บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่113ธูปเรียกสัตว์ทิพย์กลุ่มหมาป่าละโมบปรากฏตัว
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่113ธูปเรียกสัตว์ทิพย์กลุ่มหมาป่าละโมบปรากฏตัว
บทที่113ธูปเรียกสัตว์ทิพย์กลุ่มหมาป่าละโมบปรากฏตัว
ศพของสัตว์ทิพย์ขั้นสองอย่างหมาป่าร่วงลงที่นี่อย่าคิดเลยว่าจะมีสัตว์ทิพย์ตัวอื่นๆจะถูกดึงดูดเข้ามาอีกพวกเขาตัดสินใจออกไปจากที่นี่เพื่อไปหาที่ใหม่
ต่อเนื่องมาหลายวันจูนจิ่วและพวกยังคงตามล่าฆ่าสัตว์ทิพย์หากยังมียานี้อยู่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างแน่นอน!ยูนเฉียวยังคงถามจูนจิ่วอยู่ว่าตกลงแล้วยานี้มีชื่อว่าอะไรจูนจิ่วได้ยินจากนั้นก็มองไปที่เสี่ยวอู่นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่ากัญชาแมวนั่นแหละ”
สามคน:??
ไม่เอาชื่อตามนี้จะได้ไหมฟังแล้วมันดูตั้งแบบผ่านๆหากยานี้มันมีความรู้สึกมันคงจะร้องไห้แล้วล่ะ?
กู่ซงพูดขึ้นมาว่า:“หรือเรียกมันว่าธูปเรียกสัตว์ทิพย์?ดึงดูดสัตว์ทิพย์แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ——ธูปเรียกสัตว์ทิพย์”
แม้ว่าหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยจะไม่มีปัญญาไปคุยโวโอ้อวดจูนจิ่วแต่พวกเขาก็ต้องจำใจยอมรับว่าชื่อธูปเรียกสัตว์ทิพย์มันฟังดูตั้งใจตั้งกว่าชื่อกัญชาแมวอย่างน้อยคนอื่นฟังก็รู้ว่ามันคืออะไรกัญชาแมวชื่อนี้ไม่ได้จริงๆ
จูนจิ่วไม่คัดค้านแต่อย่างใดพยักหน้า“ก็ได้ถ้าอย่างนั้นก็ชื่อธูปเรียกสัตว์ทิพย์ก็แล้วกันพวกเจ้ามีหัวสัตว์ทิพย์เท่าไหร่แล้วล่ะ?”
สัตว์ทิพย์ที่พวกเขาฆ่านั้นล้วนแต่เพื่อที่จะเอาหัวของมันมาเป็นของตัวเองพวกเขาเฝ้านับในทุกๆวันเพราะฉะนั้นเมื่อจูนจิ่วถามก็สามารถตอบได้ทันที“ข้ามีหัวสัตว์ทิพย์ขั้นหนึ่งยี่สิบสามอัน”
จูนเสี่ยวเหล่ยตอบด้วยความอ่อนโยนว่า:“ข้ามีหัวสัตว์ทิพย์ขั้นหนึ่งสิบหกอัน!”
“สัตว์ทิพย์ขั้นหนึ่งสิบสองอัน”เมื่อได้ยินคำตอบของกู่ซงจูนจิ่วก็หันไปมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาทันที
นางอุ้มเสี่ยวอู่พร้อมทั้งพูดว่า:“เสี่ยวอู่มีหัวของสัตว์ทิพย์ขั้นหนึ่งสิบแปดอันข้ามีหัวของสัตว์ทิพย์ชั้นสองหนึ่งหัวหัวสัตว์ทิพย์ชั้นหนึ่งสามสิบหัว”
นี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างยิ่ง!
พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในเขาปู้หว่งไม่ทันถึงห้านาทีมนุษย์สี่คนและแมวอีกหนึ่งตัวสามารถเอาหัวของสัตว์ทิพย์ชั้นหนึ่งมาได้หนึ่งร้อยหกอันหัวของสัตว์ทิพย์ชั้นสองอีกหนึ่งหัวหากว่าพี่น้องคนอื่นๆที่เคยเข้ามาในเขาปู้หว่งได้ยินเรื่องนี้เข้าจักต้องอิจฉาตาร้อนเป็นแน่
หนึ่งร้อยกว่าตัวนั่นเท่ากับว่าพวกเขาใช้เวลาภายในห้าวันเข่นฆ่าสัตว์ทิพย์ไปหนึ่งร้อยกว่าตัวแล้วคนอื่นๆนั้นภายในห้าวันอย่างมากก็ได้แค่ยี่สิบกว่าตัวยิ่งไปกว่านั้นบางคนก็กว่าจะเจอสักตัวลำบากยากเข็ญเหลือเกิน
สัตว์ทิพย์ที่อยู่รอบๆเขาปู้หว่งล้วนแต่ถูกธูปเรียกสัตว์ทิพย์ของจูนจิ่วดึงดูดมาหมดแล้วปกติคนอื่นๆจะไม่ค่อยพบเจอสัตว์ทิพย์พวกเขายังคงสงสัยอยู่ในใจอยู่ดีอีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ฤดูหนาวสัตว์ทิพย์ที่เขาปู้หว่งล้วนแต่หายไปไหนกันหมด?
“การล่าสัตว์ก็เหมืนกับการตกปลานั่นแหละต้องเก็บปลาเล็กเพื่อกินปลาใหญ่ดังนั้นพวกเราต้องเดินทางเข้าไปในป่าลึกของเขาปู้หว่ง”
จูนจิ่วมองจ้องมองทั้งสามคน:“สัตว์ทิพย์ที่นี่มันจะช่วยฝึกทักษะของพวกเจ้าและยังช่วยเพิ่มประสบการณ์แต่ยกระดับกำลังที่มีอยู่พวกเจ้าต้องฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสองอย่าน้อยหนึ่งตัว”
“ได้!”
ถึงแม้ว่าจูนเสี่ยวเหล่ยจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยแต่ยังคงเชิดหน้าเรียกความกล้าออกมา:“ข้าจะต้องฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสองให้ได้จะไม่ทำให้พี่จิ่วผิดหวังแน่นอน!”
“อือถ้าหากเจอมันพวกเราจะลองดู”
“ม๊าว!”เสี่ยวอู่ยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่ามันก็จะร่วมด้วยเช่นกัน
ทุกคนมองไปยังกู่ซงหลังจากนั้นก็เอามือลูบจมูกยิ้มในใจกู่ซงพูดขึ้นด้วยความอ่อนโยนว่า:“ฝีมือข้าอ่อนนักเจ้าดูข้ายังสู้จูนเสี่ยวเหล่ยไม่ได้เลยจะไปฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสองได้อย่างไรกันล่ะ?”
“ดังนั้นเจ้ามันไม่มีประโยชน์เป็นเช่นนี้แล้วพวกข้าจะพาเจ้าไปทำไมกันล่ะ”หยูนเฉียวมีสีหน้าที่ทอดถอนใจ
เขาปู้หว่งให้ประสบการณ์มากนอกจากจะตัดสินคะแนนรายคนแล้วยังมีเป็นกลุ่มอีกทั้งหมดก็เอามารวมกันเป็นคะแนนทั้งนั้นถึงแม้ว่าซือถูซิวจะไม่ได้พูดถึงรางวัลแต่พวกเขาดูคร่าวๆแล้วยังไงก็ไม่ด้อยหรอกใช่ไหม?
จูนจิ่วมองกู่ซงด้วยสายตาที่เย็นชาแต่นางก็ไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมา
เสี่ยวอู่เห็นแล้วก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันทีร้องเมี๊ยวเมี๊ยวเงยดูจูนจิ่วจากนั้นก็พูดในใจว่า:“เจ้านายทำไมเจ้านายถึงไม่เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของกู่ซงล่ะ?ถึงแม้ว่าเขาจะเสแสร้งเก่งเพียงใดแต่เสี่ยวอู่ก็ดูออกตั้งแต่แรกแล้ว!”
กู่ซงไม่ได้เป็นผู้ที่อ่อนแอเด็ดขาด!
จูนจิ่วพูดว่า:“ข้ารอให้เขาเปิดเผยด้วยตัวเขาเอง”
ในเมื่อกู่ซงชอบที่จะแสดงละครตบตาชอบเสแสร้งถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาทำต่อไปเถอะถึงอย่างไรเขาปู้หว่งก็ไม่มีอะไรเรื่องสนุกขำขันอะไรให้เล่นก็ถือว่ากู่ซงช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดไปก็แล้วกันกู่ซงไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเขาเผยพิรุธออกมาแล้วยังคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จอีก
พวกเขาเดินทางเข้าไปยังป่าลึกของเขาปู้หว่งก่อนจะออกเดินทางจูนจิ่วยังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีก
นางหันหมุนข้อมือตนเองและหันไปมองสามคนที่กำลังนั่งพักอยู่จูนจิ่วพูดขึ้นมาว่า:“พวกเจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกันข้ากับเสี่ยวอู่จะออกไปข้างนอกสักครู่วันนี้ก่อนพลบค่ำพวกเราจะมารวมตัวกันตรงนี้”
หยูนเฉียวถามต่อว่า:“แม่นางจูนเจ้าจะไปไหน?”
“พี่จิ่วถ้าพี่จะไปเราก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ!ในเขาปู้หว่งนี่มีอันตรายรอบด้านหากออกไปคนเดียวไม่ปลอดภัยแน่”
“ใช่แล้ว!หากเจ้าคิดว่าไม่สะดวกไม่อยากพาไปพวกเขาสองคนไปถ้าอย่างนั้นก็พาข้าไปสิ”กู่ซงทำตากระพริบและส่อง
สายตาแหลมคนไปยังหยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ย
จูนจิ่วส่ายหน้า“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกแค่ระหว่างทางได้เจอกับสมุนไพรแค่วันนี้ก็คุ้นเคยแล้วข้าจะไปเก็บมันมาสัตว์ทิพย์ที่พวกเจ้าฆ่าลงไปเมื่อสักครู่นี้ตอนนี้ไม่เพียงแค่ทำให้เราเสียเวลาแต่มันยังทำให้เราถอยหลังลงไปอีกด้วย”
ทั้งสามได้เงียบลง
ถอยหลังคืออะไรหรือพวกเขาไม่ต้องไปแล้วไม่อย่างนั้นล่ะก็จูนจิ่วต้องโกรธมากแน่ๆ
จูนจิ่วยิ้มนางมองดูทั้งสามพูดออกมาด้วยความโศกเศร้า“มารวมตัวกันที่นี่หากเกิดเรื่องและจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ก็ทำตามแผนการที่เราวางไว้เดินไปตามเส้นทางและทำสัญลักษณ์บอกทางเอาไว้ข้าจะตามไปหาพวกเจ้าเอง”
“ได้เลย!”
พี่จิ่วระวังตัวด้วย
จูนจิ่วโบกมือให้พวกเขาจากนั้นก็พาเสี่ยวอู่เดินเข้าไปในป่าลึกก่อนหน้านี้สองวันนางได้พบกับหญ้าชีซวนโลมันใกล้จะบานแล้ว!ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ขาดสมุนไพรชนิดนี้แต่การที่นางได้พบโดยบังเอิญนั้นมันก็ควรที่จะเก็บเอาไว้
หากคิดตามเวลาที่มันจะเบ่งบานวันนี้ไปเก็บมาหลังจากนั้นก็เดินทางเข้าไปในป่าลึกของเขาปู้หว่งหรือว่าจะรอกลับมาแล้วค่อยเก็บดอกสีเหลืองก็คงจะแห้งเหี่ยวหมดแล้ว
ในที่แห่งหนึ่งที่ไกลจากจูนจิ่วออกไปกลุ่มคนชุดดำที่กำลังเดินป่าอยู่พวกเขาสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางจากนั้นก็หยุดเพื่อหารือเสียงแหบแห้งของคนคนหนึ่งดังขึ้น:“ดูตามรายงานที่ตระกูลจูนได้ให้มานั้นจูนจิ่วน่าจะยังอยู่บริเวณรอบนอกของเขาปู้หว่งรูปร่างลักษณะของจูนจิ่วพวกเจ้าจำได้ใช่ไหม?และยังมีคนที่ติดตามนางไปด้วยอีกไม่ว่ามันจะเป็นใครฆ่าพวกมันให้หมด!อย่าปล่อยให้พวกมันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”ดูเหมือนว่าคนที่พูดนี้เหมือนจะเป็นผู้นำ
คนชุดดำต่างก็พยักหน้ากันเพื่อบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว
ผู้นำพูดขึ้นมาอีกว่า:“ครั้งนี้ค่าตอบแทนที่ตระกูลจูนเสนอไม่น้อยเลยทีเดียวใครก็มาขัดไม่ได้หากจูนจิ่วไม่ตายคนที่ตายก็จะเป็นพวกเจ้า!”
“รับทราบ!”
“เดินทางต่อ”
พวกมันเป็นชนชั้นนำของนักฆ่าที่รู้จักกันดีในสิบแคว้นนั่นก็คือกลุ่มหมาป่าละโมบตั้งแต่พวกเขารับจ้างฆ่ามาไม่เคยมีสักครั้งที่พวกเขาทำงานพลาดฉายากลุ่มหมาป่าละโมบนี้แค่มีค่าตอบแทนให้อย่างสูงไม่ว่าใครเขาก็ฆ่าได้หมด!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงกลุ่มหมาป่าละโมบได้พบกับหยูนเฉียวและพวก
“จูนจิ่วไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ในรายงานบอกว่าพวกนี้คือเพื่อนร่วมทีมของจูนจิ่วดูจากสถานการณ์แล้วก็ถูกต้องทุกอย่าง!ฆ่าพวกมันแล้วเหลือไว้ให้สักคนเพื่อให้จูนจิ่วถาม”
“ใช่”
เงามืดล้อมรอบบริเวณรอบๆหยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยยังไม่รู้ตัวกู่ซงที่กำลังเอนตัวอยู่บนต้นไม้อย่างหลับใหลทันใดนั้นในดวงตาของเขาก็เห็นเหมือนเงามืดผ่านตาไปเขาขมวดคิ้วขึ้นพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า:“หยูนเฉียวจูนเสี่ยวเหล่ยพวกเจ้าว่าอะไรนะ?”