บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 378
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 378
“ตกลงค่ะ แล้วเจอกันนะ”
มาเดลีนฝืนยิ้มออกมาให้เขาอย่างอ่อนโยน หลังจากที่เธอเห็นรถของเขาขับออกไป เธอหมุนตัวและเดินเข้าไปในคฤหาสน์นั่น
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมายังคฤหาสน์มอนต์โกเมอรี แต่ในครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป
คราวที่แล้ว เธอมาที่นี่เพราะตั้งใจแต่งตัวให้ดูเหนือกว่าเมเรดิธ แต่ในทางกลับกัน ในตอนนี้เธอแต่งตัวอย่างเรียบง่ายแบบสบาย ๆ
ทันทีที่เดินเข้าไปพ้นประตูบ้าน สาวใช้บางส่วนในที่แห่งนี้เกิดความประหลาดใจเมื่อเห็นเธออยู่ที่นี่
แม้ว่าเธอจะแต่งตัวแบบเรียบง่ายและไม่ได้แต่งหน้านัก แต่ความเป็นธรรมชาติพวกนั้นกลับทำให้เธอดูสง่าในตัวเอง
พวกเธอรู้ว่าเธอเป็น วีล่า ควินน์ ดีไซเนอร์ของ มิสเลย์ดี้ และเธอยังเป็นผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับทายาทมอนต์โกเมอรี คุณหนูของบ้านนี้อีกด้วย
พวกเธอคิดไม่ถึงว่าวีล่าจะเป็นแขกคนสำคัญที่เอโลอิสโทรมาแจ้งให้จัดเตรียมงานเลี้ยงขนาดเล็กขึ้น บรรดาแม่บ้านต่างพากันอยากรู้
ในเมื่อเธอเป็นศัตรูหัวใจของคุณหนูเมอนต์โกเมอรี แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นแขกคนสำคัญของที่นี่ในคืนนี้ได้?
หลังจากที่เธอเดินเข้ามาได้ไม่นาน เธอก็เห็นหเอโลอิสและฌอนยืนอยู่กลางตัวบ้าน
พวกเขาแต่งตัวเรียบง่ายเช่นกัน แต่ในความเรียบง่ายของพวกเขานั้น เสื้อผ้าและเครื่องประดับน้อยชิ้นถือว่าเป็นสินค้าที่มีราคาแพง
เอโลอิสยิ้มทักทายแสดงถึงการต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนที่จะพูดว่า “เชิญนั่งค่ะ คุณวีล่า”
“ขอบคุณค่ะ” มาเดลีนดึงเก้าอี้ออกมานั่งอย่างเมินเฉย เธอกวาดสายตามองดูอาหารแต่ละจานที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับรู้สึกว่ากินไม่ลง
ฌอนเปิดขวดไวน์ราคาหกหลักก่อนจะเทใส่แก้วแรกให้มาเดลีนถือเป็นเกียรติสูงสุดในโต๊ะอาหาร
“ฉันดีใจที่เธอมาในคืนนี้ คุณควินน์ ได้โปรดยกโทษให้เราสำหรับความเข้าใจผิดในอดีตทั้งหมดและการกระทำของพวกเราด้วยเถอะนะ”
ให้อภัย
มาเดลีนยิ้มและยกแก้วไวน์ขึ้น
การให้อภัยมันเป็นคำพูดง่าย แต่การกระทำมันยากมากกว่านั้นมาก
ในขณะที่เอโลอิสเห็นว่ามาเดลีนไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอมองฌอนอย่างกังวล
ฌอนลูบมือของเอโลอิสเป็นการปลอบใจเธอ ก่อนที่เขาจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องไปว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณควินน์มีศิลปะและทักษะทางด้านการออกแบบเครื่องประดับ ภรรยาของฉัน เอลลี่ มีศิลปะมากมายในการออกแบบเครื่องประดับอีกด้วย บังเอิญที่ว่า บริษัทของเราถือว่าเป็นที่ยอมรับในด้านนี้เช่นกัน บริษัทของเราเป็นเจ้าภาพของโครงการแหล่งเครื่องประดับขนาดใหญ่และเรากำลังมองหามืออาชีพมาร่วมเป็นฝ่ายบริหารของพวกเรา ถ้าคุณยินดีแล้วล่ะก็ คุณควินน์ คุณสามารถเสนอราคาและค่าตัวของคุณมาได้เลย”
อันที่จริงพวกเขาพยายามที่จะหลอกล่อเธอโดยการชักจูงไปในเรื่องผลประโยชน์อย่างอื่นแทน ทั้งที่จริงแล้วมันก็เพื่อประโยชน์ของเมเรดิธเท่านั้น
มาเดลีนยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน “เงินทองไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันขนาดนั้น อีกอย่าง ฉันจะแต่งงานกับเจเรมี่ในเร็ว ๆ แล้ว ชื่อเสียงที่จะตามมาหลังจากนี้ก็จะมีไม่น้อยเช่นกัน”
“…” ฌอนและเอโลอิสพูดไม่ออก
มาเดลีนวางแก้วไวน์ของเธอลงและเดินไปยังห้องนั่งเล่น
เอโลอิสและฌอนเดินตามเธอไปติด ๆ “คุณวีล่า เธออยากเดินชมรอบบ้านไหม?”
มาเดลีนพยักหน้า “คฤหาสน์หลังนี้สวยงามมาก ในตอนที่ฉันดูโทรทัศน์ตอนเด็ก ฉันเห็นลูกหลานบรรดาไฮโซอาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ในโทรทัศน์ ฉันเคยถึงขั้นจินตนาการว่าจะได้อยู่บ้านแบบนี้พร้อมทั้งมีพ่อแม่ที่รักฉันด้วยความเต็มใจอยู่เลย มันคงเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากขนาดไหนกัน ฉันไม่รู้หรอกเพราะว่าวันนั้นไม่เคยมาถึง”
เอโลอิสรู้สึกได้ถึงบางอย่างกำลังบีบคั้นหัวใจเธอขณะที่มองเห็นความเศร้าโศกบนใบหน้ามาเดลีน
เธอเดินเข้าไปใกล้มาเดลีน “ฉันจำได้ว่าเธอเคยพูดถึงพ่อแม่ของตัวเองก่อนหน้านี้ บางทีฉันคิดว่าพวกเขากำลัง—”
“พวกเราสูญเสียฉัน” มาเดลีนกล่าวต่ออย่างลึกซึ้ง “แบบเดียวกันกับที่คุณสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไปในตอนนั้น พ่อแม่ที่เอาแต่ใจของฉันก็สูญเสียฉันไปในแบบเดียวกันไม่ต่างกันเลยสักนิด”
“…”
เอโลอิสและฌอนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหัวใจของพวกเขาต่างพากันเต้นรัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในขณะที่ดวงตากลมโตของมาเดลีนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นในขณะนี้ทำให้ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจโดยไม่มีเหตุผล
“ฉันคิดไม่ถึงว่าตัวเธอเองจะมีประสบการณ์เลวร้ายแบบเดียวกันกับลูกสาวของฉัน” เอโลอิสอยู่ในอาการเศร้าโศก “ต้องขอขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฉันและสามีพบลูกสาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน” ในขณะที่เธอพูด รอยยิ้มแห่งความสุขที่มาจากขั้วของหัวใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
มาเดลีนรู้ว่าเอโลอิกำลังพูดถึงเมเรดิธ
ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดในใจ ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่มาได้เข้าครอบงำหัวใจเธออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน
“แต่ว่า ตอนนี้วีล่า เธอมีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ตรงนั้นฉันคิดว่าคุเธอเองมีโอกาสมากมายในอำนาจนั้นที่จะหาใครสักคน เป็นไปได้อย่างไรที่คุณไม่พบพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองหลังจากที่เวลาผ่านไปหลายปี”
มาเดลีนได้ยินเอโลอิสถาม ทำให้เธอกลับมามีสติอีกครั้งและมองไปยังดวงตาที่ยิ้มแย้มนั่น “ฉันพบพวกเขาแล้วล่ะ”