บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่287 มีแต่ความคิดจะปกป้องนาง
บทที่287 มีแต่ความคิดจะปกป้องนาง
จูนจิ่วยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?”
กระทั่งตอบกลับ เจ้าสำนักชางไห่จงก็โกรธจนกัดฟันกรอด ใครๆ ก็ได้ยินเสียงใช้แรงบดเคี้ยวฟันของนาง จะไม่โกรธได้อย่างไร?เจ้าสำนักชางไห่จงคิดว่าตนเองสามารถซ่อนตัวอยู่บนภูเขายื้อสำนักเทียนอู่จงเอาไว้ รอเพียงเจี้ยนจงและตันจงมาช่วยเหลือ พวกเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือ
แต่คิดไม่ถึง จูนจิ่ววางยาทั้งสำนักล้มลงอย่างรวดเร็ว ชางไห่จงของนางถูกสำนักเทียนอู่จงโจมตีอย่างง่ายดาย ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง!
หากไม่ถูกวางยาพิษ เจ้าสำนักชางไห่จงจ้องที่ดวงตาของจูนจิ่ว จะต้องพุ่งเข้าใส่กลืนกินนางทั้งเป็นอย่างแน่นอน เจ้าสำนักชางไห่จงเห็นจูนจิ่วยิ้ม จับตาดูนางอย่างดูถูกและเย้ยหยัน นางพูด: “เจ้าคิดว่าเจี้ยนจงและตันจงจะมาช่วยเหลือเจ้างั้นหรือ?”
“หึ!” เจ้าสำนักชางไห่จงอุทานอย่างเย็นชา นี่มันแน่อยู่แล้ว!
จากนั้นจูนจิ่วโบกมือไปด้านหลังเหยียนไห่นำตัวสาวกของเจี้ยนจงมา เมื่อเห็นพวกเขา เจ้าสำนักชางไห่จงและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เจี้ยนจงจะยืนอยู่กับสำนักเทียนอู่จงอย่างปลอดภัยได้อย่างไร?
เจ้าสำนักชางไห่จงตะโกนอย่างโมโห: “ทรยศ! เจี้ยนจงทรยศเราแล้ว!”
“ผิด เจี้ยนจงไม่ได้ทรยศ คนที่ช่วยพวกเจ้าต่างก็ต้องตาย ที่เหลือคือสุนัขรับใช้ของข้า พวกเขาฟังคำสั่งข้าอย่างเชื่อง ปิดกั้นชางไห่จงของเจ้า คนที่ฆ่าสาวกชางไห่จงของพวกเจ้าก็คือพวกเขา ประหลาดใจมากใช่หรือไม่?” จูนจิ่วเลิกคิ้ว รอยยิ้มชั่วร้ายเย่อหยิ่ง
น้ำเสียงของเธอเจ้าเล่ห์และทะนง ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต้องทำอะไร ก็ควบคุมตอนจบได้แล้ว ทำให้ทุกคนเป็นหมากรุกในมือของนาง
“เจ้าสำนักสำนักเทียนอู่จง เจ้าจะสมยอมให้จูนจิ่วขี่หัวเจ้างั้นหรือ?”
“ชิ บ่างช่างยุงั้นหรือ? ศิษย์น้องของข้าเก่งและฉลาดขนาดนี้ ข้าที่เป็นศิษย์พี่ต้องดีใจด้วยซ้ำไป! อะไรขี่อยู่บนหัวข้า หากศิษย์น้องต้องการเล่นขี่ม้า ศิษย์พี่จะเล่นด้วยจนถึงที่สุด”
“พู่——” เหยียนไห่พ่นออกมาอย่างอดไม่ได้
เจ้าสำนักสำนักเทียนอู่จงยังคงแปลกประหลาดเช่นเคย หลงระเริงไร้ระเบียบวินัย แต่เขาก็สง่าผ่าเผยอิสระซึ่งทำให้เขาอิจฉามาก
เห็นเจ้าสำนักชางไห่จง แทบกระอักเลือดแล้ว โกรธจนตัวสั่น นิ้วชี้ที่ชิงหยู่และจูนจิ่วพูดไม่ออก จึงมีผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายนางพูดขึ้น: “เรายังมีตันจง!”
“ตันจง? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าไปไม่ถึงฮวงโหไม่ตายใจ ตอนนี้ตันจงอย่าว่าแต่จะปกป้องใครเลยเพราะตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีเวลามาสนใจความเป็นความตายของชางไห่จง” ชิงหยู่หมดความอดทนแล้ว แน่นอนว่านอกจากศิษย์น้องที่สวยและน่ารักแล้ว หญิงชราก็เหมือนกับผ้าห่อเท้าทั้งเหม็นและยาว
เขาโบกมือ “พวกเจ้าจะอยู่เฉยอยู่ทำไม! จับหญิงชราพวกนี้ไว้ อย่าเสียเวลาข้าเลย”
“หยุดนะ!” จ้ำนักชางไห่จงตะโกนอีกครั้ง นางจ้องมองชิงหยู่และจูนจิ่วอย่างเขม่น พ่นคำที่ทำให้ทุกคนตกใจ นางพูด: “พวกเจ้าผู้ใดกล้าแตะต้องพวกข้าแม้แต่นิดเดียว อย่าคิดที่จะรู้เบาะแสชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนของสำนักเทียนอู่จงของพวกเจ้าอีกเลย!”
อะไรนะ!
ร่างกายของชิงหยู่แข็งทื่อ ดวงตาก็เบิกกว้าง ดวงตาของจูนจิ่วประกาย เป็นครั้งแรกที่เขามองไปที่เจ้าสำนักชางไห่จงอย่างจริงจัง
นางพูดขึ้นมาว่า นางรู้ว่าชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนของสำนักเทียนอู่จงห่างหายไปหลายปี เป็นไปได้อย่างไร? แม้แต่ผู้อาวุโสของชางไห่จงที่อยู่ด้านหลังนางก็ยังตกตะลึง ตกใจและไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าสำนักของตนจะรู้
ชิงหยู่โต้กลับ “นี่เป็นไปไม่ได้!”
“ชิงหยู่เจ้าลองดูได้ อย่างไรเสียข้าก็ไม่กลัว อย่างน้อยก็ตายไปพร้อมกับความลับ ทำให้วิชาฝึกตนของสำนักเทียนอู่จงของเจ้าห่างหายไปตลอดกาล ข้าตายก็ไม่ขาดทุน” เมื่อเจ้าสำนักชางไห่จงเห็นปฏิกิริยาของชิงหยู่ ก็รู้ว่าคว้าโอกาสได้แล้ว ทันใดนั้นก็ยืดหลังที่โค้งงอให้ตรง ยิ้มอย่างมีชัยชนะ
“เจ้า!”
“ศิษย์พี่” เมื่อเห็นชิงหยู่ตื่นตระหนก จูนจิ่วยกมือฉุดรั้งเขาไว้ จูนจิ่วมองไปที่เจ้าสำนักชางไห่จงอย่างเย็นชา สายตาจ้องมองอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานีทำให้นางรู้สึกหนาวเข้ากระดูกอย่างอดไม่ได้ จูนจิ่วพูดขึ้น: “เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเจ้าไม่ได้โกหกพวกข้า?”
“ผางชิงเยว่! สาเหตุที่ผางชิงเยว่ทรยศออกจากสำนักเทียนอู่จง นอกจากเจ้าสำนักคนเก่าของสำนักเทียนอู่จง พวกเจ้าก็คงไม่รู้สินะ? เพราะเขาพบชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนที่หายไป แต่เขาไม่ยอมที่จะส่งมอบมันออกมาเก็บไว้เองและหนีไป อดีตข้าเคยมีความสัมพันธ์กับผางชิงเยว่ ฉะนั้นนอกจากเขาก็มีข้าที่รู้”
ทุกคน: ……
เจ้าสำนักชางไห่จงมีอายุเจ็บสิบแล้วสินะ? อายุมากกว่าผางชิงเยว่สามสิบปี แต่ยังสามารถ……ช้าก่อน! ผิดประเด็นแล้ว สาเหตุที่ผางชิงเยว่ทรยศหนีไปเพราะเหตุนี้?
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เชื่อ เจ้าสำนักชางไห่จงกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางอ้าปากและพูดประโยคหนึ่งในตอนเริ่มต้นของชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน ชิงหยู่ฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยน เขาระงับอารมณ์และจ้องไปที่เจ้าสำนักชางไห่จงอย่างเย็นชา
ชิงหยู่: “เจ้าอยากเอาอะไรมาแลก?”
“พวกเจ้าถอยออกไปจากชางไห่จง! ข้าสาบานด้วยเกียรติของเจ้าสำนักชางไห่จง ต่อจากนี้จะไม่เป็นศัตรูกับพวกเจ้าสำนักเทียนอู่จงอีก และยาถอนพิษ! ส่งยาถอนพิษมา แล้วให้จูนจิ่วคุกเข่าคำนับขอขมาข้า” เจ้าสำนักชางไห่จงจ้องไปที่จูนจิ่ว ดวงตาที่ไร้ความปรานี
เพราะจูนจิ่วทั้งนั้น!
มิเช่นนั้นสำนักเทียนอู่จงจะจู่โจมชางไห่จงได้อย่างไร นางพลาดไป เมื่อครู่ควรเสนอให้ฆ่าจูนจิ่วซะ ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน เป็นวิชาลับของสำนักเทียนอู่จงที่หายไป สิ่งสำคัญเช่นนี้ ชิงหยู่จะต้องฆ่าจูนจิ่วให้กับนางแน่ ตอนนี้ยังเพิ่มเติมได้อยู่หรือไม่?
ใครจะรู้เมื่อชิงหยู่ได้ยิน โมโหทันที “คิดเพ้อเจ้อ! เมื่อข้าจับเจ้าได้แล้ว ทรมานอย่างหนักไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะต้องพูด”
“พวกเจ้าใครกล้า! แค่พวกเจ้าเข้ามา ข้าจะฆ่าตัวตายทันที ผางชิงเยว่ตายแล้ว ข้าตายอีก ถึงตอนนั้นเบาะแสของชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนก็จะไม่มีผู้ใดรู้อีกต่อไป ชิงหยู่เจ้าทำได้เพียงทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น!”
ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนที่สูญหายสำคัญ? หรือว่าจูนจิ่วนังสารเลวผู้นี้สำคัญ? เจ้าสำนักชางไห่จงเชื่อว่าชิงหยู่เลือกวิชาฝึกตน นั่นคือความลับสุดยอดของสำนัก!
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของชิงหยู่ มองเจ้าสำคัญชางไห่จงเหมือนกับคนโง่ ชิงหยู่รวบแขนเสื้อขึ้นและด่า “แม่เอ๊ย ข้าไม่เอาชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนก็จบ อยากรังแกศิษย์น้องของข้า เจ้านายแน่!”
“ศิษย์พี่” จูนจิ่วเรียกรั้งชิงหยู่อีกครั้ง
ชิงหยู่หันกลับไปมองนาง สายตาที่แผดเผา ท่าทางดูหนักแน่นและจริงจัง เขาพูด: “ศิษย์น้องเจ้าอย่าฟังคำพูดของนาง เจ้าสำคัญกว่าอยู่แล้ว!”
หวางฉี่อ๋าง “ถูกต้อง! อาจารย์อา สำนักเทียนอู่จงของเราไม่มีชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนมานานสิบปีแล้ว ก็ยังผ่านมาได้ ต่อให้มี เราก็ทะลวงวิชาไม่ได้ มีมันมีประโยชน์อะไร อาจารย์อาต่างหากที่สำคัญที่สุด! เจ้าสำนัก เรามาทุบตีนังนั่นให้ตายเถอะ!”
“อย่าให้นางฆ่าตัวตายเลย เราลงมือทุบตีก่อนระบายอารมณ์ให้กับอาจารย์อา!”
เอ๊ะ จูนจิ่วยิ้มกุมขมับ เจ้าพวกโง่! มรดกที่เป็นความลับสุดยอดของสำนักก็ไม่เอาแล้ว มีแต่ความคิดจะปกป้องนาง ทำอย่างไรดี? ทั้งปลาบปลื้มใจและทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
เสี่ยวอู่เหมียวๆ : “เหมียว! งั้นก็ไม่พูด เจ้านายลงมือสู้โดยตรงเลย!”
“พูดถูก”
จูนจิ่วยกมือ หยุดเสียงตะโกนของสาวกสำนักเทียนอู่จงทุกคน นางยิ้ม “ฟังข้า กองทัพเย่สิง พาสาวกชางไห่จงมา”
จูนจิ่วต้องการทำอะไร? ในไม่ช้าสาวกชางไห่จงแต่ละคนถูกลากมา จูนจิ่วมองไปที่เจ้าสำนักชางไห่จง ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วถามขึ้น: “ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนอยู่ที่ใด?