บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 365
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 365
“ฮะ เรื่องบ้าอะไรกัน…” เอโลอิสไม่มีทางยอมรับด้วยท่าทางทั้งเสียงและคลิปที่เธอได้ยินและได้เห็นทางโทรศัพท์นั่น
คำพูดที่รุนแรงด้านร้ายกาจของเมเรดิธ… เธอเรียกแจ็คสันว่า ‘เด็กเหลือขอ’ ได้อย่างไร…
“ไม่! มันเป็นไปไม่ได้! นั่นไม่ใช่เสียงของเมอร์!” เอโลอิสปฏิเสธอย่างมั่นใจ “วีล่า ควินน์ กล้าดียังไงถึงสร้างหลักฐานปลอมแบบนั้นขึ้นมา?! เธอจ้างคนปลอมเป็นเมเรดิธด้วยการจ่ายราคาที่สูงขนาดนั้นถึงได้หลักฐานพวกนี้มาสินะ เธอมันเจ้าเล่ห์!”
เมเรดิธกดึงสติของตัวเองกลับมาอีกครั้ง เธอคิดไม่ถึงว่าในขณะที่วีล่าเดินเข้ามาใกล้เธอในตอนนั้น เธอได้เริ่มกดบันทึกวีดีโอเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอไม่มีทางยอมรับการกระทำที่สกปรกของตัวเองเพียงแค่วีดีโอนั้นแน่นอน
“คุณแม่คะ คุณแม่ต้องเชื่อหนู ผู้หญิงที่อยู่ในวีดีโอนั่นไม่ใช่หนูอย่างแน่นอน!” เมเรดิธปฏิเสธ “เจเรมี่ มันต้องมีใครบางคนพยายามที่จะใส่ร้ายฉัน วีดีโอหน้านั้นเป็นของปลอม! ทำไมฉันถึงต้องการทำร้ายแจ็คด้วย? เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา!”
เมเรดิธหันกลับมามองมาเดลีนทั้งน้ำตา
“วีล่า ควินน์ นี่เธอลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจเรมี่ไปสินะ คนร้ายคนนั้นที่ร่วมมือกับเธอก็ได้ชี้มาที่เธอแล้วว่าเธอคือคนบงการเรื่องทุกอย่างแต่ทำไมเธอถึงยังสร้างเรื่องขึ้นมาบิดเบือนความจริงและใส่ร้ายฉัน ผู้หญิงที่อยู่ในวีดีโอนั่นไม่ใช่ฉัน!”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเธอจะต้องพูดแบบนั้น” มาเดลีนพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ถ้างั้นเธออาจไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องความลับของมันระหว่างการทำสอบด้วยเสียงและลายนิ้วมือที่เกี่ยวข้องกัน เธอควรรู้เอาไว้นะว่าเสียงของทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทุกอย่างจะกระจ่างขึ้นหลังจากที่เราทำการทดสอบวิดีโอ”
หลังจากที่มาเดลีนพูดอย่างนั้น น้ำตาของเมเรดิธหยุดไหล เธออ้าปากกว้าง ปากของเธออ้าค้างด้วยความตกใจ
การทดสอบแบบพิมพ์เสียง
มีการพิสูจน์หลักฐานในทางนั้นด้วยเหรอ?
“งั้นก็ทำการทดสอบซะ! ไม่มีทางที่ฉันจะเชื่อว่าเมอร์จะทำเรื่องแบบนั้น!” เอโลอิสยังคงเข้าข้างเมเรดิธจนถึงที่สุด “เมอร์ไม่ต้องห่วงนะลูกรัก แม่เชื่อลูก!”
“…” เมเรดิธตกอยู่ในห้วงของความตะลึงอย่างสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้เธอมีอาการมั่นใจและหยิ่งผยอง แต่ตอนนี้ สิ่งพวกนั้นได้หายวับไปกับตาทันทีที่มาเดลีนพูดแบบนั้น
มาเดลีนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เห็นหรือไง คุณนายมอนต์โกเมอรี? ลูกสาวที่มีค่าของคุณผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องทำไมถึงพูดไม่ออกตอนนี้”
“…” เอโลอิสหันหลังไปมองลูกสาวตัวเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะที่เธอเห็นใบหน้าซีดของเมเรดิธ ความรู้สึกไม่ดีและไม่มั่นใจเกิดขึ้นในใจเธอ “เมอร์…”
“พรุ่งนี้เราจะว่ากันเรื่องนี้อีกครั้ง เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด ตามเรามาเดี๋ยวนี้” ตำรวจที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบเร่งให้สถานการณ์นี้กระจ่าง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ทางเข้าสถานี ตำรวจก็ยังนำกุญแจมือคู่หนึ่งมาใส่กุญแจมือให้เมเรดิธตามพิธี ก่อนที่จะพาเธอเข้าไปข้างใน
เมเรดิธดูราวกับว่าเธอตื่นจากความฝัน เธอจ้องไปที่กุญแจมือขณะสั่นศีรษะไปมาอย่างรุนแรง “ฉันไม่ยอมติดคุก! ฉันไม่ได้ทำ! ฉันถูกกล่าวหาอย่างไร้ความยุติธรรม!”
“เจเรมี่ เชื่อฉัน วีล่าเป็นคนใส่ร้ายฉัน! คุณแม่คะ ต้องช่วยหนูนะ! หนูไม่ได้ทำ!”
“เมอร์ เมอร์!” เอโลอิสตื่นตระหนกและเธอรีบต่อสายตรงถึงฌอนทันที
มาเดลีนยืนมองจากจุดหนึ่งที่เงียบสงบ เธอมองเมเรดิธซึ่งยังคงตะโกนเรียกร้องความยุติธรรมและความบริสุทธิ์ของตัวเองในขณะที่ถูกใส่กุญแจมือ รอยยิ้มแห่งความยินดีในดวงตาที่สดใสของเธอได้ปรากฏขึ้น
เมเรดิธถูกควบคุมตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากพยานหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขามีได้มัดตัวเธอไว้อย่างดิ้นไม่หลุด
แม้แต่ชายร่างเตี้ยที่ร่วมสมคบคิดก็เริ่มยอมรับสารภาพว่าเมเรดิธเป็นผู้บงการที่แท้จริงของเบื้องหลังการลักพาตัวแจ็คสัน
เอโลอิสปฏิเสธที่จะเชื่อว่าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ไร้ความปราณีที่คิดจะทำร้ายลูกชายของตัวเองได้ลงคอ
“นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน! เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่นังวีล่าต้องชักใยอยู่เบื้องหลังอย่าแน่นอน!”
เอโลอิสยังคงยืนกรานว่าเมเรดิธเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอมั่นใจว่ามาเดลีนเป็นคนสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายเมเรดิธ
“ฌอน เมอร์เป็นลูกสาวของเรา เราทำเรื่องผิดพลาดตอนที่เราเอาลูกของคนอื่นกลับมาบ้านทำให้เธอต้องขาดความรักของพ่อกับแม่มานานกว่า 20 ปี เราต้องเอาเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามฉันยอมทุ่มเงินหมดหน้าตัก!”
ฌอนตบไหล่เอโลอิสเป็นการปลอบใจเธอ ใบหน้าที่แก่แต่ยังคงหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
“ผมได้ถามเพื่อนของผมที่เป็นผู้กำกับของสถานีนี้แล้ว พวกเขาบอกผมว่ามันมีหลักฐานที่ไม่สามารถทำให้ลูกสาวของเราดิ้นหลุดจากข้อหานี้ได้ เมอร์คิดจะฆ่าวีล่าโดยไตร่ตรอง ถือเป็นคดีฆาตกรรม และเธอยังติดสินบนจ้างวานคนลักพาตัวแจ็คสันไปอีกด้วย”
เอโลอิสดวงตาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความเศร้า ความไม่น่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ไม่นะ มันเป็นไปไม่ได้! ลูกสาวของเราไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอนค่ะคุณ!”
“บางทีเรื่องทุกอย่างอาจเป็นความผิดของพวกเรา” ฌอนโทษตัวเอง “ถ้าเมอร์เติบโตมากับพวกเราในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ เธอคงจะไม่หลงทางแบบแม่บุญธรรมของเธอที่เคยลักพาตัววีล่ามาก่อนหน้านี้ และทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าครั้งนี้ อาจเป็นความคิดของแม่บุญธรรมของเธอที่ทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน”