บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 472 หงยิง ไสหัวออกมา
“อย่ารีบร้อน หึหึ หงยิงเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีสถานะอะไร ข้าเป็นลูกน้องที่เก่งที่สุดของเจ้าตำหนัก ในมือข้ามีภารกิจมากมายนับไม่ถ้วนที่จะต้องไปทำ ไม่มีเวลามาเสียเวลากับเจ้าหรอกนะ”เมี่ยวยู่เอ๋อจ้องหงยิงอย่างเคร่งขรึม “อย่าคิดว่าแค่คำอธิบายไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้ข้าปล่อยเจ้าไปได้”เมี่ยวยู่เอ๋อจำได้ดี หงยิงทำงานไม่สำเร็จ ทำให้ตู๋กูชิงเร่งรุดไปถึงงานเดิมพันหินทิพย์ได้ ทำให้แผนการร้ายของนางล้มเหลว ยังถูกตู๋กูชิงตำหนิอีกด้วย
ความแค้นเคืองของนางทั้งหมดล้วนโทษไปที่ตัวหงยิง วันนี้หงยิงบอกว่าจะอธิบายให้นางเข้าใจ นางมาแล้ว แต่ปรากฏว่าได้แต่สะกดรอยตามจูนจิ่วเท่านั้น
เมี่ยวยู่เอ๋อรู้สึกเสียใจที่ตามมา นางควรหักคอของหงยังตั้งแต่เจอหน้านางครั้งแรก จะได้ไม่ต้องเสียเวลา
หงยิงเห็นเมี่ยวยู่เอ๋อหมุนตัวจะจากไป นางเอ่ยปากพูดขึ้นว่า“เจ้าไม่อยากฆ่าจูนจิ่วแล้วหรือ”
ฝีเท้าชะงัก เมี่ยวยู่เอ๋อหันกลับมาทันควัน สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร จ้องมองหงยิงอย่างอำมหิต นางถามพลางครุ่นคิด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร รีบพูดมา”
“วันนั้นเป็นความผิดของข้า ที่ไม่สามารถขัดขวางเจ้าตำหนักเอาไว้ได้ แต่ใจที่อยากจะฆ่าจูนจิ่วของข้า มีไม่น้อยไม่กว่าเจ้า จูนจิ่วฆ่าอาจารย์ของข้า ทำให้ศิษย์พี่ซิงต้องตาย ยังเหยียดหยามข้าไว้อีกหลายครั้ง ความแค้นเหล่านี้มันฝังลึกยิ่งกว่าที่เจ้าเกลียดจูนจิ่ว มากยิ่งนัก ”หงยิงพูด
เห็นใบหน้าดุดันของหงยิง เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไอสังหาร สีหน้าของเมี่ยวยู่เอ๋อก็ค่อยๆอ่อนลงไปบ้าง
แต่น้ำเสียงยังคงไม่ค่อยดี “ความแค้นระหว่างเจ้ากับจูนจิ่ว กับที่เจ้าพาข้ามาที่นี่มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร ”
“เจ้ากับข้าร่วมมือกัน ฆ่าจูนจิ่ว”
เช่นนี้นี่เอง พอได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของเมี่ยวยู่เอ๋อก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่ความตกตะลึง แต่เป็นความลิงโลดดีใจ แทบอดใจรอไม่ไหว อยากจะลงมือแทบใจจะขาด
ติดกับดักแล้ว
หงยิงยิ้ม ยิ้มราวกับกระหายเลือด นางพูดต่อไปว่า “วันนี้เจ้าตำหนักไม่ได้อยู่ที่ตำหนักหลักไท่หวง เจ้ากับข้าร่วมมือกันฆ่านางเสีย เจ้าฟังข้า ข้างกายจูนจิ่วมีองครักษ์ที่ร้ายกาจคนหนึ่งชื่อว่าเหลิ่งยวน ข้าสู้เขาไม่ได้ ”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยล่อเหลิ่งยวนออกไป เช่นนี้ข้าก็มีโอกาสจะฆ่าจูนจิ่วแล้ว จูนจิ่วก็แค่นักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง ข้าฆ่านางได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งสุดท้ายคนที่ฆ่าจูนจิ่วตายก็คือข้า แม้เจ้าตำหนักต้องการจะลงโทษ ก็มีแต่ข้าคนเดียวที่ต้องรับโทษ ไม่มีทางดึงเจ้าเข้ามาพัวพันด้วย”
เมี่ยวยู่เอ๋อหวั่นไหว แต่นางยังคงสงสัย “เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าตำหนักจะฆ่าเจ้า และสับเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ”
“สามารถฆ่าจูนจิ่วเพื่อแก้แค้นให้กับพวกอาจารย์ข้า ข้าตายก็ไม่เสียดาย เมี่ยวยู่เอ๋อ มีเพียงเจ้าช่วยเหลือข้าข้าจึงจะสามารถแก้แค้นได้ ถ้าข้าฆ่าจูนจิ่วได้ ก็เป็นการแก้แค้นให้กับศิษย์พี่ซิงเช่นกัน ”สีหน้าของหงยิงเต็มไปด้วยความชิงชังที่มีต่อจูนจิ่วอย่างสุดขีด แล้วก็ค่อยๆผ่อนน้ำเสียงลงเพื่อพูดโน้มน้าว
นางพูดว่า “นี่ถือเป็นคำอธิบายที่ข้ามีให้เจ้า ข้าฆ่าจูนจิ่ว พอที่จะสามารถทำให้เจ้าอภัยต่อความผิดของข้าที่ไม่สามารถขัดขวางเจ้าตำหนักไว้ได้หรือไม่ ”
เมี่ยวยู่เอ๋อหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง นางตื่นเต้นมาก
ทุกคำพูดของหงยิง ทำให้นางไม่สามารถปฏิเสธได้ ฆ่าจูนจิ่ว ฆ่านาง นับประสาอะไรกับการแก้แค้นให้กับซิงโล่เฉินในตอนนี้ ฆ่านางเสีย ไม่ให้นางแย่งเจ้าตำหนักไปจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เห็นเมี่ยวยู่เอ๋อมีท่าทีลังเลไม่ตัดสินใจเสียที หงยิงก็เพิ่มความเข้มข้นของคำพูดขึ้นมาอีก นางเร่งเร้าว่า “หรือว่าเจ้ารู้สึกกลัวขึ้นมา ไม่อยากฆ่าจูนจิ่วแล้ว อยากให้นางได้เป็นฮูหยินเจ้าตำหนักอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ นางจำเป็นต้องตาย ได้ หงยิงข้าตกลงจะช่วยเจ้า เจ้าจะลงมือเมื่อไหร่”
“ตอนนี้ เจ้าตำหนักไม่อยู่ ห้องหนังสือนี้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยมีคน เป็นโอกาสเหมาะที่สุดที่เราจะลงมือ”หงยิงตื่นเต้นดีใจเลียไปที่มุมปากแดงฉานของตนเอง
เมี่ยวยู่เอ๋อพยักหน้า
ในห้องหนังสือมีผู้แข็งแกร่งคอยเฝ้าดูแล ฉะนั้นรอให้จูนจิ่วออกมาแล้ว พวกนางค่อยลงมือ
……
เหลิ่งยวนเล่าทุกสิ่งที่เขาได้ยิน ให้จูนจิ่วฟังทั้งหมด
จูนจิ่วกลับขมวดคิ้ว “เจ้าแน่ใจหรือว่านี้เป็นคำพูดของหงยิง”
“ไม่ผิด เป็นหงยิง ตอนที่นางโต้เถียงกับเมี่ยวยู่เอ๋อ ข้าเห็นใบหน้าของนาง แม่นางจูนพวกนางวางแผนจะลงมือกับท่านตอนที่ออกจากห้องหนังสือ ท่านคิดจะทำอย่างไร ”เหลิ่งยวนถาม
จูนจิ่วไม่ได้ตอบอะไร นางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง หงยิงไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน คิดว่าหลังจากที่เมี่ยวยู่เอ๋อล่อเหลิ่งยวนออกไปได้แล้ว อาศัยแค่นางคนเดียวก็สามารถฆ่าตนได้
หงยิงบรรลุแล้วหรือ
จูนจิ่วถามเหลิ่งยวน แต่คำตอบที่ได้นั้นไม่ใช่ หงยิงยังคงเป็นนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง ไม่ได้มีการบรรลุแต่อย่างไร
“แม่นางจูนท่านกำลังสงสัยอะไร ข้าเดาว่าหงยิงคงจะได้ของวิเศษอะไรบางอย่างมา จึงได้มีความเชื่อมั่นในตนเองว่าแค่นางคนเดียวก็สามารถฆ่าท่านได้ ”เหลิ่งยวนพูด
เป็นเช่นนี้หรือ
แต่จูนจิ่วยังคงรู้สึกไม่ถูกต้อง แต่ก็พูดไม่ออกว่าคืออะไร เสี่ยวอู่มีจิตสื่อกับนางได้ เอียงหน้ามองจูนจิ่วอย่างสงสัยไม่รู้ว่าจูนจิ่วกำลังประหลาดใจเรื่องอะไร เสี่ยวอู่พูดว่า “หงยิงมารนหาตายถึงที่ ฆ่านางเสียก็สิ้นเรื่อง”
อีกฝั่งหนึ่งของห้องหนังสือมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จูนจิ่วยกมือขึ้น เหลิ่งยวนรีบหายตัวไปทันที เสี่ยวอู่ก็นอนลงไปแสร้งทำตัวเป็นแมวเหมียวธรรมดาตัวหนึ่ง
เงยหน้าขึ้น จูนจิ่วพบเข้ากับชายชราอีกครั้ง ชายชรายิ้มตาหยีมองมาที่นาง “เจ้าเพื่อนตัวน้อย พวกเราพบกับอีกแล้ว เจ้าแก้ปัญหาไปถึงไหนแล้ว”
จูนจิ่ว:……
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชายชรา จูนจิ่วรู้สึกไร้คำพูดขึ้นมาทันที นางกลับไปแล้วไม่ได้แตะต้องกล่องปริศนาเลยแม้แต่น้อย
เผชิญหน้าชายชรา จูนจิ่วได้แต่พูดไปว่า “ข้าจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลย เห็นทีข้าคงไร้หนทางช่วยท่านได้ ไม่สู้คืนกล่องให้ท่านดีกว่า”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ”ชายชราโบกมือติดๆกัน เขาพูดว่า “เจ้าเอาไว้ค่อยๆไขปริศนาเถอะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ห้องหนังสือนี่ ไม่รีบร้อน เจ้าเพื่อนตัวน้อยค่อยๆไขปริศนาแล้วกัน ”
ระหว่างพูด ชายชราก็หันหน้าออกไปมองข้างนอก นางหันหน้ากลับมามองยังจูนจิ่วอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “เหมือนเจ้าจะมีปัญหานะ ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่ ”
ได้ยินเช่นนี้ จูนจิ่วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าประสาทสัมผัสของชายชราจะรับรู้ได้ไวเช่นนี้ รับรู้ได้ว่าด้านนอกห้องหนังสือนั้นมีเมี่ยวยู่เอ๋อกับหงยิงซ่อนตัวอยู่ นางส่ายหน้า “ไม่ต้องการ”
นางกับชายชราไม่ได้เป็นมิตรและไม่ได้เป็นศัตรูกัน ก็แค่กล่องปริศนาอันเดียว ที่ทำให้พวกต้องมาเกี่ยวพันกัน ในขณะที่ยังไม่รู้ตัวตนของชายชรา จูนจิ่วไม่มีทางเข้าใกล้เขามากเกินไป คิดถึงตรงนี้ มุมปากของจูนจิ่วก็เผยรอยยิ้มห่างเหิน นางพูดว่า “ข้ายังมีหนังสือต้องอ่านต่อ ขอตัวก่อน”
“ได้”
ชายชราส่งจูนจิ่วขึ้นชั้นบนด้วยสายตา ยิ้มและลูบหนาวเครา
เจ้าเพื่อนตัวน้อยคนนี้สติปัญญาค่อนข้างดีทีเดียว ถูกคนสะกดรอยตามแล้วยังนิ่งเฉยได้เช่นนี้ ยังไม่เคยถามเลยว่านางชื่ออะไร ชายชราตั้งใจแล้วว่า ครั้งหน้าถ้าพบกันจะลองถามดู
จูนจิ่วไม่หยิ่งยโสไม่รีบร้อน ยังคงอ่านหนังสือทั้งวันเหมือนเดิมค่อยออกจากห้องหนังสือ พอนางเดินออกไป เมี่ยวยู่เอ๋อกับหงยิงก็รีบตามสะกดรอยทันที
เหลิ่งยวนถามเบาๆว่า “แม่นางจูนคิดไว้หรือยังว่าจะรับมืออย่างไร”
“ฆ่าเมี่ยวยู่เอ๋อ ส่งตัวหงยิงให้ข้า”
“ได้”เหลิ่งยวนพยักหน้า
เขาจะใช้เวลาน้อยที่สุดในการฆ่าเมี่ยวยู่เอ๋อ จากนั้นจะกลับมาช่วยแม่นางจูน เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่อาจคาดคิดได้ แต่แม่นางจูนต่อกรกับหงยิง ย่อมไม่เป็นปัญหาแน่นอน เหลิ่งยวนคิด ในใจก็รู้สึกวางใจลงไปบ้าง
ขณะที่จูนจิ่วเดินไปถึงข้างทะเลสาบแห่งหนึ่ง เมี่ยวยู่เอ๋อควบคุมตนเองไม่ได้ชิงลงมือเสียก่อน
เหมือนในแผนการร้ายที่นางกับหงยิงได้วางเอาไว้ เมี่ยวยู่เอ๋อล่อเหลิ่งยวนออกไป สายตามีแววเยือกเย็นวาบผ่าน จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองไปที่มุมหนึ่ง “หงยิง ไสหัวออกมา ”
“จูนจิ่วเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”หงยิงเดินออกมาจากมุมอับ ดึงหมวกของเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดดุร้าย เต็มไปด้วยความเกลียดชังเข้ากระดูกดำ นางจ้องมองจูนจิ่วตาเขม็งพูดว่า“จูนจิ่ว ในที่สุดวันนี้ข้าก็จะได้แก้แค้นแล้ว เจ้าฆ่าอาจารย์ข้า ทำลายเทียงฉิวของข้า ข้าต้องให้เจ้าได้ชดใช้ ”
“แค่เจ้าเนี่ยนะ”จูนจิ่วยิ้มเย็น ไหวตัวพุ่งเข้าหาหงยิง นิ้วมือหมุนวนกำโยวยิ่งไว้ในมื