บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 259
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 259
ไฝบนหน้าอกข้างซ้ายของเธอเป็นเครื่องมือที่พิสูจน์ได้ว่าเธอคือมาเดลีน
นี่เป็นเครื่องหมายที่เธอไม่ต้องการทำลายลงเพราะเธอไม่คิดว่าเจเรมี่จะมีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาของเขาอีกหลังจากที่เธอ ‘กลับมามีชีวิตอีกครั้ง’
เธอมาอยู่จุดนี้เพื่อแก้แค้นไม่ใช่มาเพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับเขา และนั่น เธอจึงไม่ได้คิดเอาไฝออกและมันยังคงอยู่ที่อกข้างซ้ายของเธอ
เมื่อเธอสังเกตเห็นการจ้องมองของเจเรมี่ เธอจึงดึงผ้าขนหนูขึ้นก่อนจะหันหลังให้เจเรมี่
“ทำไมคุณถึงไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา?” เธอถามด้วยอาการตื่นเต้น
เธอคิดว่าเจเรมี่จะปิดประตูและเดินออกไปอย่างตีเนียน แต่ทว่า เธอกลับได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาย่างกายเข้ามาหาเธอ และเขาได้หยุดอยู่ข้างหลังเธอขณะนี้
“คุณเข้ามาทำไม? ออกไปเลยนะ” มาเดลีนต้องการไล่เขาออกไปไกล ๆ และเธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างจริงจัง เธอกำผ้าขนหนูแนบเเน่นกับหน้าอกก่อนจะเดินตีห่างจากเขามากขึ้น เธอเดินด้วยเท้าเปล่า
แต่แล้ว ในขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้า เจเรมี่ได้คว้าแขนเรียวบางของเธอเอาไว้
มือของเขาเย็นเหมือนน้ำเเข็ง แต่ทันทีที่ถูกเขาสัมผัส เธอรู้สึกถึงว่าผิวของเธอบริเวณที่โดนเเตะร้อนขึ้นอย่างฉับพลัน
“ทำไมคุณถึงดูกลัวจังล่ะ คุณน้าสะใภ้ในอนาคต? นี่คุณคิดว่าผมจะกลืนกินคุณหรือไงกัน?”
“ … ”
มาเดลีนพูดไม่ออก หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนเธอรู้สึกได้แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้
ในตอนนี้เอง เจเรมี่เดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายอันอบอุ่นของเขาเข้ามายืนกดดันเธอ
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมแค่มีคำถามบางอย่างที่จะถามคุณเท่านั้นเอง”
“คำถามอะไร?” มาเดลีนถามออกมาอย่างหมดความอดทน “ปล่อยฉันไปก่อน”
เจเรมี่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ยินดังนั้น เขามองร่างของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าในขณะที่เขาเริ่มเว้นระยะห่างออกจากเธอ
ร่างกายเธอช่างสวยและไร้ที่ติในขณะที่ผิวพรรณของเธอยังนิ่มและอ่อนนุ่ม เมื่อเขาเห็นมัน เขาเองอดไม่ได้ที่จะไม่นึกถึงบาดแผลและรอยแผลมากมายอันน่าสยดสยองที่เคยมีอยู่ทั่วร่างกายของมาเดลีน
เขาเจ็บปวดรวดร้าวในใจขึ้นมาขณะที่ละมือของตัวเองจากเธอในทันที
“ไม่เเล้วล่ะ ผมไม่มีอะไรที่จะถามคุณในตอนนี้” น้ำเสียงของเขาดูเศร้าหมองลง “ขอบคุณมากที่มาช่วยตามหาลูกชายผมและที่คุณยังอยู่กับเขาในคืนนี้อีกด้วย ผมควรจะขอบคุณ คุณตามสมควร”
เมื่อจบประโยค มาเดลีนได้ยินเสียงของประตูที่ถูกปิดลงด้านหลัง
เขามาที่นี่ก็เพราะมีอะไรจะถาม แต่แล้วอยู่ ๆ เขาดันกลับไปดื้อ ๆ เป็นเพราะอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
มาเดลีนรู้สึกสับสน แต่เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เธอสวมชุดนอนแล้วล็อคประตูก่อนจะนอนลงข้าง ๆ แจ็คสัน
เธอกลับรู้สึกสบายใจตอนมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักนั้นก่อนที่เธอจะเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเธอมองเขามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วแจ็คสันเองค่อนข้างคล้ายกับลิเลียนมากจริง ๆ
พวกเขาทั้งคู่เป็นพี่น้องที่มีพ่อคนเดียวกันนี่นะแม้จะคนละแม่ นั่นคงไม่แปลกที่พวกเขาจะหน้าตาเหมือนกัน
ทว่า มาเดลีนเองกลับสงสัยว่าทำไมเธอถึงมีความสัมพันธ์แบบพิเศษกับแจ็คสันกัน
เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพลางลูบไล้ใบหน้าเล็ก ๆ ของแจ็คสัน
“ฝันดีนะ ฉันจะอยู่กับนายที่นี่ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนหลับตาลง
ในอีกด้านหนึ่ง เจเรมี่ยืนพิงราวระเบียงแบบขี้เกียจ เสื้อเชิ้ตของเขาถูกปลดกระดุมออกอย่างลวก ๆ ไหปลาร้ากว้างของเขาถูกเผยให้เห็น
เขาพ่นควันจำนวนมากออกจากริมฝีปากบางของตัวเอง จากนั้น เขาได้เงยหน้าขึ้นมองภาพแต่งงานที่อยู่บนหัวเตียง
เธอสวยมากจริง ๆ ในรูปถ่าย
ทว่า สิ่งที่เหลืออยู่ในตัวเธอมีเพียงรูปถ่ายนี้เท่านั้น
“เจเรมี่ แล้วคุณจะเสียใจ!”
สิ่งที่มาเดลีนพูดตอนนั้นยังคงฉายซ้ำไปมาในหัวของเขาตั้งแต่เธอจากไป
เขาจำได้ว่าเขาพูดจาดูถูกเหยียดเธอว่า “ฉันไม่รู้ความหมายของคำว่าเสียใจที่เธอพูดถึง”
เจเรมี่เริ่มล้อเลียนตัวเอง “ฮึ่ม”
เขามองไปทางห้องนอนของแจ็คสันในขณะที่รู้สึกราวกับว่าตัวเขาอยู่ห่างไกลออกไปหลายกิโลเมตร เขาจ้องไปยังทิศทางนั้นเป็นเวลาค่อนข้างนาน
บุหรี่ที่ถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้วของเขาสว่างขึ้นและหรี่ลงเป็นครั้งคราว มันไม่สามารถคาดเดาได้เช่นเดียวกับดวงตาของเขาที่แสดงออกมา
วันรุ่งขึ้นหลังจากมาเดลีนตื่นขึ้น เธอดูแลจัดแจงแจ็คสันให้แปรงฟันและล้างหน้า ตอนนี้เจ้าตัวเล็กรู้สึกดีขึ้นมามากแล้ว และเขาเองเผยรอยยิ้มที่หายากบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
และเมื่อทั้งสองเดินลงไปชั้นล่าง สาวใช้ได้แจ้งเธอว่าเจเรมี่ได้ออกไปก่อนแล้วในตอนเช้า
มาเดลีนทำได้เพียงส่งแจ็คสันไปโรงเรียนอนุบาลและเธอเจอกับลิเลียนขณะที่เธออยู่ไปถึงที่นั่น
เมื่อเช้าเจเรมี่หายไปไหนกัน?
ณ สุสานในเขตชานเมือง
เจเรมี่ถือช่อดอกกุหลาบ 88 ดอกขึ้นมากระชับไว้ในมือก่อนจะเดินไปยังสุสานที่คุ้นเคย
เนื่องจากเป็นเวลาเช้าตรู่ จึงมีหมอกปกคลุมอยู่บ้าง มีเพียงเสียงลมในสุสานที่ว่างเปล่าแห่งนี้
เจเรมี่คุกเข่าลงและวางดอกไม้ไว้ตรงที่ประจำ เขาใช้นิ้วมือทั้งห้าสัมผัสไปตามป้ายชื่อของหลุมศพ ดวงตาของเขากระพริบถี่ ๆ ด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้น
“นี่เธอคงจะดูหมิ่นฉันอยู่ ใช่ไหมล่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเอง “เธอคงสิ้นหวังมากสินะตอนนั้น ตอนที่ฉันทำลายหลักฐานเพียงหนึ่งเดียวที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้ทิ้งไป”