บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 227
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 227
มาเดลีนไม่คิดว่าเธอสนใจที่เจเรมี่จะมอบดอกกุหลาบให้กับผู้หญิงคนอื่นที่ไหน เธอไม่ได้ งอนง้ออะไร
รถของเจเรมี่ขับตรงไปตลอดทาง มีรถน้อยลงเรื่อย ๆ บนถนนสายนี้
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเขาจับได้ เฟลิเป้เว้นระยะห่างค่อนข้างไกล
หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที มาเดลีนเห็นว่ารถของเจเรมี่ได้หยุดลงในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ในสถานที่ที่เขาจอดรถทำให้มาเดลีนและเฟลิเป้รู้สึกงุนงง
“สุสาน?”
เจเรมี่มาที่สุสานจริง ๆ
ทำไมเขาถึงมาที่นี่พร้อมกับถือดอกกุหลาบช่อโตกัน?
อีกทั้งสุสานแห่งนี้ยังเป็นที่ฝังศพปู่และลูกคนแรกของเธออีกด้วย และที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เขาฆ่าลูกของพวกเขาต่อหน้าเธออย่างโหดเหี้ยม หัวใจของมาเดลีนสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาพวกนั้น หิมะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าในวันที่มัวหมองวันนั้นดูเหมือนจะลอยเข้ามาในหัวใจของเธอในขณะนี้อย่างเย็นชาเหลือเกิน
เธอจะไม่มีวันลืมว่าเธอหมดหวัง และหมดหนทางเพียงใด ตอนเธอขอร้องเขาแต่เขาไม่สนใจคำอ้อนวอนและน้ำตาที่มีของเธอ มันผ่าหัวใจเธออย่างไร้ความปรานีเป็นนับพัน ๆ ครั้ง ในท้ายที่สุดเขาอนุญาตให้เมเรดิธกรีดหน้าทำทำให้เธอเสียโฉม
“เธอต้องการตามเขาไปไหม?” เฟลิเป้ถาม
ทันใดนั้น มาเดลีนถอนความคิดที่มีของเธอและส่ายหัว “ที่นี่มีคนและมีรถยนต์ไม่มากนัก มันไม่พอที่จะแอบสะกดรอยเขาไปได้ ถ้าฉันตามไป เขาจะต้องรู้แน่ ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะรอที่นี่?”
มาเดลีนเงียบเมื่อได้ฟัง
เธอต้องการรอหรือไม่?
ทว่า เธอกำลังรออะไรอยู่?
สุสานที่นี่มีขนาดใหญ่มาก มากจนไม่สามารถมองเห็นร่างของเจเรมี่ที่เดินหายไปได้อีกต่อไป
แล้วเธอจะได้อะไรจากการรอที่นี่?
“มือของเธอเย็น” เฟลิเป้จับมือเธออีกครั้ง “เป็นเพราะเธอคิดถึงสิ่งที่ไม่มีความสุขในอดีตหรือเปล่า?”
เสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่นเช่นเคย มันดังผ่านหัวใจที่บาดเจ็บของเธออย่างเงียบ ๆ
เมื่อได้ยินความเงียบของมาเดลีน เฟลิเป้ได้แต่เม้มริมฝีปาก ปลายนิ้วของเขาลูบผมข้างหูเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกังวล เธอยังงมีฉัน”
…
ณ สุสาน
เจเรมี่ถือดอกกุหลาบสีแดง 88 ดอกเดินไปตามถนนที่คุ้นเคย เขาเดินไปถึงหลุมฝังศพในที่สุด
หากมองไปที่ชื่อที่สลักไว้บนหลุมฝังศพ เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปและค่อย ๆ ลูบคลำไปที่แต่ละคำราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเธอด้วยวิธีนี้ แต่ความเย็นเฉียบที่ปลายนิ้วของเขาทำให้เขานึกได้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาและเป็นแค่จินตนาการของเขาเองเท่านั้น
เจเรมี่วางดอกกุหลาบและจุดบุหรี่ตามปกติ เขานั่งอยู่บนม้านั่งหินที่อยู่ข้าง ๆ นั่น ควันสีขาวที่ลอยตัวอยู่ได้ถูกพัดออกไป แต่ทว่าสายลมอ่อน ๆ ทำให้หลุมฝังศพพร่าเบลอในสายตาเขา
ช่วงเวลาที่เขาเคยเชื่อว่ามาเดลีนและแทนเนอร์ร่วมมือกันเพื่อลักพาตัวแจ็คและฉากที่เขาผลักไสเธอออกไปอย่างโหดร้ายย้อนกลับมาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในความคิดของเขา
วันนั้นฝนตกหนักมาก
ตอนที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอซึ่งป่วยด้วยโรคร้ายแรงอยู่แล้วในตอนนั้น ร่างกายของเธอต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ
เธอพูดว่า “เจเรมี่ เชื่อฉันเถอะนะ”
เธอยังเคยพูดว่า “เจเรมี่ วิทแมน ทำไมคุณไม่เคยเชื่อฉันเลยสักครั้ง? แม้แต่ครั้งเดียว!”
สุดท้ายแล้ว เขาก็ใช้คำสบประมาทดูถูกเธอทุกรูปแบบเพื่อดึงความหวังในดวงตาของเธอออกทีละนิด
เขาเคยเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอจากกระจกในรถ เธอนั่งตากฝนเหมือนตุ๊กตาถูกทิ้ง
ในตอนนั้นเขารู้สึกปวดใจเหมือนกันแต่คิดว่าความเสียใจของเขาอาจเป็นเพราะเมเรดิธ เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าคือเธอ คนที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจ
ฟ่ออ
ความรู้สึกทิ่มแทงดึงความคิดของเจเรมี่ให้ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน
เขาปล่อยก้นบุหรี่ไหม้ลงพื้น ขณะมองไปที่หลุมฝังศพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ฉันเสียใจ เธอได้ยินฉันไหม?”
เขายกมุมริมฝีปากขึ้น ดวงตาของเขาเริ่มรู้สึกเจ็บแสบ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากมาเดลีนเสียชีวิตไปเขาจะมีช่วงเวลาที่ขื่นขมทุกคืนและเขายังคิดถึงเธอตลอดเวลาอีก
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นและเดินไปที่หลุมศพ ก่อนจะเขานั่งยองลงไป เขาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบกล่องเครื่องประดับกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มนั้นออกมา
เมื่อเปิดมัน เพชรสะท้อนให้เห็นรัศมีที่สว่างไสวภายใต้ดวงอาทิตย์
“เธอชอบมันไหม? ฉันออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ” เจเรมี่ยิ้มให้ตัวเอง “ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนเธอมาก แต่ภาพลวงตาเกิดขึ้นบางครั้ง แต่มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว เธอคือเธอ และหล่อนก็คือหล่อน”
หลังจากสัญญาพูดเรื่องนี้ เขาค่อย ๆ ยัดกล่องเครื่องประดับเข้าไปในช่องว่างข้างหลุมฝังศพ
“ลินนี่ … ฉันจะเรียกแบบนี้ต่อจากนี้ไปได้ไหม?” เขาถาม แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงเสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้หลังจากสายลมพัดผ่านมา