บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 303
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 303
ดวงตาเจเรมี่หดตัว “นี่คุณหมายถึง เมื่อคืน เรา…”
มาเดลีนพยักหน้าลงช้า ๆ ก่อนที่เขาจะพูดจบ
ความลำบากใจถูกแสดงออกทางสีหน้าของเจเรมี่
เขายอมรับว่าตัวเขาเองหลงใหลในตัวของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าความปรารถนาที่อยากได้เธอมานั้นเป็นเพียงเพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่อมาเดลีนเท่านั้น
ในตอนที่เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะแต่งงานกับเธอเข้าหมายความอย่างนั้นจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันเขาไม่มีความรู้สึกที่จะอยากแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนไหนหลังจากมาเดลีนจากไปอีกแล้ว
การที่เข้าหาวีล่านั่นเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเขา เขาแค่ต้องการที่จะจ้องมองผู้หญิงคนนี้ที่หน้าเหมือนมาเดลีนให้นานกว่านี้สักหน่อย เพื่อที่เขาจะได้คลายความรู้สึกผิดในตัวเขา
แต่ในตอนนี้…
เขารู้สึกเหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่ง
เขาเอ่ยอ้างว่าเขารักเธอ เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าได้เมื่อมีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในร่างกาย
“ดูคุณสิ ทำไม คุณดูเหมือนมีความทุกข์อย่างนั้นล่ะ? เพราะฉันทําให้คุณนึกถึงภรรยาที่คุณเคยเกลียดมาก? ทำให้คุณรู้สึกขยะแขยงและสกปรกสินะ”
คำพูดที่เยือกเย็นของมาเดลีนดึงเขากลับมาสู่ความจริงที่อยู่ตรงหน้า
ขณะที่มองไปยังใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอกำลังเปล่งประกายภายใต้แสงยามเช้า เธอเหมือน ‘หล่อน’ เขาพบว่าตัวของเขาเองไม่ได้อยากอธิบายว่านางฟ้าที่อยู่ตรงหน้าด้วยคำว่า ‘สกปรก’
แม้ว่าตัวเขาเองจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แต่เจเรมี่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อคืนเขาฝันดีเกี่ยวกับ—ความอบอุ่นในร่างกายของมาเดลีน
ขณะเพ่งมองไปที่ดวงตาที่ให้ความรู้สึกซับซ้อนของเจเรมี่ ริมฝีปากของมาเดลีนเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มก่อนที่มันจะถูกกรีดออกให้เป็นเส้นตรงอย่างเลือดเย็น
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นได้โปรดอย่ามาหาฉันอีก คุณวิทแมน ความสัมพันธ์ของเราจบลงที่นี่”
เธอเดินผ่านเขาไปในขณะที่น้ำเสียงเย็นชาของเธอลดลง
เจเรมี่สะบัดความคิดเขาทิ้งทันที “วีล่า”
เขาวิ่งตามเธอไปหลายก้าวเพื่อดึงผู้หญิงที่ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังของเธอกลับมามองเขาสักนิด
มาเดลีนดึงแขนตัวเองออกมาการการจับของเขาก่อนที่เธอจะเดินต่อไป แต่แล้วเหมือนเธอต้องเหยียบกับอะไรบางอย่าง เพราะเธอรู้สึกถึงความเจ็บที่เสียบแทงขึ้นมาจากด้านล่างของเท้า ทำให้เธอล้มไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ
พรึบ!
“เกิดอะไรขึ้น?” เจเรมี่เอื้อมมือไปพยุงแขนของมาเดลีนด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหน้าที่ขมวดคิ้วและวิธีที่เธอเขย่งเท้าขวาของเธอนั้น เขารีบจับเท้าของเธอไว้และนั่งยอง ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
ท่ามกลางทรายสีขาวมีเศษแก้วตกหล่นอยู่ ปลายของมันที่แหลมคมเต็มไปด้วยเลือด
โดยไม่ต้องคิดใด ๆ ทั้งสิ้น เจเรมี่คว้าเอวเธอแล้วยกขึ้น“ให้ผมรักษาแผลให้คุณก่อน”
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” มาเดลีนผลักเขาออกไป แล้วเขย่งตัวไปข้างหน้าด้วยตัวเธอเอง
ต่อจากนั้นเจเรมี่หยุดนิ่งไม่ได้ช่วยแต่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงมาเดลีนในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ร่างที่ดื้อรั้นของผู้หญิงคนนั้น
นั่นเป็นความเข้มแข็งของเธอ เธอจะยืนหยัดในจุดยืนของตัวเองอย่างนั้นไม่ว่าตัวเธอจะทรมานแค่ไหน
เขาดึงความคิดตัวเองกลับมาอีกครั้งกับเหตุการณ์ปัจจุบันตอนนี้ เขาก้าวขายาว ๆ เพื่อไปจับตัวมาเดลีนไว้และใช้มือโอบอุ้มเอวของเธอเพื่อให้เธออยู่ในลักษณะแนวนอนแนบตัวเขา
“คุณทำบ้าอะไร เจเรมี่ วิทแมน? วางฉันลง!” เธอเอ่ยขัดขึ้นมา บนสีหน้าที่ไม่พอใจ
ความตั้งใจที่จะไม่สนใจเสียงมาเดลีน เจเรมี่ยังคงเดินไปตามถนนพร้อมกับเธอในอ้อมแขนของเขา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ
เขาเดินอย่างตั้งใจไปตามเส้นทางที่นำไปสู่เมืองเล็ก ๆ ของเอพริลฮิลล์
มาเดลีนหยุดต่อสู้เช่นกัน เพราะเส้นทางสายนี้ทำให้เธอนึกถึงฉากเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ตอนนั้นเท้าของเธอก็ถูกเศษแก้วทิ่มเช่นกัน และเจเรมี่วัย 12 ปีได้พาเธอไปยังที่ศูนย์อนามัยของเมือง
เธอจำได้ดีว่าตอนนั้นเขาพูดปลอบเธอตลอดทางที่เดินมายังไงตลอดจนคำสัญญาที่เขาเอ่ยขึ้นมาว่าจะปกป้องเธอนับจากนั้นเป็นต้นมา
สุดท้ายแล้ว ไม่เพียงแค่เขาปกป้องเธอ แต่เขากลับเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ทำร้ายเธอให้เจ็บช้ำปางตายเช่นกัน
ดวงตาของเธอแดงขึ้นโดยที่เธอไม่ทันสังเกต เธอคิดว่าเธอตัดเรื่องทุกอย่างได้แล้วแต่เธอไม่คิดว่าเรื่องละเอียดอ่อนในอดีตพวกนี้ยังมีความหมายมากสำหรับเธอ
เจเรมี่ก้มมองมาเดลีนก่อนที่เขาจะเห็นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เขารู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูกในขณะที่หัวใจของเขาเองบีบตัวแน่นด้วยความเจ็บปวดยังหาสาเหตุไม่ได้
ชั่วขณะหนึ่ง เจเรมี่ไม่แน่ใจว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะความรักที่เขามีให้มาเดลีนเมื่อสายไปหรือว่าเพราะผู้หญิงที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนเขาตอนนี้กันแน่