บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 478 หลงรักโม่อู๋เยว่
อะไรนะ จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่อย่างตกตะลึง นางเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเสี่ยวอู่เป็นเสือขาวหนึ่งในสี่สัตว์เทพในตำนาน จากการบอกกล่าวของโม่อู๋เยว่ที่บอกกับนางว่า เสี่ยวอู่สามารถฝึกฝนเพลงวิทยายุทธของเผ่านกฟินิกส์แดงได้ จูนจิ่วก็รู้สึกสงสัยแล้ว จากนั้นก็เห็นเสี่ยวอู่ต่อสู้ด้วยพลังที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความน่าเกรงขามของเสือขาว ก็ยิ่งทำให้แน่ใจถึงตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวอู่
ฟินิกส์แดง เสือขาว มังกรเขียว เต่าดำเสวียนอู่ ง่ายมากที่จะแยกแยะออกว่าเสี่ยวอู่คือเผ่าเสือขาว
และสาเหตุที่ทำให้เสี่ยวอู่ต้องกลายเป็นแมวเหมียว จูนจิ่วก็รู้ดี แต่นางคิดไม่ถึงว่า เสี่ยวอู่จะหลบซ่อนตัวเพียงเพราะว่าเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นแมวไม่ได้
“ฟู่ จริงหรือนี่ ท่านไม่ได้เจอกับเสี่ยวอู่ท่านรู้ได้อย่างไร ”อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จูนจิ่วไอแห้งๆสองเสียงและถามโม่อู๋เยว่
“ข้าถามมัน มันบอกกับข้าเอง ยังให้ข้าปิดบังเจ้าด้วย ให้มันมีเวลาหลบซ่อนตัวจนสามารถกลับไปเป็นแมวแล้วกลับมาหาเจ้า”โม่อู๋เยว่ยิ้มชั่วร้าย พูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น
จูนจิ่วยังคงสงสัย นี่มันเป็นลักษณะนิสัยของเสี่ยวอู่จริงๆ
อดที่จะหัวเราะไม่ได้ จูนจิ่วพูดว่า “เจ้าแมวโง่เอ๋ย เห็นทีข้าต้องไปตามมันกลับมาซะแล้ว”
ขณะที่พูด จูนจิ่วมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโม่อู๋เยว่ เลิกคิ้วขึ้น “เป็นอะไรไป”
“ครั้งนี้กลับมาอย่างกะทันหัน ข้าได้แบ่งร่างมาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าต้องกลับไปแล้ว ”โม่อู๋เยว่ยื่นมือออกมา นิ้วมือม้วนปอยผมข้างใบหน้าของจูนจิ่วขึ้นมา แล้วคล้องไปที่หลังหูของจูนจิ่ว น้ำเสียงของเขาหยอกเย้าเร้าอารมณ์ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รอข้า ข้าจะกลับมาในไม่ช้า”
“ได้ ไปเถอะ”จูนจิ่วพยักหน้ายิ้มบางๆ
แววตาของโม่อู๋เยว่ลึกล้ำขึ้น ดูแล้วเหมือนนางจะไม่รู้สึกคิดถึงเลยสักนิด พยักหน้าอย่างง่ายดายตามอำเภอใจ ไม่เหมือนกับใจเขาที่รู้สึกเสียดายมาก ไม่อยากจะจากนางไปแม้แต่วินาทีเดียว
ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง โม่อู๋เยว่จับที่ใบหน้าของจูนจิ่ว สัมผัสอ่อนโยน เขาคิดว่าเห็นทีที่เจ้าปีศาจน้อยไร้น้ำใจคนนี้ พูดว่าจะรับผิดชอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องเอามาใส่ใจจริงจัง อย่างน้อยก็ยังไม่ได้ประทับลึกเข้าไปในใจนาง มากกว่าชื่นชอบแต่น้อยกว่ารัก
ไม่รีบ ขาทั้งสองข้างของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ก้าวเข้ามาทั้งหมดแล้ว นางเป็นของเขา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฟ้ากับดินก็ทำไม่ได้เช่นกัน
เก็บมือกลับไป โม่อู๋เยว่ดีดนิ้วแสงสว่างสายหนึ่งซึมเข้าไปในกระดิ่ง เขาพูดว่า “ข้าเก็บพลังจิตสายหนึ่งเอาไว้ในกระดิ่งเงิน ถ้าหากมีอันตราย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สามารถเปิดใช้งานมันได้ พอที่จะป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบ”
จูนจิ่วพยักหน้า “ดี”
“ที่รักของข้า รอข้ากลับมานะ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ เส้นเสียงเย้ายวนและเร้าอารมณ์ แต่ละคำหมุนวนอยู่ในหัวใจ เป็นนานกว่าจะสลายหายไป หัวใจดวงหนึ่งก็ถูกหยอกจนเต้นไม่เป็นจังหวะ
จูนจิ่วกระพริบตา โม่อู๋เยว่หายตัวในอากาศต่อหน้านาง จูนจิ่วยกมือขึ้นลูบที่หน้าตนเอง ปลายนิ้วยังสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มที่โม่อู๋เยว่เคยสัมผัสเอาไว้ ริมฝีปากค่อยๆหยักขึ้น “ที่รักของข้า”
นางจำได้ว่าชาติที่แล้วเคยได้ยินคนคนหนึ่งพูดคำนี้ ความรักคือฤทธิ์ของฮอร์โมนระหว่างคนสองคน
นางรับรู้ได้ถึงฮอร์โมนของโม่อู๋เยว่ ราวกับกำลังดึงดูดนางให้เดินเข้าสู่หุบเหวลึกขณะที่สติกำลังล่องลอย ตนเองสามารถรักษาจิตใจที่สงบได้จนถึงบัดนี้ จูนจิ่วก็รู้สึกชื่นชมตัวเองมากแล้ว แต่เหมือนกับว่า นางไม่อยากจะรักษาจิตใจที่สงบอีกต่อไปแล้ว นางอยากจะลองดู ความรู้สึกที่หลงรักโม่อู๋เยว่นั้นจะเป็นอย่างไร
……
ใต้เหวเย็นหมื่นชั้น
โม่อู๋เยว่กลับมาแล้ว ชั่วขณะที่ร่างแยกประสานเข้ากับร่างเดิม โซ่ล่ามมังกรที่อยู่ด้านหลังก็หักลงหนึ่งตัว พลังมังกรที่ถูกสะกดเอาไว้พุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ท้องฟ้าและผืนดินเปลี่ยนสี ยินหันที่คุกเข่าข้างหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาที่เย็นชามีแววตื่นเต้นดีใจวาบผ่าน
โซ่ล่ามมังกรถูกกำจัดแล้ว
ยินหัน “ยินดีกับเจ้านายด้วยที่กำจัดโซ่ล่ามมังกรได้หนึ่งตัว”
ในโลกนี้ทั้งหมดที่เป็นเผ่ามังกรที่ถูกโซ่ล่ามมังกรล่ามเอาไว้ ล้วนมีเพียงหนทางเดียวคือตายเท่านั้น แต่เจ้านายของเขาไม่เหมือนกัน โซ่ล่ามมังกรล่ามเขาไว้ไม่ได้
นั่งอยู่ในสระน้ำเย็น โม่อู๋เยว่ลืมตาขึ้นมา สายตาสีทองมีรอยยิ้มอ่อนโยนวาบผ่าน โม่อู๋เยว่ก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขาทำการฝึกคู่กับจูนจิ่วไม่เพียงแต่จูนจิ่วที่สามารถบรรลุได้อย่างราบรื่น แม้แต่เขาเองก็ได้รับประโยชน์ในการทำลายโซ่ล่ามมังกรตัวหนึ่งสำเร็จ นี่ก็คือข้อดีของคู่วิญญาณหรือ
หางตาเหลือบมองไปยังยินหัน แววตาสีทองเคร่งขรึมลงทันที เปลี่ยนเป็นเย็นชาโหดเหี้ยม เขาเอ่ยขึ้นว่า “ยินหัน เปิดตำหนักชางหลง ”
“เจ้านาย ถ้าเปิดตำหนักชางหลง จะนำมาซึ่งการไล่ล่าแย่งชิงของทั้งชั้นสูงสามชั้น เจ้านายโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย”ยินหันประสานมือขึ้นคำนับและกล่าวขึ้นมา
โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้าย ที่เขาต้องการก็คือความคลุ้มคลั่งของชั้นสูงสามชั้น การปรากฏขึ้นของตำหนักชางหลง จึงจะสามารถปิดบังการเคลื่อนไหวของเขาเกี่ยวกับการสามารถกำจัดโซ่ล่ามมังกรได้ ท้องฟ้าและแผ่นดินเปลี่ยนแปลงไปนั้นอำพรางไม่ได้ ตอนนี้ก็เพียงแต่สั่นสะเทือนในเหวเย็นหมื่นชั้นเท่านั้น เวลายิ่งนาน ไม่ช้าพวกหนังเหนียวตายยากเหล่านั้นจะสังเกตได้
เขายังไม่อยากไปคิดบัญชีกับพวกเขาตอนนี้ โม่อู๋เยว่อยากจะอยู่ข้างกายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เท่านั้น เป็น “ทรราช”คนหนึ่ง
โม่อู๋เยว่ยอมลดศักดิ์ศรีของตนเองก้มศีรษะลง เหลือบมองยินหันอย่างเย็นชา “ทำตามที่บอก กุญแจเจ็ดดอกของตำหนักชางหลงให้กระจายส่งออกไป แค่สิ่งนี้ก็พอที่จะทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาค้นหาเป็นร้อยปีแล้ว”
ยินหันเพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้ถึงสาเหตุที่โม่อู๋เยว่ต้องทำเช่นนี้ เขาไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้ารับคำสั่ง แต่งภรรยากับแก้แค้น ข้อหลังสามารถทำได้ทุกเมื่อ ข้อแรก เจ้านายยังไม่สามารถกุมหัวใจของว่าที่นายหญิงได้สำเร็จ ข้อแรกสำคัญกว่าจริงๆ
รับคำสั่งถอยออกไป ยินหันสามารถนึกภาพได้ ก่อนที่จะสามารถรวบรวมกุญแจของตำหนักชางหลงทั้งหมดได้ครบถ้วน โลกของทั้งชั้นสูงสามชั้น และชั้นกลางสามชั้นคงเข้าสู่ความวุ่นวายโกลาหล เพื่อเป็นการไม่รบกวนเจ้านาย ชั้นต่ำสามชั้นก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว
ตำหนักชางหลงเป็นอ๋องเจ้าเล่ห์ และเป็นหนึ่งในเก้าคลังสมบัติล้ำค่าของโม่อู๋เยว่
ไม่ว่าจะหยิบของอะไรก็ตามออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว ก็สามารถทำให้คนโลกนี้คลุ้มคลั่งขึ้นมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระจายกุญแจออกไป ผู้ที่เอากุญแจได้ก็มีโอกาสกลายเป็นเจ้านายของตำหนักชางหลง
ยินหันมั่นใจว่า แม้จะเป็นพวกหนังเหนียวตายยากเหล่านั้นก็ไม่อาจจะปฏิเสธความดึงดูดนี้ได้ แต่รอให้พวกเขาฆ่าฟันกันอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายก็แย่งชิงเข้าสู่ตำหนักชางหลงได้ พบว่าเจ้านายยังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้แล้ว ใบหน้าของยินหันที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งแกะสลัก ก็อดไม่ได้ที่จะหยักยิ้มขึ้นบางๆ
เขารอที่จะได้เห็นฉากนี้มาถึง……
ยินหันถอยออกไป โม่อู๋เยว่หลับตาลงอีกครั้ง โซ่ล่ามมังกรหักไปหนึ่งตัว ยังเหลือด้านล่างไหล่ซ้ายอีกหนึ่งตัว เขาต้องรวบรวมพลังมังกร สกัดกั้นและผนึกพลังฝึกฝนที่แข็งแกร่ง จึงจะสามารถกลับไปยังชั้นต่ำสามชั้นเพื่อพบกับจูนจิ่ว
ใช้เวลาไม่นาน เร็วมาก ไม่ช้าเขาก็สามารถกลับไปได้แล้ว
นึกถึงจูนจิ่ว ริมฝีปากบางของโม่อู๋เยว่ก็ยิ้มจางๆ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขา
ฝั่งนี้ เหลิ่งยวนที่ยังคงอยู่ที่ตำหนักไท่หวงในชั้นต่ำสามชั้น ได้รับรู้ทุกสิ่งจากปากของยินหัน ควบคุมความตื่นเต้นดีใจไว้ไม่อยู่ ใบหน้าของเหลิ่งยวนยิ้มอย่างเบิกบานสดใส “ดีที่สุดเลย”
“อย่าเพิ่งดีใจไป อย่าลืมปกป้องว่าที่นายหญิงให้ดี ถ้าเจ้ายังทำผิดพลาดอีก นายหญิงก็ช่วยเจ้าไม่ได้”ยินหันพูดกับเหลิ่งยวนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เหลิ่งยวนพยักหน้า “ข้าต้องพาลี่หยุนซูไปพบแม่นางจูน กลับมาค่อยคุยกัน”เหลิ่งยวนพูดจบก็เก็บม้วนหนังสือหยก เขาก้าวเท้าเดินไปกลางลานบ้าน
ลี่หยุนซูยืนตัวตรงรอเข้าอยู่ตรงนั้น เหลิ่งยวนเดินเข้าไปพานางไปพบจูนจิ่ว
ตอนนี้ถึงเวลา ที่จะคลายสะกดให้กับลี่หยุนซู
เดินเข้าไปในห้อง จูนจิ่วกำลังนิ่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือจ้องมองกล่องใบเล็กๆใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นเห็นพวกเขาเดินเข้ามา จูนจิ่วก็ดีดนิ้วขึ้นมา
เปาะ
ดวงตาที่ขุ่นมัวพลันก็สดใสได้สติขึ้นมาทันที นางตกใจแล้วก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว เหลิ่งยวนกวาดตามองเพื่อปิดกั้นเส้นทางถอยหนีของลี่หยุนซูทั้งหมด ทำให้หลังของลี่หยุนซูเกิดไอเย็นผุดขึ้นมาไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก ลี่หยุนซูมองจูนจิ่วด้วยความตกใจและโมโห “จูนจิ่วเจ้า”
นางจำได้ทั้งหมด จำได้ว่าหลังจากตนเองถูกควบคุมแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง
จูนจิ่วยิ้มมองไปทางนาง “ลี่หยุนซู ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง”