บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 387
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 387
ดวงตาของมาเดลีนกระพริบมองด้วยความสนใจ ขณะที่เธอจ้องมองไปที่เอโลอิสซึ่งมีน้ำตาไหลออกมา ด้วยความตกใจ “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น คุณนายมอนต์โกเมอรี?”
“เอโลอิสกับฉันได้ยินเมเรดิธยอมรับออกมาเอง” ฌอนถอนหายใจ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะขโมยตัวตนคนอื่น”
มาเดลีนค่อนข้างสับสนในเหตุการณ์ตอนนี้
เหตุใดเมเรดิธจึงยอมรับว่าไม่ใช่ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวมอนต์โกเมอรี?
การทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เธอได้เปรียบเลยสักนิด
“ฉันจะไม่ได้ยินบทสนทนาของเธอกับโรสและจอห์นเลย ถ้าฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเธอที่ศูนย์กักกันในวันนี้”
เอโลอิสเยาะเย้ยตัวเอง และมันเริ่มกระจ่างขึ้นเมื่อมาเดลีนนึกขึ้นได้ว่าเอโลอิสได้ยินบางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยิน
เรื่องโกหกยังไงมันก็เป็นเรื่องโกหกอยู่วันยังค่ำ การค้นหาความจริงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
และเธอได้ยินเอโลอิสหัวเราะออกมาอย่างเจ็บใจ “ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็ได้เจอลูกสาวของฉัน แล้วหลังจากหลายปีนี้ ฉันกับฌอนได้ทำให้เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักตลอดสามปีที่ผ่านมา เราคิดว่าเธอเป็นของลูกเรา ฉันไม่แม้แต่จะเสียดายเงินหลายสิบล้านเพื่อดูแลเธอ ตราบเท่าที่มันทำให้เธอมีความสุข”
มาเดลีนไม่แปลกใจกับตัวเลขนั้นเลย
เมเรดิธมักจะโลภในชื่อเสียงและความร่ำรวยมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเงินส่วนใหญ่ที่เธอได้มานั้นถูกนำไปใช้ในเรื่องส่วนตัวของเธอเอง แต่เศษเสี้ยวของเงินนั้นก็ตกเป็นของโรสและจอห์นเช่นกัน”
“ฉันไม่ได้สนเรื่องเงินเลย สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดมันคือการที่เธอห็นแต่ผลประโยชน์จากความรักของเราที่มีต่อเธอ เธอเป็นตัวปลอมตลอดสามปีที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่เกี่ยวกับเรานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอ คือความร่ำรวยของครอบครัวมอนต์โกเมอรีเท่านั้น”
ในที่สุด เอโลอิสก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเมเรดิธ
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปเสียแล้ว
มาเดลีนครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ และพบว่าสถานการณ์ไร้สาระนี้เป็นเรื่องตลก
‘พ่อกับแม่ที่รัก ในช่วงเวลาที่คุณรับเมเรดิธเป็นลูกสาว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ ไม่ว่าจะผิดศีลธรรมแค่ไหน คุณกลับทำมันเป็นเรื่องปกติและเลือกที่จะให้อภัย
‘ความรักและการปกป้องของพวกเขาที่มีต่อเธอไม่ต่างจากเจเรมี่ในตอนแรก พวกคุณแทงและทำร้ายฉันอย่างเจ็บปวดโดยไม่เคยคิดอะไรเลย และไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนผิดจริง ๆ
‘บาดแผลอาจหายได้ แต่แผลเป็นจะคงอยู่ตลอดไป’
“วีล่า” จู่ ๆ เอโลอิสก็เอื้อมมือไปจับมือของมาเดลีน สีหน้าของเธอดูวิตกกังวล
มาเดลีนหันกลับมาดูท่าทางที่จริงใจของเอโลอิส
“เธอเคยบอกฉันครั้งก่อน วีล่า ที่เธอได้ยิน โรส เทนเนอร์ พูดว่าลูกสาวของฉันเสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว เธอช่วยนึกอีกครั้งได้ไหมว่าเธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า? ลูกสาวของฉันยังไม่ตายใช่ไหม? ไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม?”
เอโลอิสกำมือของมาเดลีนแน่น
ความคาดหวังส่องประกายในดวงตาของผู้หญิงคนนี้ ขณะที่เธอหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ทำให้เธอสบายใจ
มาเดลีนรู้สึกว่าหัวใจที่สงบก่อนหน้านี้ของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา ขณะที่เธอจ้องไปในดวงตาที่มีน้ำตาคู่นั้นที่อยู่ข้างหน้าของเธอ
“วีล่า?” เอโลอิสเร่งเร้าอย่างกังวลใจ
มาเดลีนเงยหน้าขึ้นแล้วพบกับท่าทางของฌอนที่ดูจริงใจและอ้อนวอนจากเขา หัวใจของเธอสงบลง มีรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ
“ฉันได้ยินไม่ถนัดเลยตั้งแต่ฉันยืนอยู่ข้างนอก แต่ฉันเคยได้ยินว่านายท่านและคุณนายมอนต์โกเมอรีเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการกุศลใช่ไหม? ฉันแน่ใจว่าลูกสาวของคุณจะยังสบายดีและมีชีวิตอยู่โดยได้รับของจากการกุศลของคุณ”
เอโลอิสทรุดตัวลงด้วยความโล่งใจ ในขณะที่ฌอนส่งสายตาขอบคุณมาที่มาเดลีน
“นั่นมันเป็นเรื่องดี ฌอน! ลูกสาวของเรายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เราแค่ต้องหาให้เจอว่าเธออยู่ที่ไหน” เอโลอิสหันไปมองฌอนด้วยความตื่นเต้น
มาเดลีนมองดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ หัวใจของเธอไม่รู้สึกถึงความอิ่มเอมใจแม้แต่น้อย
มาเดลีนนึกขึ้นได้ว่าเจเรมี่เงียบไปตั้งแต่เอโลอิสบอกพวกเขาว่าเมเรดิธไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลมอนต์โกเมอรี
มาเดลีนหันหน้าไปหาเจเรมี่ที่ดูไร้ความรู้สึก การแสดงออกของเขาถูกแช่แข็งราวกับว่าเขาเป็นเพียงประติมากรรมกรีกโบราณ หากไม่ใช่เพราะอารมณ์งุนงงที่แสดงออกผ่านสายตาของเขานั้น มาเดลีนคงคิดว่าคงเป็นท่าทางปกติของเขาถูกสะกดไว้ด้วยความเยือกแข็งที่เงียบสงบของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ทำไมเขาถึงแสดงท่าทางแบบนั้น?
อารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเอโลอิส ทำให้บาดแผลบนมือของเธอมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง
ฌอนรีบพาเธอไปโรงพยาบาล ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นรถ ฌอนเดินไปขอบคุณมาเดลีนเป็นการส่วนตัว
เขารู้สึกขอบคุณสำหรับการบริจาคเลือดครั้งนั้น เขารู้สึกขอบคุณมากสำหรับคำโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่อยากทำให้เอโลอิสรู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้ที่มาเดลีนบอกเรื่องลูกของพวกเขา