บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 147
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 147
“ไปให้พ้น! อย่าแตะต้องเธอ!”
เจเรมี่ตะคอกในทันที เขาวิ่งออกไปในขณะที่สองมืออุ้มมาเดลีนขึ้นพาเธอไปที่ถนนก่อนจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่
เอวาจมอยู่ในความงุนงงอยู่อย่างนั้นสองสามวินาทีก่อนที่เธอจะวิ่งตามพวกเขาไป
เมเรดิธและเอโลอิสรีบวิ่งตามออกไปเช่นกัน พวกเขาไม่มีเวลาที่หยุดเจเรมี่หลังจากเห็นว่าเขาขึ้นรถแท็กซี่ไปกับมาเดลีนแล้ว
เอวากำหมัดแน่นและกัดฟัน เธอไม่คิดอะไรมาก่อนว่าจะวิ่งไล่ตามพวกเขา
ไฟของห้องฉุกเฉินสว่างขึ้นในขณะที่เจเรมี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องรอญาติอย่างเงียบ ๆ เขาไม่มีการแสดงออกบนสีหน้าใด ๆ
ความอบอุ่นและกลิ่นหอมของมาเดลีนยังคงอบอวลอยู่ในอ้อมแขน อย่างไรก็ตาม เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดที่เธออาเจียนออกมา มีเลือดออกมามากมายและมันดูเป็นภาพที่ไม่พึงประสงค์เท่าที่ควร
เขาหลับตาลง สมองของเขาหมกมุ่นยังยู่กับสิ่งที่มาเดลีนพูดก่อนที่เธอจะหลับตาลงไป
“เจเรมี่ วิทแมน นายมันเลือดเย็นน่าขยะแขยงที่สุดในโลก!”
เสียงกรีดร้องของเอวาดังขึ้นต่อหน้าเขา เจเรมี่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ มีการมองที่เป็นเหมือนลางไม่ดีน่ากลัวในดวงตาของเขา และมันดูราวกับว่าเขากำลังจะเขมือบใครบางคนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เอวาไม่ได้กลัว เธอมองเจเรมี่ด้วยน้ำตาคลอเบ้าขณะที่เธอสะอื้น
“เจเรมี่ มันจะไม่เป็นไรเลยถ้านายไม่ได้รักแมดดี้ แต่ทำไมนายต้องทรมานเธอแบบนี้?”
“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย! เธอถูกใส่ร้าย! ทำไมนายถึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับเธอ?”
“แมดดี้จงรักภักดีต่อนายโดยไม่เคยมีการนอกใจนายมาก่อนทั้งตอนนั้นหรือตอนนี้ แต่นายกลับกล่าวหาว่าเธอนอนกับผู้ชายคนอื่น และยังปฏิเสธความจริงที่ว่าเธอได้ให้กำเนิดลูกของนายอย่างไร้ความปราณี! รู้ไหมว่าตัวนายเองโหดร้ายแค่ไหน?”
“หากเธอไม่หลงรักนายล่ะก็…ถ้าเธอไม่ได้รักนายมากขนาดนี้ ทำไมเธอต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเด็กคนนั้น? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายก็ไม่สนใจอะไรและยังบดกระดูกของเด็กคนนั้นให้กลายเป็นฝุ่น! นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
เอวาตะโกนใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่เจเรมี่เอาแต่จ้องเธอโดยไม่พูดอะไร ยังไงก็ตาม การมองของเขากลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกประโยคที่เอวาพูด
เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่แสดงสีหน้าและจ้องไปที่เอวา
เมื่อเอวาคิดว่าเจเรมี่กำลังจะพูดอะไรโต้กลับเธอ เมเรดิธได้ปรากฏตัวพร้อมกับแหกปากปกป้องเขา
“เธอพ่นคำพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา? เธอเป็นใครถึงคุยกับคู่หมั้นของฉันแบบนั้น? มาเดลีนรู้ดีว่าเธอทำอะไรไว้และเราก็รู้มันเช่นกัน เธอคิดว่าตัวเองสามารถล้างมลทินให้เธอด้วยคำพูดไม่กี่คำได้งั้นหรอ? เธอคิดว่าเจเรมี่จะเชื่อเธอไหม?”
“เธอเป็นอีกคนที่ต้องลบล้างชื่อของตัวเองออกไป! เมเรดิธ! ยัยตัวร้ายตีสองหน้าเป็นตัวอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!” เอวาตอกกลับโดยไม่แสดงความอ่อนแอใด ๆ จากนั้น เธอก็เย้ยหยันและมองไปทางเจเรมี่ที่นิ่งเงียบ “แน่นอนว่าขยะบนโลกนี้จะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดเพราะเขาเป็นแค่คนหูหนวก มีตาหามีแววไม่ที่ไม่รู้จักอะไรผิดอะไรถูก!”
“เธอ…” เมเรดิธโกรธมาก เธอยกมือขึ้นเตรียมตบเอวา แต่เมื่อมือของเธอกลับหยุดค้างอยู่กลางอากาศ เธอถูกเจเรมี่หยุดไว้
“เจเรมี่…” เมเรดิธมองไปที่ชายผู้เฉยเมยพร้อมกับแสดงสีหน้าของเธออย่างเศร้าใจ “เจเรมี่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครพูดถึงคุณแบบนี้”
เธอพยายามทำตัวเป็นที่โปรดปรานที่แสดงถึงการปกป้องเกียรติของเขา แต่เจเรมี่กลับเพิกเฉยต่อเธอเพียงเท่านั้นและเขาปล่อยมือเธอแล้วเดินไปตรงหน้าเอวา ดวงตาของเขาเหมือนเหวลึก— ที่มืดมิดและน่ากลัว
“พูดต่อสิ”
เอวาลังเลเล็กน้อยแต่ยังคงจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา “เจเรมี่ นายจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้”
คำพูดไม่กี่คำในประโยคของเธอ แต่มันมีอนุภาคมหาศาลที่ทำให้เขาหายใจไม่ออก
หัวใจของเจเรมี่เต้นรัวเมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา “ใครเป็นคนในครอบครัวของคนไข้?”
เจเรมี่รีบก้าวไปข้างหน้าทันที เขาดูกังวลมาก “ผมเป็นสามีของมาเดลีน เธอปลอดภัยดีใช่ไหม?”
พยาบาลมองไปที่เจเรมี่ด้วยสีหน้ามึนตึงก่อนจะถอนหายใจด้วยความเสียใจ “เนื้องอกในร่างกายของเธอขยายตัวรุกรามเธอในทางที่เลวร้ายที่สุด ตอนนี้เธอหมดสติไป แต่หมอยังคงทำทุกอย่างเพื่อยื้อเธอกลับมา ฉันหวังว่าคุณจะเตรียมพร้อมรับมือกับสถาณการณ์เพราะอัตราความสำเร็จที่จะพาเธอกลับมาแทบจะเป็นศูนย์ นี่คือสัญญายินยอมหากเกิดเหตุขั้นวิกฤตที่เราไม่สามารถทำการยื้อเธอได้เราต้องปล่อยเธอไป กรุณาลงนามด้วย”