บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 471 หงยิงมีความคิดหนึ่ง
หงยิงงอขาคุกเข่าลงคำนับ “หงยิงคำนับเจ้าตำหนัก”
“เจ้าทำได้ดีมา มารายงานข้าได้ทันท่วงที หงยิง เจ้าอยากจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน”ตู๋กูชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองกวาดหงยิงด้วยสายตาหยิ่งยโสแวบหนึ่ง
เมี่ยวยู่เอ๋อคิดไม่ถึงเลยว่า ที่นางให้หงยิงขัดขวางผางเจียเยว่เอาไว้เพื่อไม่ให้มารายงานให้ตู๋กูชิงทราบ สุดท้าย หงยิงกลับหักหลังนางเสียเอง จึงให้เกิดเหตุการณ์ที่ตู๋กูชิงเร่งรุดไปถึงงานเดิมพันหินทิพย์
หงยิงก้มศีรษะลงอย่างถ่อมตนเผยให้เห็นท่าทีที่อ่อนแอ นางคำนับและพูดว่า “เป็นเพราะเจ้าตำหนักให้อภัยจึงทำให้หงยิงยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ หงยิงซาบซึ้งใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ มีเพียงการช่วยงานเจ้าตำหนักเท่านั้นที่พอจะเป็นการตอบแทนได้ นี่เป็นหน้าที่ที่หงยิงพึงกระทำ หวังว่าเจ้าตำหนักจะอนุญาตให้หงยิงได้แบ่งเบาภาระของท่าน”
“หืม”ตู๋กูชิงยิ้ม
เขามองหงยิงอย่างดูแคลน “แบ่งเบาภาระ เจ้ามีความสามารถอะไรที่จะช่วยข้าแบ่งเบาภาระได้ ลองพูดมาสิ”
“ข้ารู้มาว่าจูนจิ่วเป็นว่าที่ภรรยาของเจ้าตำหนักใช่หรือไม่ แต่คำพูดต่อไปนี้ ไม่ใช่ว่าหงยิงบังอาจต้องการใส่ร้ายจูนจิ่ว แต่ว่ากันด้วยข้อเท็จจริง ล้วนเป็นสิ่งจริงแท้แน่นอน เจ้าตำหนักคงไม่รู้ จูนจิ่วนั้นเดิมทีมาจากสองสำนักสิบแคว้น นางเป็นอาจารย์อาของสำนักเทียนอู่จง ”
“พูดจุดสำคัญ”ตู๋กูชิงตัดบทนางอย่างหงุดหงิด เรื่องเหล่านี้หงยิงเคยเล่าตั้งแต่แรกแล้ว
หงยิงพยักหน้า แล้วเปิดปากพูดต่อไปว่า “จูนจิ่วกับศิษย์พี่ของนางชิงหยู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา จากนั้นก็มีมู่จิ่งหยวนแห่งสำนักศึกษาไท่ชู แล้วก็ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงแห่งสำนักศึกษาจื่อเซียว เจ้าตำหนัก จูนจิ่วไม่คู่ควรต่อความรู้สึกที่เจ้าตำหนักมีแต่นางเลย”
สายตาเย็นชา แววตาคมกริบของตู๋กูชิงที่จ้องมองหงยิงเต็มไปด้วยไอสังหาร
เขายกมือขึ้น ฝ่ามือที่ไร้ตัวตนก็บีบคอของหงยิงเอาไว้ ตู๋กูชิงยิ้มอย่างโมโห “ความหมายของเจ้าคือ ข้าถูกสวมเขาอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่”หงยิงดิ้นรนอย่างทุรนทุราย นางจับไปที่คอก็ดึงมือใหญ่ที่ไร้ตัวตนออกไปไม่ได้ สีหน้าค่อยๆขาวซีดลง หงยิงรีบอ้าปากพูดขึ้นว่า “ความหมายของหงยิงคือ ควรจะเป็นจูนจิ่วที่ต้องอ้อนวอนภาวนาขอความเมตตาจากท่าน”
ตู๋กูชิงคลายมือออก หงยิงไออย่างเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่
นางไม่กล้าหยุดพูด เพราะกลัวตู๋กูชิงจะทนไม่ได้จนหักคอของนาง หงยิงก้มศีรษะต่ำ สายตามีแววอำมหิตวาบผ่าน นางพูดว่า “ข้าน้อยมีแผนการดีๆแผนหนึ่ง ให้จูนจิ่วกินพิษกู่หลงรัก เช่นนี้ก็จะทำให้นางรักแต่ท่านคนเดียว ไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมา ภายหน้านางจะมีใจให้กับเจ้าตำหนักแค่คนเดียว”
เดิมทีไม่ได้คิดจะนำมาใส่ใจ แค่ต้องการจะดูว่านางต้องการจะพูดอะไรกันแน่
แต่พอฟังจนถึงประโยคนี้ สีหน้าของตู๋กูชิงก็มีแววเปลี่ยนไป เขาหรี่สายตาลง ก็พบว่าตนเองไม่เคยคิดถึงแผนการนี้มาก่อน
เขาไม่สนใจว่าจูนจิ่วจะชื่นชอบใคร หรือมีความสัมพันธ์กับใคร ที่เขาต้องการมีเพียงกุญแจเวลา และสถานะของจูนจิ่วเท่านั้น ถ้าหากจูนจิ่วกินพิษกู่หลงรักเข้าไป แล้วรักแต่เขาคนเดียว จากวันนี้เป็นต้นไปจะเชื่อฟังคำสั่งเขาทั้งหมด เขาอยากได้อะไรก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้แล้วใช่หรือไม่
มุมปากโค้งขึ้น ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
สายตาคมกริบของตู๋กูชิงจ้องไปยังหงยิง “แล้วเจ้ามีพิษกู่หลงรักหรือไม่”
“มี จะให้จูนจิ่วกินพิษกู่หลงรักตอนนี้เลยก็ได้ ”หงยิงพูดอย่างอดใจรอไม่ไหว
ตู๋กูชิงหลับส่ายหน้าอย่างลังเล “ไม่ได้ ข้างกายของจูนจิ่วมีองครักษ์คนหนึ่งชื่อเหลิ่งยวน พลังแข็งแกร่งมาก มีเขาอยู่ก็ไม่สามารถจะลงมือวางยาพิษกู่กับจูนจิ่วได้”
พลังของเหลิ่งยวน ตู๋กูชิงก็มองไม่ออก ถ้าการวางพิษกู่ล้มเหลว ทำให้จูนจิ่วจับได้ ไม่เพียงแต่ใบหน้าจอมปลอมที่เขาบรรจงสร้างขึ้นและรักษาเอาไว้จะถูกเปิดเผยออกมา เขายังจะเสียโอกาสที่จะได้กุญแจเวลาด้วย ถ้าจูนจิ่วหนีไป เช่นนั้นจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่
ใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ หงยิงก็ยิ้มขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางพูดว่า “เจ้าตำหนัก หงยิงมีความคิดหนึ่ง ขอเจ้าตำหนักโปรดรับฟัง”
“รีบพูดมา ”
……
เหลิ่งยวนกลับไปแล้ว เล่าสิ่งที่เขาได้ยินทั้งหมดให้จูนจิ่วฟัง
เหลิ่งยวนพูดจบแล้วก็เสริมขึ้นว่า “แม่นางจูน เมี่ยวยู่เอ๋อคนนี้ต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ข้าดูแวบเดียวก็รู้ว่านางหลงรักตู๋กูชิง นางรู้ว่าแม่นางจูนมีสัญญาแต่งงานกับตู๋กูชิง ต้องลงมือกับแม่นางจูนอีกเป็นแน่ วางแผนลอบทำร้ายล้วนเป็นไปได้หมด”
เมี่ยวยู่เอ๋อสามารถสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีจูนจิ่วได้ ก็สามารถทำอีกครั้งได้เช่นกัน กระทั่งลงมือสังหารโดยตรงก็ย่อมทำได้
จูนจิ่วพึมพำเบาๆ “ข้าทายถูกแล้ว เมี่ยวยู่เอ๋อนั้นต้องการแก้แค้นให้กับซิงโล่เฉิน แต่นางรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนฆ่าซิงโล่เฉิน”
“ตู๋กูชิงเป็นคนบอกนาง ”เสี่ยวอู่พูด
จูนจิ่วส่ายหน้า ไม่ใช่ตู๋กูชิง
ตอนนี้ตู๋กูชิงกำลังพยายามสร้างความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก หวังว่านางจะหวั่นไหว ชื่นชอบหรือแม้กระทั่งหลงรักเขา ตู๋กูชิงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้
เหลิ่งยวนเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ไม่แน่อาจจะเป็นฝีมือตู๋กูชิงก็ได้ เขาอยากจะทำเรื่องวีรบุรุษช่วยสาวงาม เพื่อให้แม่นางจูนจิ่วเกิดความรู้สึกดีๆต่อเขา”
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ตู๋กูชิงก็คงไม่ถามเมี่ยวยู่เอ๋อ เขาไม่รู้นี่นาว่าเจ้ากำลังแอบฟังอยู่”คำพูดของจูนจิ่วทำให้เหลิ่งยวนไม่สามารถฝโต้ตอบได้ นี่เป็นความจริง
แต่พวกเขาก็ต้องทำการป้องกันเมี่ยวยู่เอ๋อ
หญิงสาวที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก โดยเฉพาะรักที่ไม่อาจได้มานั้นล้วนเป็นพวกคนบ้า ไม่แน่ว่าครั้งหน้าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เหลิ่งยวนกำหมัดถูฝ่ามือ
“แม่นางจูน ไม่สู้ให้ข้าไปฆ่านางเสียดีหรือไม่”
“เป็นความคิดที่ดี ยังเป็นการลดกำลังพลของตู๋กูชิงลงไปด้วย”เสี่ยวอู่ยกกรงเล็บขึ้นเห็นด้วย
จูนจิ่วมองหนึ่งคนหนึ่งแมว แต่ไม่ได้ตอบอะไร ถ้าฆ่าเมี่ยวยู่เอ๋อ ก็จะทำให้สถานการณ์อันสงบนิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้แตกสลายไป ไม่สามารถคาดเดาได้อีกว่าตู๋กูชิงจะทำอะไร
นางยังตรวจไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับเหยียนม่านตงเลยแม้แต่น้อย ยังไม่รู้ว่าจะไปยังชั้นกลางสามชั้นได้อย่างไร จะฉีกหน้าตู๋กูชิงตอนนี้ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก ให้เบื้องหน้ายังคงดูสงบนิ่งต่อไป เพื่อยืดระยะเวลา
ทันใดนั้นจูนจิ่วก็ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าต่าง นางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องนภา สีของท้องฟ้าราวกับจะเกิดพายุฝน เมฆดำปกคลุมไปทั่ว อึมครึมจนทำให้รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก ในใจรับรู้ได้ จูนจิ่วพึมพำว่า “ลมฝนจะมาแล้ว……”
เหลิ่งยวน“แม่นางจูนท่านว่าควรทำอย่างไร ข้าก็จะทำเช่นนั้น”
“ทำไมที่นี่ไม่มีแม้แต่นกตัวเดียว”จูนจิ่วพูดจากไกลออกจากหัวข้อสนทนา ไม่มีนก นางก็ไร้วิธีการที่จะควบคุมนกเพื่อทำการสอดแนมหาข่าว
เหลิ่งยวนกลับเก็บคำพูดนั้นไปใส่ใจ วางแผนจะไปจับนกฝูงหนึ่งมาให้ได้
ตอนนี้เอง จูนจิ่วยังไม่ทันได้ว่างแผนลงมือ แต่ตู๋กูชิงได้ยื่นกรงเล็บปีศาจออกมาแล้ว
วันหนึ่ง จูนจิ่วออกเดินทางไปยังห้องหนังสือ ข้างหลังยังมีคนแอบตามมาด้วย พวกนางแอบสอยห้อยตามอยู่ด้านไกลๆ ยังสวมชุดที่มีหมวกคลุมศีรษะไว้ด้วย เหลิ่งยวนจำได้ว่ามีคนหนึ่งคือเมี่ยวยู่เอ๋อ อีกคนหนึ่งมองไม่เห็นใบหน้า ไม่รู้สถานะ
สายตาของจูนจิ่วนิ่งขรึมลง “จับตาดูพวกนางเอาไว้”
“ได้”
นางเดินเข้าไปในห้องหนังสือ ใช้ช่องว่างหน้าต่างของห้องหนังสือมองออกไป เห็นเพียงชายเสื้อคลุมที่วาบผ่านไป พวกนางไม่ได้เข้ามาในห้องหนังสือ เพียงแต่หยุดอยู่ข้างนอก ราวกับกำลังจับตาดูนางอยู่
อุ้งเท้าของเสี่ยวอู่เหยียบอยู่บนชั้นหนังสือเบาๆ ก้าวเท้าแมวเดินเข้ามา เสี่ยวอู่พูดว่า “ใช่ตู๋กูชิงส่งมาหรือไม่ ”
จูนจิ่ว“คงยังไม่รู้คำตอบในตอนนี้ แต่เจตนาที่มาไม่ดีแน่”
“ข้าจะปกป้องเจ้านายเอง”เสี่ยวอู่เชิดอกอย่างจริงจัง ดวงตาแมวที่งดงามชุ่มฉ่ำจ้องมองจูนจิ่ว ทำเอาจูนจิ่วยิ้มออกมา ยกมือขึ้นลูบตัวมัน ทำไมเสี่ยวอู่จึงได้น่ารักเช่นนี้
นอกห้องหนังสือ
เมี่ยวยู่เอ๋อเงยหน้าขึ้น ใต้หมวกของเสื้อคลุมเผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายเคียดแค้น นางจ้องหงยิงอย่างเอาเป็นเอาตาย“นี่คือสิ่งที่เจ้าจะอธิบายหรือ หงยิง เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ เสียเวลาข้า เชื่อหรือไม่ข้าจะหักคอเจ้าเสีย ”
สายตาของเมี่ยวยู่เอ๋อเต็มไปด้วยแววดุร้ายและไอสังหาร หงยิงไม่รีบร้อนไม่เกรงกลัว มุมปากสีแดงสดของนางโค้งขึ้น“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังข้าพูดก่อน ”