บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 182
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 182
เจเรมี่กระซิบบอกคำสองสามคำกับมาเดลีนก่อนที่จะพาเธอเข้าไปหาอาวุโสวิทเเมน
อาวุโสวิทเเมนอายุมากแล้วสายตาของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาเห็นคือเจเรมี่กำลังจูงมือผู้หญิงผมยาวเข้ามา แต่ในขณะที่มาเดลีนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจับไม้เท้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา
“เธอ…เธอคือ… เเมดดี้?” ชายชราถามอย่างเหลือเชื่อในขณะที่มือขวาที่สั่นเทาของเขาเอื้อมไปหาเธอ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นการพยายามทดสอบว่าเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มนุษย์’ ที่แท้หรือไม่
มาเดลีนมองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า แต่นั้นมีความหวานแฝงอยู่ในความเศร้า
ยังมีใครบางคนที่ห่วงใยเธออยู่ที่นี่!
เธอยิ้มขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของชายชรา “คุณปู่”
“เธอคือเเมดดี้จริง ๆ ใช่ไหม?” ชายชราถามอย่างตื่นเต้น
คุณนายวิทแมนเฝ้าดูห่าง ๆ ด้วยสายตาสงสัย
“ใช่แล้วครับ คุณปู่ แน่นอนว่าเธอคือมาเดลีน” เจเรมี่กล่าว ช่วยมาเดลีนตอบคำถาม
เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของผู้เป็นแม่ได้เปลี่ยนไป “อะไรกัน? เธอคือมาเดลีนจริง ๆ เหรอ? เจเรมี่ แกไม่ได้พูดอย่างนั้น…”
คำพูดของเธอถูกขัดให้จบลงด้วยสายตาเย็นชาจากเจเรมี่
อาวุโสวิทเเมนไม่สนใจคำพูดของนายหญิงวิทเเมน ขณะที่เขาจับมือของมาเดลีนแน่นและดึงเธอเข้ามาข้าง ๆ
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดูชื่นชม ดวงตาคู่นั้นที่มองเห็นได้ทั้งหมดและมีการจ้องไปที่มาเดลีนเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก
“เเมดดี้ นี่คือเเมดดี้ จริง ๆ มันเยี่ยมมากที่เธอยังมีชีวิตอยู่…” เขาพึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขจริง ๆ
ใบหน้าของมาเดลีนยิ้มอย่างสงบ แต่หัวใจของเธออยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ในโลกนี้ นอกเหนือจากผู้ชายคนนั้นและเอวา มีเพียงอาวุโสวิทเเมนเท่านั้นที่ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนในครอบครัว
ชายชราค่อนข้างอ่อนแอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเขาไม่สามารถเดินเหินได้ตามปกติ โดยปกติแล้วเขาต้องนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ทันทีที่เขาเห็นมาเดลีน จิตวิญญาณของเขาก็ถูกยกให้มีแรงขึ้นมาหลายเท่า
มาเดลีนรักษารอยยิ้มของเธอและพยักหน้าเป็นครั้งคราว และแน่นอนเธอระมัดระวังที่จะไม่ทำอะไรที่จะสร้างความสงสัยให้กับตัวเอง
เธอรู้สึกได้ว่าเจเรมี่ยังคงสงสัยเธอในบางสิ่ง
ชายชราบอกว่าเขาต้องการพามาเดลีนเข้าไปในสวนเพื่อดูดอกไม้ มาเดลีนจึงตามเขาไป
เมื่อเห็นว่าเจเรมี่กำลังจะตามไปเช่นกัน นายหญิงวิทแมนก็รีบดึงเขาไว้ “เจเรมี่ มันหมายความว่าไง? นี่หล่อนเป็นมาเดลีนจริง ๆ หรอ? ผู้หญิงคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน?”
สีหน้าของเจเรมี่ก็เย็นลงทันทีที่ฟังแม่ตัวเองพูดจบ “ผมหวังว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่”
เมื่อเห็นความทุกข์บนใบหน้าเจเรมี่ นายหญิงวิทแมนกล่าวว่า “นี่หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่มาเดลีนจริง ๆ เหรอ? แล้วทำไม—”
“ช่วงนี้คุณปู่อาการไม่ค่อยดีนัก และจิตใจของท่านก็ค่อนข้างไม่มีกำลังใจ คุณแม่ไม่ต้องการให้คุณปู่ร่าเริงหรือไง?” เจเรมี่ให้เหตุผลที่ดีมากกับเธอ
แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของเขา
อาวุโสวิทเเมนคุยกับมาเดลีนเป็นเวลานาน แต่เขาไม่เคยถามเธอว่าเธอไปไหนในช่วงสามปีที่เธอหายไป
เมื่อเจเรมี่กำลังจะพามาเดลีนจากไป อาวุโสวิทเเมนมองไปที่มาเดลีนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยิ้มอย่างห่วงใย “แมดดี้ แม้ว่าเธอจะหย่าร้างกับเจเรมี่แล้ว ประตูบ้านขอเปิดต้อนรับเธอเสมอ ตราบเท่าที่เธอเต็มใจ ฉันจะเป็นคุณปู่ของเธอตลอดไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มาเดลีนรู้สึกเต็มไปด้วยความขอบคุณและความอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
แต่ด้วยใบหน้าตอนนั้นเธอต้องแสร้งทำเป็นมองไปที่เจเรมี่ด้วยความลังเลที่จะตอบบก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้คุณปู่แล้วตอบว่า “ขอบคุณค่ะ คุณปู่ ฉันขอตัวลาก่อน”