บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 460
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 460
เอโลอิสและฌอนเห็นฉากนี้ ขณะที่พวกเขายืนอยู่หน้าห้องนอนและหัวใจของพวกเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
พวกเขาไม่กล้าไปรบกวนสองคนนั้น ในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่กล้าบอกมาเดลีนว่าจริง ๆ แล้วแจ็คสันเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเธอโดยไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อน
เอโลอิสปิดปากของเธอเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอกลืนคำพูดและสะอึกสะอื้นจากนั้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เอโลอิส!”
ฌอนเรียกเอโลอิสด้วยโทนเสียงต่ำ จากนั้นเขาก็มองไปที่มาเดลีนว่าอย่างโหยหาก่อนจะตามภรรยาของเขาไป
เอโอลอิสกลับไปที่ห้องของเธอและล้มตัวลงนอนบนเตียงของเธอ เธอปิดหน้าของเธอขณะที่เธอเริ่มฟูมฟาย
แม้ว่าฌอนจะรู้สึกเศร้ามาก แต่ในฐานะสามีและฐานะลูกผู้ชาย เขาต้องแข็งแกร่งและสงบเสงี่ยมมากกว่าเอโลอิสในเวลานี้
“เอโลอิสหยุดร้องไห้ได้แล้ว อย่าเป็นแบบนี้เลย” ฌอนลูบไปที่ไหล่ของเอโลอิสเบา ๆ และปลอบเธอ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวของเรายังมีชีวิตอยู่และเธอก็ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดแล้ว เราควรมีความสุขและภูมิใจในตัวเธอนะ”
เอโลอิสร้องไห้หนักขึ้นอีกหลังจากที่เธอได้ยินแบบนั้น
แน่นอน เธอรู้ว่าเธอควรจะรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนั้น
กระนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจากอดีตได้ผุดขึ้นในสมองของเธอ ฉากที่เธอตีและตะโกนใส่มาเดลีนกำลังฉายซ้ำในหัวของเธอ เช่นเดียวกับฉากของมาเดลีนที่อาเจียนเป็นเลือดและหอบหายใจอ่อนแรงเนื่องจากอาการป่วยของเธอ
เมื่อเธอคิดถึงสิ่งเหล่านั้น เอโลอิสรู้สึกว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดมากแค่เธอหายใจอยู่ในตอนนี้
“ทำไมฉันถึงล้มเหลวในฐานะคนเป็นแม่นะ? ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ฉันก็ไม่ควรจะตีหรือตะโกนใส่เธอแบบนั้น…”
เอโลอิสโทษตัวเองอย่างคับแค้นใจ เธอขยับตาที่แดงก่ำของเธอและมองไปที่ฌอน
“ฌอนรู้ไหม? ฉันใช้มือนี้ตีลูกสาวของเราหลายครั้ง ฉันเรียกเธอว่าเป็นผู้หญิงที่เลวทราม และฉันยังสาปแช่งเธอให้ไปนรก ฉันบอกกับเธอว่า เธอสมควรแล้วที่จะถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง…
“ฉันดูถูกเหยียดหยามแบบนั้นได้ยังไงกัน? ฉันยังบอกอีกว่าเธอแค่แกล้งทำเป็นอาเจียนเป็นเลือดจากอาการป่วยของเธอ ฉันบอกว่าเธอทำอย่างนั้น เพื่อให้เจเรมี่สนใจเธอ!”
ขณะที่ฌอนฟังเอโลอิส ดวงตาของเขาก็แดงขึ้นและเขาก็กลืนน้ำลาย “เอโลอิส หยุดพูดได้แล้ว ได้โปรดหยุดเถอะ…” เขาพึมพำ เขาก็รู้สึกว่าตอนนั้นเขามีส่วนร่วมในความทรงจำอันเลวร้ายที่เอโลอิสกล่าวถึง เขาใจร้ายและโหดร้ายกับลูกสาวของพวกเขาด้วยเช่นกัน
เอโลลิสร้องไห้เหมือนกับเขื่อนแตก เธอร้องไห้หนักมากจนหายใจไม่ออก
“ฌอน ฉันทำกับลูกสาวแบบนั้นได้ยังไงกัน? อะไรทำให้ฉันตาบอดในตอนนั้น? ฉันไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเธอเป็นเลือดเนื้อของเรา เธอมองมาที่ฉันครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยดวงตาอ้อนวอนคู่นั้น ทำไมฉันไม่สังเกตว่าดวงตาของเธอเกือบจะเหมือนกับของฉัน…”
“ผมก็เหมือนกัน…” ฌอนก้มหน้าด้วยความสำนึกผิด “ทุกครั้งที่ผมเห็นเอวลีน เธอให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับผม แต่เมื่อเมเรดิธหลอกเรา ผมก็หมดความรู้สึกนั้นไป ผมตัดสินและทำร้ายลูกสาวของเราอย่างร้ายแรง เอโลอิส หัวใจของผมก็เจ็บพอ ๆ กับคุณ”
“ฌอน ฉันละอายใจมากที่จะยอมรับกับเอวลีน เราทำผิดต่อเด็กคนนั้นมาก…” เอโลอิสตกลงไปในอ้อมแขนของฌอนและอยู่ในสภาพสิ้นหวัง
ฌอนจับเอโลอิสไว้และหลังจากที่เขาหลับตา เขาหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวและหนักหน่วง
“คุณพูดถูก เราน่าอายเกินกว่าจะยอมรับว่าเธอเป็นลูก เราไม่มีสิทธิ์ขอให้เธอกลับบ้านด้วยซ้ำ”
“ฌอน…”
“เอโลอิส ผมคิดว่าควรปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น เรื่องลูกสาวของเรา” ฌอนตัดสินใจ
เอโลอิสเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ถึงแม้ว่าเธอไม่ต้องการตัดสินใจแบบนี้ แต่เธอกลัวว่ามาเดลีนจะปฏิเสธที่จะยอมรับพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเปิดเผยความลับนี้
ฌอนยิ้มและเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเอโลอิส
“ตราบใดที่ลูกของเราเข้มแข็งและปลอดภัย ผมก็มีความสุขแล้ว แม้ว่าเธอจะเรียกผมแค่คุณท่านมอนต์โกเมอรี”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หลังจากที่ฌอนพูดก็มีเสียงเคาะประตู จากนั้นเสียงของสาวใช้ได้ดังมาจากนอกประตู
“คุณท่านคะ นายน้อยแจ็คสันหลับไปแล้ว คุณควินน์บอกว่าเธอกำลังจะกลับและขอให้ฉันแจ้งให้พวกคุณให้ทราบค่ะ”
“บอกให้คุณควินน์รอเราด้วย เราจะลงไปเดี๋ยวนี้”
เอโลอิสและฌอนล้างหน้าอย่างรวดเร็วในห้องน้ำ หลังจากที่พวกเขาจัดการตัวเองกันใหม่แล้วพวกเขาก็รีบลงไปชั้นล่าง
เมื่อพวกเขาเห็นร่างนั้นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ฌอนและเอโลอิสก็เรียกเธอออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณควินน์”