บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่104ตกใจสามส่วนดีใจเจ็ดส่วน
บทที่104ตกใจสามส่วนดีใจเจ็ดส่วน
ขยับที่มุมปากสายตาที่คมราวกับใบมีดของจูนจิ่วถูกขว้างไปทางโม่อู๋เยว่นางปฏิเสธเสียงแข็ง“ของขวัญแบบนี้ข้าไม่ต้องการ!”
โม่อู๋เยว่“ในเมื่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เอา?งั้นข้าก็จะให้จูบของข้าเป็นการตอบแทน”
พอเห็นว่าโม่อู๋เยว่ขยับตัวมาใกล้จูนจิ่วรีบเอามือขึ้นมาห้ามไว้ก่อนนางรู้สึกปวดหัว“ไม่ต้อง!ของขวัญนี้ข้าจะเก็บไว้ก็ได้”
ชายหญิงสองคนอยู่ในห้องเดียวกันนางกลัวว่าจะเกิดอะไรมากกว่านี้พอเริ่มแล้วมันจะหยุดได้ยาก!รับของขวัญไว้คงดีกว่ามีดสั้นกับดาบหนึ่งเล่มนี้นางก็รู้สึกชื่นชอบไม่น้อย
สีดำคือมีดสั้นจูนจิ่วหยิบขึ้นมาบนมือลองวัดน้ำหนักดูพอสะบัดใบมีดด้วยปลายนิ้วของนางไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นแต่ก็มีโยวยิ่งที่คมออกมา!จูนจิ่วเบิกตาโตชื่นชอบโยวยิ่งเป็นอย่างมาก
นี้เป็นอาวุธที่เกิดมาคู่กับนักฆ่าด้วยเฉพาะโยวยิ่งราวกับหมึกพอซ่อนอยู่ในความมืดก็ยากที่จะมองเห็นพอเริ่มจู่โจมทางที่คมมีดเดินผ่านก็จะสามารถเอาชีวิตของคนได้อย่างง่ายดาย
แล้วมองไปที่ป๋ายเย่อีกครั้งความยาวของดาบเล่มนี้เท่ากับดาบทั่วไปตัวดาบเป็นสีเงินล้วนนี้เป็นดาบที่สวยงามมากเล่มหนึ่งจูนจิ่วลองแกว่งอาวุธแบบชิวๆมันเหมาะมือมากชื่นชอบเป็นที่สุด
จูนจิ่วพยักหน้าด้วยความพอใจการที่ได้โยวยิ่งกับป๋ายเย่มามันคุ้มกว่าการได้จูบโม่อู๋เยว่เยอะเลย!
ถ้าเกิดโม่อู๋เยว่รู้ความคิดของจูนจิ่วเข้าล่ะก็เกรงว่าคงทนไม่ไหวที่จะไม่เอาโยวยิ่งกับป๋ายเย่กลับไปไว้ที่กล่องสมบัติจากนั้นก็จะจูบจูนจิ่วจนกว่าจะให้นางยอมรับว่าการได้จูบกับเขามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
จูนจิ่วเปิดปากพูด“ของขวัญนี้ข้าจะรักษาอย่างดีขอบคุณเจ้ามากตอนนี้เรามาคิดเรื่องของวิชานกฟีนิกส์แดงดีกว่า”
“เรียนรู้อักษรของคำสัตว์โบราณหมดแล้วเหรอ?”
“แน่นอน”จูนจิ่วยกคางขึ้นอย่างมั่นใจสีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจนางคือเจ้าแห่งการเรียนรู้!ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักขอแค่นางได้เห็นและศึกษาก็จะไม่มีวันด้อยไปกว่าพวกที่เรียนมาก่อนแน่นี่ก็คือพรสวรรค์ของนางที่คนรอบข้างไม่สามารถรับรู้ได้
พอเห็นโม่อู๋เยว่เปิดแสงสว่างของภาพวาดฝาผนังอีกครั้งจูนจิ่วก็จ้องมองตัวอักษรคำสัตว์โบราณอย่างตั้งใจ
ตัวอักษรคำสัตว์โบราณตรงภาพวาดฝาผนังข้อความที่อยู่ข้างบนถูกแปลในหัวของจูนจิ่วอัตโนมัติถูกแปลจนกลายเป็นภาษาที่เข้าใจได้ไม่ยากทางด้านหนึ่งก็พยายามท่องจำทางด้านหนึ่งจูนจิ่วก็เอามือทำตามที่เขียนไว้
นี้เป็นวิชาของสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานที่เป็นวิชาควบคุมสัตว์วิชาควบคุมสัตว์ถูกแบ่งเป็นสามระดับฟ้า ดิน มนุษย์ สามระดับ สามารถเข้าใจภาษาของเหล่าสัตว์ปีกสามารถควบคุมสัวต์ปีกให้เป็นไปตามใจได้สามารถช่วยยกระดับของการทำสัญญากับสัตว์ทิพย์ระดับดินสามารถควบคุมเหล่าสัตว์ป่าได้กลายเป็นราชาของเหล่าสัตว์ป่า!ระดับฟ้าระดับที่ต่ำกว่าสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานจูนจิ่วก็จะสามารถควบคุมเหล่าสัตว์ทิพย์ได้ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ราชาของสัตว์ทิพย์!
จูนจิ่วเริ่มต้นจากระดับมนุษย์ท่องจำคาถาไว้ในใจพลังทิพย์หมุนรอบๆตัวของจูนจิ่วแล้วเข้าไปในตัวของนางหลังจากผ่านการบ่มเพาะพลังไปทีละนิดหลังมือของจูนจิ่วปรากฏตราของนกฟีนิกส์แดง
“จูนจิ่วเบิกตาขึ้น“เรียบร้อย”
ฝึกวิชาสำเร็จแล้วถ้าแค่ระดับระดับมนุษย์!ก็สามารถบ่มเพาะพลังมันได้อย่างไม่ยากเย็น“ได้รับวิชาของนกฟีนิกส์แดงที่เป็นสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานได้แล้ว”คงสามารถปล่อยพวกเขาออกไปได้แล้วใช่ไหม?
จ้องมองไปทางโม่อู๋เยว่แล้วจูนจิ่วก็พูดขึ้นมา“ได้รับการสืบทอดแล้วตอนนี้พวกเราจะออกไปได้ยังไง?”
เพราะว่าจูนจิ่วไม่เห็นว่ามีตรงส่วนในของรูปภาพฝาผนังเขียนวิธีออกไปจากที่นี่รวมถึงไม่เข้าใจตัวอักษรไม่กี่บรรทัดที่โม่อู๋เยว่อ่านเมื่อกี้จูนจิ่วคิดไปพร้อมกับกำมือจนมีเสียงออกมาถ้าเกิดโม่อู๋เยว่กล้าหลอกนางนางก็กล้าที่จะเอาโยวยิ่งและป๋ายเย่ที่โม่อู๋เยว่มอบให้นางแล้วสับเขาจนกลายเป็นฝุ่น!
“แน่ใจนะว่าเรียนหมดแล้ว?”โม่อู๋เยว่ถาม
หลังจากที่จูนจิ่วได้รับความรู้ของคำสัตว์โบราณแล้วเรียนรู้วิชาควบคุมสัตว์ของชาวนกฟีนิกส์แดงมันเพิ่งผ่านมาแค่สองวันเองเวลาแค่นี้ก็เรียนจนหมดแล้วเหรอ?
พอเห็นว่าจูนจิ่วพยักหน้าตอบด้วยความจองหองสายตาของโม่อู๋เยว่ก็ตกใจสามส่วนกับดีใจเจ็ดส่วนสมแล้วที่เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขาฉลาดมาก!มีพรสวรรค์อยู่ในระดับปีศาจ
“จูนจิ่ว“แล้วตกลงต้องทำยังไงถึงจะออกไปได้?เสี่ยวอู่ยังรอข้าอยู่ข้างนอกนั่น”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบแมวตัวนั้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เสี่ยวอู่อยู่กับข้ามานานสำหรับข้าแล้วเขาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดรึว่าเจ้าไม่เคยมีคนหรือของอะไรที่อยู่กับเจ้ามาเนิ่นนานงั้นเหรอ?”จูนจิ่วถามกลับโม่อู๋เยว่
โม่อู๋เยว่อึ้งไปครุ่นนึงเขานึกถึงคนที่อยู่เคียงข้างเขานานที่สุดก็คือเหลิ่งยวนกับยินหันถ้าพูดให้ถูกต้องยินหันคือคนที่อยู่กับเขานานที่สุดแต่ว่าถ้าเกิดพวกเขาทำงานไม่สำเร็จเขาก็พร้อมที่จะขจัดพวกเขาได้ทุกเมื่อไม่เคยมีเยื่อใยเพราะฉะนั้นโม่อู๋เยว่จึงไม่เข้าใจอารมณ์ที่จูนจิ่วพูดถึง
แถมเขายังรู้สึกไม่พอใจเสี่ยวอู่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของจูนจิ่วแล้วเขาล่ะ?จิตวิญญาณของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ใดมันก็จะเรียกหาเขาเสมอดึงดูดเขาแล้วจิตวิญญาณของเขาไม่ดึงดูดนางบ้างเลยเหรอ?
จูนจิ่วยักไหล่ตัวเอง“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีอะไรแล้วสินะไม่ต้องเสียเวลารีบบอกเลยว่าทำยังไงถึงจะออกจากที่นี่ได้”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้ามายืนหลังข้า”โม่อู๋เยว่บอก
จูนจิ่วมองหน้าเขาด้วยความสงสัยแล้วเดินไปข้างหลังของโม่อู๋เยว่สายตาแอบแฝงด้วยความเย็นจูนจิ่วจะดูว่าโม่อู๋เยว่จะเปิดห้องลับนี้ได้ยังไง
เห็นเพียงแค่โม่อู๋เยว่เอามือตัวเองขึ้นไปวางไว้ตรงกำแพงหินแล้วกดสวิตซ์ลงไปพลังงานที่ไหลออกมามันมากจนยากที่จะจินตนาการออกยากที่จะหาคำมาอธิบายความยิ่งใหญ่ของมันได้
มีเพียงแค่ความรู้สึกเดียว!
ถ้าเกิดโม่อู๋เยว่ต้องการที่จะสังหารนางแค่ความคิดเดียวก็พอแล้วนางไม่มีเวลาที่จะต่อต้านด้วยซ้ำ
ความรู้สึกแบบนี้มีเพียงครุ่นเดียวโม่อู๋เยว่จูงมือของจูนจิ่วแรงกดดันนั้นหายไปในชั่วพริบตานางเห็นโม่อู๋เยว่กำลังพุ่งไปชนกำแพงหินที่อยู่ด้านหน้าวิธีออกไปจากที่นี่มันง่ายดายแต่ก็บ้ามากเช่นกัน!
จูนจิ่วกลืนน้ำลายลงคออารมณ์ก็เปลี่ยนทันที
โม่อู๋เยว่สามารถพุ่งชนกำแพงหินนี้ได้โดยตรงแล้วทำไมถึงบอกว่าต้องเรียนวิชาของนกฟีนิกส์แดงถึงจะออกไปได้ล่ะ?อย่างที่คิดไว้สุดท้ายนางก็โดนเขาหลอกอยู่ดี!
โม่อู๋เยว่จูงมือจูนจิ่วตรงไปข้างหน้าหลังจากกำแพงหินก็เป็นประตูบานใหญ่โม่อู๋เยว่มองอักขระที่อยู่ข้างบนสายตาแล้วพูดออกมา“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอามือของเจ้าวางไว้ตรงประตู”
“มือของข้า?”
จูนจิ่วเอามือไปวางตรงประตูแบบงงๆจากนั้นก็เห็นหลังมือของตัวเองตราของนกฟีนิกส์แดงส่องแสงแล้วไหลไปทั่วประตูแล้วประตูใหญ่ที่ถูกปิดผนึกอยู่ก็ค่อยๆเปิดออกข้างนอกก็คือชั้นแรกของห้องหนังสือ
“โม่อู๋เยว่“นี้เป็นประตูลับที่นกฟีนิกส์แดงทิ้งเอาไว้ถ้าเกิดไม่ได้เป็นผู้สืบทอดก็จะไม่สามารถเปิดประตูนี้ออกถ้าเกิดใช้กำลังในการพังประตูจะเกิดการต่อต้านของนกฟีนิกส์แดงถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะยุ่งยากสักหน่อย”
เขาไม่กลัวการต่อต้านของนกฟีนิกส์แดงแต่เขาไม่สามารถปล่อยให้จูนจิ่วอยู่ในอันตรายได้แถมการเป็นผู้สืบทอดวิชานกฟีนิกส์แดงก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์สักทีเดียวทักษะเยอะมันดีต่อตัวเองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คงรู้เรื่องนี้ดีมั้ง?
จูนจิ่ว“……”
นางอยากขอโทษเรื่องที่เข้าใจโม่อู๋เยว่ผิดไป
“เมี๊ยว!”พอเดินออกมาก็มีเสียงร้องไห้ของแมวดังออกมาเสี่ยวอู่กระโดดลงมาจากบนตู้หนังสือน้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับโผเข้าหาร่างของจูนจิ่ว
สองวันแล้วมันรอจนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วเนี่ย!
กลิ้งไปมาอย่างไม่คิดชีวิตถูหน้าไปมาในอ้อมกอดของจูนจิ่วจนทำให้ร่างของจูนจิ่วเต็มไปด้วยกลิ่นของมันจูนจิ่วก็อุ้มเสี่ยวอู่ด้วยความเอ็นดูแล้วปลอบไปด้วยจนมีครุ่นนึงที่ลืมไปว่าโม่อู๋เยว่ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ดวงตาสีทองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องมองไปที่ตัวของเสี่ยวอู่โม่อู๋เยว่หันหน้าไปอีกทางไม่ดูแล้วถ้าดูอีกกลัวว่าตัวเองจะบีบเสือขาวตัวเองตายคามือ
จูนจิ่วไม่รู้ความคิดของโม่อู๋เยว่นางหันกลับไปมองหลังตัวเองตู้หนังสือกลับไปในตำแหน่งเดิมแล้วปิดทางเข้าของประตูลับหนังสือสีดำเล่มนั้นมาอยู่ในระดับสายตาพอดีตัวอักษรที่ก่อนหน้านี้ออกไม่ออกตอนนี้ก็ได้รู้คำตอบแล้วมันคือ“นกฟีนิกส์แดง”