บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 151
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 151
เจเรมี่ตะโกนออกมามันเต็มไปความเกรี้ยวกราด ทำให้เมเรดิธรีบหันหลังและเดินหนีออกไปด้วยความกลัว
ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องนั้นอีกแม้เเต่คนเดียว ในขณะเดียวกัน ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเจเรมี่ถึงมีปฎิกิริยาเช่นนี้
ทุกคนในเกลนเดลเข้าใจว่าเจเรมี่รักเมเรดิธ แต่ตอนนี้ เขาไม่สามสารถยอมรับที่ความจริงที่ว่าอดีตภรรยาเขาได้ตายไปเเล้วงั้นหรือ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แดเนียลรู้เรื่องการตายของมาเดลีนจากอดัม เขารีบไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่เขาทราบข่าว แต่เขากลับต้องหยุดอยู่นอกห้องผ่าตัด
เขาปะทะกับบอดี้การ์ดของเจเรมี่อยู่พักหนึ่ง จากนั้น ประตูถูกเปิดออกจากข้างในก่อนที่เจเรมี่จะเดินมาอย่างช้า ๆ
เมื่อเขาเห็นเจเรมี่ แดเนียลหลบหลีกการปะทะกับบอดี้การ์ดและรีบวิ่งตรงเข้าไปหาชายคนนั้น
“เจเรมี่ แกมันฆาตกร! แกฆ่าแมดดี้ !” เขาตะโกนประนาม ขณะที่กำลังจะชกเจเรมี่
เจเรมี่คว้าข้อมือของแดเนียลอย่างไม่แยแส เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ผมบอกว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้ามากวนภรรยาผมทั้งนั้น ไสหัวไปซะ!”
“ภรรยาของนายงั้นเหรอ?” แดเนียลรู้สึกขบขัน “เจเรมี่ ถามตัวเองทีซิ ว่าเมื่อไหร่กันที่เคยปฏิบัติกับแมดดี้เหมือนเธอเป็นภรรยา? ตอนนี้ก็ได้ทรมานเธอจนตายสมใจแล้ว นี้ยังแกล้งทำเป็นเหมือนว่ามีความรักที่ลึกซึ้งต่อเธองั้นหรอ ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์และที่น่าขบขับบ้างหรือไง?”
ดูเหมือนว่าคำพูดของแดเนียลได้กระตุ้นชายคนนี้เป็นอย่างดีเพราะเมฆดำเริ่มปรากฏในดวงตาและใบหน้าของเขา
เขาผลักแดเนียลออกไป ด้วยความโกรธที่ท่วมท้น แม้ตอนท้ายที่สุด เขาพูดออกมาเพียงคำเดียว “ไปซะ!”
เขาปิดประตูห้องผ่าตัดอีกครั้ง และขังตัวเองอยู่กับมาเดลีนไว้ด้วยกันในพื้นที่ปิดตาย
มันไม่ใช่เรื่องจริง
มาเดลีนแค่เสแสร้ง
จากนั้น เขาควรจะแสดงความรู้สึกทุกย่างนี้กับเธอ เธอจะไม่สามารถแสดงท่าทีใด ๆ ได้อีกต่อไปแล้วหลังจากเวลาผ่านไปสักครู่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถแบกรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทนต่อสภาพนี้ได้นานขนาดนี้
เขาเอื้อมมือที่สั่นเทา และใช้นิ้วของเขาแตะลงบนใบหน้าของเธอเบา ๆ ความหนาวเย็นเดินทางจากปลายนิ้วเข้าสู่หัวใจของเขา
เจเรมี่รู้สึกแสบที่มุมตา เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก่อนที่จะจับไหล่ของมาเดลีนและดึงเธอเข้ามาแนบอก ในขณะที่ลูบไล้แก้มของเธอ น้ำตาหยดแรกได้หยดลงบนใบหน้าที่สูญเสียอุณหภูมิไปแล้ว แต่ไม่ว่าน้ำตาของเขาจะร้อนแค่ไหนมันมีอนุภาคไม่พอที่จะทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นได้อีก
“มาเดลีน เธอบอกว่าผมจะเสียใจกับเรื่องนี้ ใช่ มันเป็นความจริง ตอนนี้ผมกำลังเสียใจ ตื่นมาดูหน้าสำนึกผิดของผมหน่อยได้ไหม?”
เขาหวังว่านี่เป็นเพียงแค่การเล่นละครตบตา แต่ทว่า เวลาที่ผ่านไปบอกเขาว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาคือคนที่ตายไปแล้ว
เจเรมี่ไม่เคยคิดหรือรู้สึกว่าเขาชอบมาเดลีน นอกจากนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าเขาจะชอบเธอมากขนาดนี้
ตลอดเวลานี้ เขาคิดว่าผู้หญิงอย่างมาเดลีนเป็นเพียงคนนอกสายตา
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ความเจ็บปวดที่ย้ำเตือนความจริงกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาชอบมาเดลีน เขาชอบเธอมาก
ข่าวการเสียชีวิตของมาเดลีนแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากผู้อาวุโสวิทเเมนทราบเรื่องนี้ เขาไม่สามารถทนเเบกรับความรู้สึกที่แตกสลายได้ส่งผลให้เขามีอาการทรุดและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
มาเดลีนตายไปแล้ว และมันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แน่นอนว่าเมเรดิธเป็นคนที่มีความสุขที่สุด แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความรู้สึกยินดีปรีดากับพิธีหมั้นในวันนั้นเท่าไหร่ แต่ว่าอย่างน้อยตอนนี้ทุกคนในเกลนเดลก็รู้แล้วว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเจเรมี่อย่างสมบูรณ์
จากนี้ไป มาเดลีน ที่เป็นอุปสรรคขวางทางเธอ จะไม่มีอีกแล้ว จะไม่มีใครมาคุกคามตำแหน่งของเธอได้อีกต่อไป!
ตามคำสั่งของเจเรมี่ จะให้ร่างของมาเดลีนถูกแช่แข็งและเก็บรักษาไว้
ในเวลาต่อมาเจเรมี่กลับไปที่บ้านเพียงครู่หนึึ่ง แต่เมื่อเขากลับมาโรงพยาบาล เขากลับสังเกตเห็นว่าร่างของมาเดลีนหายไป
เขาตามหาเธอไปทั่วเหมือนเขาเป็นบ้า เขายังหวังว่ามาเดลีนจะแอบหนีไปเพราะเธอไม่สามารถ ฝืนทนทำการแสดงของเธอได้ต่อไป ท้ายที่สุดเเล้ว เขาเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดความจริงที่ว่าเอวาได้ขอให้ใครบางคนนำศพของมาเดลีนออกไป
เจเรมี่ไปที่ห้องจัดงานศพพร้อมกับเบาะแสจากกล้องวงจรปิด
เมื่อเขามาถึงและกำลังจะเดินเข้าไป เอวาเดินออกมาพร้อมกับโกศอันหนึ่งในมือของเธอ
เจเรมี่รู้สึกราวกับถูกแช่แข็งในหิมะ ขณะนี้ เขารู้สึกว่ากำลังทำบาปแค่เพียงเขากำลังหายใจ
เอวากำลังร้องไห้อย่างหนัก และเมื่อเธอเห็นเจเรมี่ เธอได้เดินตีห่างออกไปจากเขา
ดวงตาของเจเรมี่เป็นสีแดง เขาไล่ตามเอวาไปก่อนที่เขาจะหยุดเธอ “ส่งมันมาให้ผม”