บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 221
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 221
อุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าในอีกไม่กี่วินาที เจเรมี่ตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าข้อแขนของ มาเดลีน เขาออกแรงกระชากดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
รถคันดังกล่าวิ่งผ่าไฟสีเหลืองเฉียดด้านข้างของมาเดลีนไป
เนื่องจากเจเรมี่ใช้กำลังที่มีมากเกินไป เขาเสียการทรงตัวก้าวถอยหลังไป คนที่อยู่ในอ้อมแขนล้มลงกับพื้นพร้อมกับเขา ทำให้เกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้วตอนนี้”
มาเดลีนได้ยินที่เจเรมี่พูด
เธอคิดอยากจะลุกขึ้นแต่กลับถูกกอดรัดไว้อย่างแน่นหนาในอ้อมกอดเจเรมี่ มือขวาของเขากดที่ด้านหลังศีรษะเธอราวกับว่ามันเป็นการกระทำของจิตใต้สำนึกที่ต้องปกป้องเธอ
มาเดลีนนอนแผ่อยู่บนร่างของเจเรมี่ จมูกของเธอได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างกายของเขา มันเป็นกลิ่นคุ้นเคยมากในความทรงจำของเธอ
หัวใจเต้นเร็วขึ้นและมีอาการหายใจผิดปกติเล็กน้อยจนเธอรู้สึกได้ เธอไม่แน่ใจว่าเป็ผลจากอาการตกใจที่เกือบจะถูกรถชนหรือเปล่าในตอนนี้
เมื่อสายลมพัดมา มาเดลีนก็หายใจปรับการเต้นของหัวใจโดยปรับลมหายใจให้เป็นปกติ “คุณวิทแมน คุณปล่อยฉันลงได้แล้ว”
เสียงเรียกของเธอ เจเรมี่ดูเหมือนจะถูกปลุกเขาให้กลับมามีสติอีกครั้งเมื่อได้ยิน
เขาค่อย ๆ คลายมือที่ประสานกันออกและนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้นี้เขาเรียกเธอว่า ‘มาเดลีน’ ได้ไงกัน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณวิทแมน” มาเดลีนยืนขึ้นและขอบคุณเขา
เจเรมี่เองลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขามองไปที่ผู้หญิงคนตรงหน้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้
มาเดลีนต้องการหาเหตุผลที่จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่แล้วเธอก็เห็นว่ามีเลือดออกที่ฝ่ามือเจเรมี่
เลือดสีสดไหลออกมาจากผ้าพันแผลที่เธอพันไว้เมื่อคืนนี้อีกครั้ง
มาเดลีนหยิบแผ่นทำความสะอาดแผลออกจากกระเป๋า เธอจับฝ่ามือของเจเรมี่แบออกและปฐมพยาบาลเขาอย่างไม่พิถีพิถัน จากนั้น เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าพันมันไว้เบา ๆ
เจเรมี่นิ่งเงียบ นั่งดูมาเดลีนปฐมพยาบาลให้เขาอย่างระมัดระวัง
เขามองคิ้วบอบบางของเธอที่ดูจริงจังขณะทำแผล ขนตาของเธอกระพือเบา ๆ เหมือนขนนกเส้นเล็ก ๆ ได้ตกลงบนหัวใจเขา ทิ้งรอยขีดข่วนที่มองไม่เห็นหลังจากมันบินผ่านไป
เจเรมี่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นรัวอย่างไม่มีเหตุผล
“ขอบคุณสำหรับเรื่องก่อนนี้ คุณวิทแมน ฉันมีงานที่จะต้องเข้าร่วมประชุม ดังนั้นฉันจะต้องไปแล้ว” มาเดลีนปล่อยมือเขาและหันเตรียมเดินจากไป
“ฉันจะไปส่งและรอรับเธอที่นั่น”
“ไม่จำเป็น” มาเดลีนหยุดเดินและชำเลืองมองเขา “ฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนตายอีกต่อไปแล้วล่ะนะ”
หลังจากเสียงของเธอเลือนลางไป มาเดลีนเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ข้างถนนที่อยู่ถัดไปไม่มาก
เจเรมี่ยืนอยู่ที่เดิม หลังจากเห็นรถขับหายไปจากสายตาเขา เขาจึงค่อย ๆ ละสายตาลงและมองไปที่บาดแผลบนฝ่ามือที่ถูกพันด้วยผ้าเช็ดหน้า
เจเรมี่เดินกลับไปที่รถเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากเมเรดิธ
ขณะมองไปที่ชื่อผู้โทรที่ปรากฏบนหน้าจอ เจเรมี่ขมวดคิ้วออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากดปุ่มรับสายในที่สุด
เมเรดิธค่อนข้างตื่นเต้นและโศกเศร้า เสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“เจเรมี่ ในที่สุดคุณก็เต็มใจที่จะรับสายของฉันแล้วใช่ไหม?
“เจเรมี่ ฉันรู้ดีว่าคุณยังสงสัยว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวแจ็คในตอนนั้นอยู่ใช่ไหม ฉันไม่โทษคุณที่เข้าใจฉันผิดเลยสัดนิด”
“เจเรมี่ เรามาเจอกันหน่อยได้ไหม? ฉันมีบางอย่างจะบอกคุณ”
เมเรดิธพูดออกมาหลายประโยคราวกับว่าเธอกำลังพูดกับตัวเอง เธอไม่สามารถอดใจรอคำตอบของเขาได้และเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นจากข้างในเมื่อไม่ได้ยินคำตอบใด ๆ
“เจเรมี่ ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดศีลธรรมแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น แจ็คเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเรา ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง -” เมเรดิธพูดออกมาอย่างน่าสงสาร แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็ได้ยินเจเรมี่พูดเสียงต่ำเบา ๆ
“วันนี้ผมไม่ว่าง โทรหาพ่อแม่ของคุณและไปที่คฤหาสน์วิทแมนในคืนวันพรุ่งนี้ ทุกคนในครอบครัวคุณ และหลังจากทุกคนมาถึงผมมีบางอย่างจะประกาศ”
ตอนแรกเมเรดิธคิดว่าเจเรมี่จะไม่สนใจเธออีกแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะได้รับคำตอบเช่นนี้จากเขา
“พ่อกับแม่ด้วย ใช่ไหม?” เธอถามด้วยความไม่แน่ใจ หัวใจของเธอกำลังเต้นอย่างมีความสุข
สำหรับพ่อแม่ของเธอที่จะอยู่ที่นั่นในคืนนั้น คงมีเพียงเรื่องเดียวต้องมีการประกาศการแต่งงานของพวกเขาเป็นแน่!
“ใช่” เจเรมี่ตอบ