนหนึ่งจะมีสิทธิ์นั่งรถหงส์เก้าม้าได้อย่างไร”
……
ได้ยินทุกคำวิจารณ์ที่ทุกคนพูด แววตาเย็นชาของจูนจิ่วเป็นประกาย นางถามลี่หยุนซูเดินเข้าไปในงานเดิมพันหินทิพย์ ข้างในมีที่มาถึงก่อนอยู่มากแล้ว
ลี่หยุนซู “งานเดิมพันหินทิพย์แบ่งเป็นสามชั้น ข้างนอกสุดนั้นไม่จำเป็นต้องหยุดดู มีเพียงคนที่ไร้สถานะเท่านั้นที่จะทำการเลือกหินตรงนี้ ”ขณะที่ลี่หยุนซูพูด น้ำเสียงก็ฉายแววหยิ่งยโสเหยียดหยาม
นางพูดต่อไปว่า “ชั้นที่สองเป็นที่ที่เหล่าลูกศิษย์ของตำหนักไท่หวงทำการเลือกหินทิพย์ พวกเราตรงไปยังชั้นสามกันเลย หินต้นกำเนิดของที่นั่นล้วนเป็นหินที่ผ่านการคัดเลือกอย่าพิถีพิถันแล้ว เตรียมไว้ให้คนที่มีฐานะสูงส่งอย่างพวกเราไว้โดยเฉพาะ น้องจูนไปกันเถอะ ข้ารู้จักที่ดีๆอยู่สองแห่ง หินต้นกำเนิดของที่นั่นดีที่สุด”
เดินตรงไปยังชั้นที่สาม ที่นี่มีพลังทิพย์รวมตัวก่อขึ้นเป็นดวงทิพย์
จูนจิ่วมองสำรวจ เห็นหินต้นกำเนิดดีๆไม่น้อย ด้วยพรสวรรค์ที่นางมี แค่แวบเดียวก็สามารถมองทะลุหินต้นกำเนิดเข้าไปจนพบว่าหินทิพย์ที่อยู่ด้านในนั้นเป็นระดับไหน เหล่านี้ล้วนเป็นหินทิพย์ชั้นที่สาม ไกลออกมาสามารถมองเห็นหินทิพย์ชั้นที่สี่เม็ดเล็กๆก้อนหนึ่ง จูนจิ่วพลางพิจารณา พลางเดินเล่นอยู่ข้างหลังของลี่หยุนซู
เลือกหินต้นกำเนิดสิบก้อนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ถ้านางเลือกก็ต้องเลือกที่ดีที่สุด
ภายใต้สายตาที่มองมาจากทั้งสี่ทิศ ทันใดนั้นจูนจิ่วก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่แฝงแววอาฆาตมาดร้ายสายหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชามองไปรอบๆแวบหนึ่ง แต่ไม่พบกับเจ้าของสายตาคู่นั้น หลังภูเขาจำลอง มีร่างของเมี่ยวยู่เอ๋อหลบซ่อนตัวอยู่
นางสบถเสียงเบาว่า “ความรู้สึกไวไม่เบาเลย แต่นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้ ประเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นดีแน่”
เมี่ยวยู่เอ๋อกวักมือ ทันใดนั้นคนรับผิดชอบดูแลงานเดิมพันหินทิพย์ก็เดินยิ้มตาหยีเข้ามาคำนับ “เชิญใต้เท้าสั่งการ”
เมี่ยวยู่เอ๋อ“ป้ายหยกของเจ้าตำหนักตู๋กูหายไปหนึ่งชิ้น เกรงว่าจะถูกคนขโมยไปแล้ว วันนี้ตำหนักไท่หวงมีงานเดิมพันหินทิพย์กับงานประมูล เป็นไปได้ว่าขโมยคนนั้นจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เจ้าสั่งการให้คนล้อมที่นี่เอาไว้ให้หมด ค้นดูดีๆให้ทั่วเข้าใจหรือไม่ ”
ผู้รับผิดชอบงานรีบพยักหน้ารับทันที แล้วก็มองสีหน้าของเมี่ยวยู่เอ๋ออย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง ถามขึ้นอย่างอ่อนน้อมว่า“ขอเรียนถามว่าใต้เท้ามีคนต้องสงสัยหรือไม่”
“มีหนึ่งคน ข้ายังต้องเฝ้าสังเกตการณ์สักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ผิดตัว”
“ใต้เท้าช่างทุ่มเททำงานในหน้าที่ยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใสมาก ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าจะสั่งคนให้ล้อมงานเดิมพันหินทิพย์ไว้ทั้งหมดอนุญาตให้เข้าได้แต่ออกไปไม่ได้ รอใต้เท้าสั่งการเมื่อไหร่ ข้าจะจับตัวเจ้าหัวขโมยคนนั้นทันที”เพื่อเอาใจเมี่ยวยู่เอ๋อ ผู้รับผิดชอบงานคนนั้นยังพูดอีกว่า “ใต้เท้าโปรดวางใจ ถ้าข้าจับตัวขโมยได้แล้ว ต้องทำการลงโทษอย่างหนักแน่”
“ไม่ต้อง ส่งคนมาให้ข้า”เมี่ยวยู่เอ๋อยิ้มชั่วร้าย หมุนตัวเดินออกไป
นางจะรอลงมือในช่วงเวลาที่ดีที่สุด
นางจะให้ศัตรูเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องลงมือในช่วงจังหวะเวลาที่นางรู้สึกได้ใจมากที่สุด คิดถึงตรงนี้ เมี่ยวยู่เอ๋อรู้สึกแทบจะอดใจไม่ได้แล้ว
จูนจิ่วรับรู้ได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่เข้าถึงกระดูก นางเข้าใจความรู้สึกนี้ดี จูนจิ่วลูบไปที่หัวของเสี่ยวอู่ พูดเสียงต่ำ“เสี่ยวอู่ เจ้ากับเหลิ่งยวนลองไปสำรวจดูรอบๆ ไม่ว่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆก็ตาม ก็ให้กลับมารายงานข้า”
“เหมียว”เสี่ยวอู่พยักหน้า พุ่งตัวกระโดดไปบนหินต้นกำเนิดก้อนหนึ่ง เงาร่างของแมวรวดเร็วจนกลายเป็นแสงสีขาวที่หายไปตรงหน้าภายในพริบตา
ขณะเดียวกันลี่หยุนซูก็หันกลับมา โบกมือให้สัญญาน “จูนจิ่วเจ้ามาดูสิว่าหินต้นกำเนิดนี้เป็นอย่างไร”