บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 215
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 215
แทนเนอร์ที่พุ่งเข้ามา ทำให้มาเดลีนนึกย้อนถึงช่วงเวลาโหดร้ายที่เขาทำกับเธอ
เกิดลมกรรโชกกระหึ่ม วูบหนึ่งด้านหลังของเธอทันทีที่เธอแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน ฝ่ามืออันอบอุ่นของเจเรมี่จับเข้าที่ไหล่ของเธอแน่นแล้วคว้าเธอไปด้านข้างของเขา
มาเดลีนถูกโอบล้อมด้วยลมหายใจอุ่น ๆ ที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นชิน แต่ก่อนที่เธอจะเห็นทุกอย่างชัด เธอเห็นแทนเนอร์ถูกสะบั้นให้ลอยไปบนอากาศก่อนที่จะกระเเทกเข้ากับต้นไม้ ตามด้วยมือขวาที่แข็งแกร่งของเจเรมี่ที่บิดแขนเขาไปรอบ ๆ เพื่อบังคับเขาให้นั่งลงกับพื้น
แทนเนอร์โหยหวนในทันที “โอ๊ย โอ๊ย!” ทว่า เจเรมี่ไม่ยอมหยุดเเค่นั้น เขายกเท้าขึ้นไปยังระยะเข่าของแทนเนอร์ก่อนจะออกแรงเตะอย่างโหดเหี้ยมและเขาบังคับให้แทนเนอร์คุกเข่าลงก่อนที่จะเตะเขาให้กระเด็นออกไป
มาเดลีนคิดว่าเจเรมี่คงต้องการสอนบทเรียนให้แทนเนอร์ต่อไป แต่แล้วจู่ ๆ เขาละทิ้งแทนเนอร์และหันมากอดเธอไว้แน่นอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้ ผมจะัไม่ยอมปล่อยให้ใครมารังแกคุณได้อีก”
โทนเสียงอ่อนโยนของเขาดังเล็ดลอดเข้าหูเธอดั่งสายน้ำไหลในตอนกลางคืน มันอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ มันมีร่องรอยของความตึงเครียดและความกังวลราวกับว่าเขาต้องการสื่อว่าเขา กำลังกังวลอยู่จริง ๆ ว่าเธอจะเจ็บปวดตรงไหน
มาเดลีนลืมตาขึ้นมาอย่างว่างเปล่า อ้อมกอดของเจเรมี่แน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกได้
ฝนเม็ดใหญ่ได้เทลงมาจากท้องฟ้า อย่างหนักไม่ขาดสาย มันมาพร้อมกับสายลมช่วงปลายฤดูร้อน มันช่างหนาวเหน็บเกินบรรยาย
กระนั้นความร้อนจากหน้าอกของเขาที่กดเธอแนบชิดได้แทรกซึมเข้าไปในผิวหนังเธอผ่านเสื้อผ้าของพวกเขา มันช่างร้อนเหลือเกิน
ในระยะใกล้กันเช่นนี้ เธอบอกไม่ได้เลยว่านี่เป็นการเต้นของหัวใจเธอเองหรือมันเป็การเต้นของหัวใจเจเรมี่ที่รบกวนความคิดของเธอในขณะนี้กันแน่
เมื่อเธอเกือบจะเผลอไปในความงุนงงนี้ ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มองไม่เห็นปะทุขึ้นมาทำให้มาเดลีนมีสติอีกครั้ง “คุณวิทแมน ถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อไป ฉันจะโกรธจริง ๆ แล้วนะ” เธอพูดเบา ๆ และความหมายของการปฏิเสธครั้งนี้ค่อนข้างชัดเจน
ดวงตาของเจเรมี่สงบเย็นลงราวกับว่าเขาเพิ่งเดินกลับจากความฝันที่สวยงาม
“ขอโทษครับ” เขากระซิบเบา ๆ ข้างหูเธอ ก่อนปล่อยอ้อมกอดให้เธอเป็นอิสระ
เขารีบเข้าไปคว้าเเขนแทนเนอร์ที่กระเสือกกระสนวิ่งหนี และก่อนจะผลักผู้ชายคนนั้นเข้าไปกระแทกกับต้นไม้ ดวงตาสีดำลึกของเขามองทะลุแทนเนอร์ราวกับดาบอาบยาพิษ
“ฟังให้ดีนะ ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย” ริมฝีปากบางของเจเรมี่เผยอออกเล็กน้อยน้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชา “การที่ลูกชายฉันถูกลักพาตัว ใครเป็นคนทำและคนพวกนั้นต้องการอะไร?”
แทนเนอร์เบะปากที่บวมปูดเหยียดนิ้วที่สั่นเทาไปทางมาเดลีน
“ใช่แล้ว! มันเป็นเพราะเธอ! มาเดลีนเป็นคนสั่งการ! เธอเป็นคนติดต่อขอให้ฉันเป็นคนลักพาตัวลูกชายของคุณไป!” เขาพูดปฏิเสธกับสิ่งที่เขาพูดในงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนก่อนอย่างสิ้นเชิง
จะต้องมีการทุ่มเงินซื้อการเปลี่ยนแปลงความจริงนี้อย่างกะทันหันแน่นอน
เจเรมี่ขมวดคิ้ว กดแขนแกร่งเข้าเเนบคอแทนเนอร์ “ถ้างั้น แกจะขอเงินหรือขอชีวิต?”
ได้ยินเช่นนั้นน รูม่านตาของแทนเนอร์หดตัวลงทันที เขามองไปที่ดวงตาสีดำที่คมชัดของเจเรมี่เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความกลัว “วิท…นายท่านวิทแมน มันเป็นมาเดลีนที่สั่งการจริง ๆ! ผมไม่ได้โกหก!” เขาชี้ไปที่มาเดลีนที่ยืนอย่างเงียบงัน “มาเดลีน อย่าได้คิดว่าเพียงแค่เธอกลายเป็นผีแล้วจะทำให้ฉันกลัว! ผู้หญิงที่ชั่วช้าเลวทรามอย่างเธอ สามารถหลับนอนกับใครก็ได้เพื่อหาเงินสมควรแล้วที่ตาย”
ผัวะ!
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ใบหน้าของเขาเป็นที่รับหมัดของเจเรมี่อีกครั้ง
ดูเหมือนว่าความรู้สึกของเจเรมี่จะถูกสะกิดอย่างผิดหวังและดวงตาของเขามืดมนดำสนิทเหมือนซาตานถูกส่งมาจากนรก เขายกกำปั้นขึ้นซัดเข้าไปที่ลำตัวของแทนเนอร์อย่างจัง
แทนเนอร์กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเลือดมากมายไหลออกจากปากของเขา
เสียงกรีดร้องจบลง แทนเนอร์เกือบจะตายคาที่
มาเดลีนค่อนข้างมีความสุขเมื่อได้เห็นแทนเนอร์ได้รับความทุกข์ทนทรมาน แต่ถ้าเขาถูกฆ่าง่าย ๆ แบบนี้เรื่องจะสาวไม่ถึงเมเรดิธอยู่ดี
เธอเดินไปคว้าข้อมือเจเรมี่ที่กำลังกำหมัด เขายังคงพยายามทำร้ายแทนเนอร์ต่อไป “ถ้าคุณต่อยเขาอีกครั้ง คุณจะเป็นคนฆ่าเขาเลยนะ”
หมัดของเจเรมี่หยุดกลางอากาศ การแสดงออกของเขามืดมนและดวงตาของเขาเป็นสีแดงราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินโลกทั้งใบ มันน่ากลัวมาก
มือขวาของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่านี่เป็นเลือดของแทนเนอร์หรือของเขากันแน่ตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะมาเดลีนปกป้องแทนเนอร์ เขาคงจะฆ่าแทนเนอร์ไปแล้วจริง ๆ
เจเรมี่ขับรถพาเมเดลีนกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลยระหว่างทางกลับบรรยากาศด่ำดิ่งไปอย่างแปลกมาก
เดิมทีพวกเขาควรจะไปหาแทนเนอร์เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับการลักพาตัวของแจ็คสันในตอนนั้น แต่มีคนพบเขาก่อนพวกเขาจะไปถึง