บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 424
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 424
หลังจากที่การประชุมในช่วงบ่ายจบลง คุณนายวิทแมนได้โทรศัพท์เข้ามาหาเขาและพูดในใจความสำคัญที่ว่า “เจเรมี่ อีวอนกลับมาแล้ว กลับมาที่คฤหาสน์ด้วยนะเย็นนี้ ลูกจะต้องมาต้อนรับเธอ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่ลูกมี!”
คุณนายวิทแมนวางสาย โดยไม่ให้โอกาสเจเรมี่ได้ปฏิเสธ
เจเรมี่ไม่ต้องการเสียเวลาไปพบปะกับผู้คนที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญในชีวิตเขา แต่ว่ามาเดลีนกลับเสนอตัวว่าจะไปกับเขา
และในตอนนี้ เจเรมี่ได้ขับรถเข้ามาในโรงจอดรถของคฤหาสน์ขณะที่มาเดลีนลงจากรถไปยืนรอรอเจเรมี่ที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ดูถูกของคุณนายวิทแมนดังออกมาจากตัวบ้าน
“อย่าคิดว่าหล่อนจะเหมือนมาเดลีนเพียงแค่ว่าหล่อนดูเหมือนยัยขยะชิ้นนั้น ผู้หญิงคนนี้รับมือยากกว่ามากจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจเรมี่ แต่เขาเชื่อฟังและยอมทำตามที่ผู้หญิงคนนี้พูดทุกอย่าง!”
“หนูรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีตั้งแต่แรกเลยค่ะ คุณอา ผู้หญิงคนนี้จงใจที่จะเดินมาชนหนูถึงสองครั้งในวันนี้แต่เธอกลับมาโทษหนูบอกกับพี่เจเรมี่ว่าหนูเป็นคนไปชนเธอก่อน ทำไมพี่ถึงได้ให้ความสำคัญกับนังจิ้งจอกตัวนี้จังเลย?” อีวอนเอ่ยปากพูดแบบนั้นและรู้สึกสับสนกับความจริงที่ว่านี้ น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม “คุณอาคะ ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรกับพี่เจเรมี่ พวกเรามาช่วยกันหาวิธีให้พวกเขาแยกออกจากกันเถอะค่ะ!”
“เราจะเอาอะไรไปแยกพวกเขาจากกันล่ะ? อีกอย่างตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่และเจเรมี่เองก็เป็นห่วงเธอมาก”
“ตั้งครรภ์?” อีวอนตกกะใจในเรื่องนี้ เธอกำลังจะพูดต่อแต่ว่าสายตาของเธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าเจเรมี่กำลังเดินเข้ามา “พี่เจเรมี่ นายกลับมาแล้ว !”
เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วรอยยิ้มของเธอบ่งบอกถึงการต้อนรับ แม้แต่น้ำเสียงของเธอเองก็ดูอ่อนโยนเช่นกัน แต่เมื่อเธอเห็นว่ามาเดลีนยืนอยู่ข้างกายเจเรมี่ รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอีวอนกลายเป็นน้ำแข็งทันที กระนั้น เธอก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา “พี่สะใภ้ ต้องขอโทษด้วยสำหรับเรื่องเมื่อเช้านี้ ฉันหวังว่าพี่สะใภ้จะไม่ถือสาเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วนะ และครั้งหน้าฉันจะเดินให้ระวังมากขึ้น”
เธอปรับเปลี่ยนคำพูดและทัศนคติที่มีนั่นทันทีอาจเป็นเพราะว่าเจเรมี่ยืนอยู่ที่นี่ด้วย
มาเดลีนยิ้มออกมาบางเบา “เหมือนว่าเธอจะไม่เพียงแค่ต้องระวังเวลาเดินเท่านั้น เธอควรระวังคำพูดของตัวเองด้วย ไม่อย่างนั้นแล้ว นังจิ้งจอกร้ายกาจอย่างฉันอาจจะแค้นเคืองได้”
“…” ปากของอีวอนกระตุก เธอรู้สึกหน้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ
คิดไม่ถึงว่ามาเดลีนจะได้ยินการสนทนาที่เธอเพิ่งจะพูดกับคาเลนไป
เจเรมี่เข้าใจถึงสถานการณ์และเหลือบมองอีวอนด้วยสายตาไม่พอใจ เขาเอามือโอบไหล่มาเดลีนและเดินเข้าไปข้างในบ้าน
บ้าชะมัด!
อีวอนแอบด่าอยู่ลับหลัง เธอไม่กล้าพูดคำนั้นออกมาต่อหน้าทั้งสองคน
พ่อของเจเรมี่และอาวุโสวิทแมนไม่ได้ลงมาพบปะสังสรรค์ด้วยในเวลานี้เพราะทั้งคู่รู้สึกไม่สบาย
มาเดลีนอดไม่ได้ที่จะกังวล เธอได้ยินมาตลอดว่าอาวุโสวิทแมนมีสุขภาพแย่ลงในทุกวัน ทำให้เธอเป็นห่วงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอต้องการที่จะใช้โอกาสมาที่นี่ในคืนนี้เพื่อที่จะไปเยี่ยมเขา
หากย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เลวร้ายเหล่านั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั่นก็คืออาวุโสวิทแมนที่เป็นคนเดียวกับการปฏิบัติต่อเธออย่างดีด้วยความจริงใจ เธอหวังอยู่ในใจเสมอให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ
“ฉันจะไปเยี่ยมคุณปู่” มาเดลีนหยิบอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้สำหรับอาวุโสวิทแมน เธอดึงถาดนั้นมาถือไว้แทนเมื่ออีวอนเห็นว่าเจเรมี่ได้หันหลังไปคุยโทรศัพท์ เธอจึงแย่งถาดนั้นจากมาเดลีนมาถือไว้แทนมาเดลีนทันที
“วีล่า ให้ฉันไปเถอะ คุณปู่วิทแมนเลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เล็กจนโตและรักฉันมาก! เขาจะต้องมีความสุขแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ถ้าเธอเป็นคนถือเข้าไป บางทีคุณปู่อาจจะไม่เปิดประตูให้เธอเข้าไปด้วยซ้ำ” ใบหน้าอีวอนดูไร้เดียงสา แต่ภายในดวงตาของเธอกำลังยั่วยุอย่างชัดเจน
มาเดลีนไม่ได้เอ่ยเถียงเพียงแต่เดินตามเธอขึ้นไปข้างบนขณะที่พวกเธอหยุดอยู่หน้าประตูห้องของอาวุโสวิทแมน
อีวอนเคาะประตู เธอใช้เสียงหวานใสของตัวเองร้องเรียกเขา “คุณปู่วิทแมน นี่อีวอนเองค่ะ คุณปู่จำหนูได้ไหมคะ หนูมาเยี่ยมแล้ว ได้โปรดเปิดประตูเถอะค่ะ”
เกิดความเงียบหลังจากที่เสียงของเธอดังขึ้น
“คุณปู่วิทแมนคงเหนื่อยแล้วหลับไปแล้วแน่เลย” อีวอนหันหลังกลับมาและเธอยกคิ้วขึ้นอย่างมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองพูด “วีล่า อย่ามารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณปู่ …”
“หลานสะใภ้ของฉันมา งั้นเหรอ?” เสียงของอาวุโสวิทแมนดังออกมาจากข้างในห้อง
อีวอนเลิ่กลักและดูประหลาดใจในปฏิกิริยา ไม่นานเธอเห็นประตูถูกเปิดออก
“คุณปู่วิทแมน! ฉัน—”
“เข้ามาสิ”
“ได้เลยค่ะ!” อีวอนตอบกลับด้วยความกระตือรือร้นโดยไม่ลืมที่จะจ้องมาเดลีนอย่างมีชัย เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้อง อาวุโสวิทแมนเอาไม้เท้าเคาะหัวเธอ “ฉันไม่ได้อนุญาตให้เธอเข้ามา”
“…” อีวอนตัวแข็งกลายเป็นหินไปในทันที เธอเห็นอาวุโสวิทแมนมองมาเดลีนด้วยแววตาอ่อนโยน
“เข้ามาสิ ปู่มีเรื่องจะบอกเธอ”
มาเดลีนพยักหน้าและยิ้มออกมาบางเบา สายตาที่เย่อหยิ่งของเธอได้มองทะลุไปยังใบหน้าแดงก่ำที่เกิดจากความหน้าแตกของอีวอนขณะที่เธอเดินเข้าไปในห้อง
อีวอนกัดฟันอย่าโกรธแค้น และหันหลังเดินลงบันไดไป เธอสาปแช่งในใจและกำลังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ภายหลังจากที่มาเดลีนเดินเข้ามาในห้องแล้ว เธอต้องการถามถึงอาการของอาวุโสวิทแมนก่อนที่เธอจะได้เอ่ยถามเขา เธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมายาว ๆ ของชายชราผู้นี้ และตามมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเหน็ดเหนื่อยใจ “มาเดลีน ฉันรู้ว่าเป็นเธอ ร่างกายของฉันไม่แข็งแรงอีกต่อไปแล้วในตอนนี้มันเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ฉันดีใจที่เห็นว่าเธอกลับมาอย่างปลอดภัย ก่อนที่ฉันจะจากโลกนี้ไป มีสิ่งหนึ่งที่หวังว่าเธอจะลองคิดดูเกี่ยวกับมัน”