บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 480
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 480
“จริงสิ” เจเรมี่พยักหน้า “เชื่อฉันเถอะ”
น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกแต่อ่อนโยน เมเดลีนมองไปยังเขาขณะที่ทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็กลับมารู้สึกตัวและผลักแขนเขาออกอย่างไม่พอใจ
“จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้ฉันต้องเกลียดนายไปมากกว่า” เธอสะบัดหน้าหนีและเดินออกไปหลังจากที่พูดจบ
ในขณะที่เจเรมี่กำลังดูเมเดลีนเดินจากไป จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดร้าวทรมานในใจของเขา ภายในใจของเขาถูกครอบครองด้วยความรักของเมเดลีน และความชื่นชมในดวงตาของเธอที่เคยมีให้กับเขา แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นอดีตไปแล้ว ในตอนนี้พวกมันกลายเป็นความทรงจำที่แสนเลือนรางเท่านั้น…
คืนนั้น เมเดลีนนอนไม่หลับ
เธออดทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นลูกที่ถูกขโมยไป
เธอจินตนาการถึงใบหน้าของเด็กคนนั้น เธอจะมีลักษณะเป็นอย่างไรนะ?
แน่นอนว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นจะต้องน่ารักมากแน่ ๆ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะเกลียดเจเรมี่มาก แต่เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาดูดีและโดดเด่นมาก เธอเองก็ดูสวยโดดเด่นไม่แพ้กัน ดังนั้น ด้วยการรวมยีนส์ของพวกเขาเข้าด้วยกัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกของพวกเขาจะออกมาหน้าตาไม่ดี
อย่างไรก็ตาม เมเดลีนเองคิดไม่ถึงเลยว่า เจเรมี่จะรู้ว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
ในตอนนั้นเขารู้ไหมว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่?
ถ้าหากเขารู้ แล้ววันนั้นเขาโปรยอะไรตรงหน้าเธอที่สุสาน?
พฤติกรรมที่โหดร้ายและกดขี่ข่มเหงของเขา ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอ มันคล้ายกับว่าเขาดูเหมือนไม่ได้แสร้งทำ
ถ้าอย่างนั้นในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมเดลีนผล็อยหลับไปพร้อมกับคำถามที่มีอยู่มากมายในหัวของเธอ
วันถัดมา
เธอถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลด้วยเสียงโทรเข้าของโทรศัพท์เธอ
เสียงของเฟลิเป้ทุ้มและหนักแน่น ในขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่น เขาเอ่ยทักทายเธอและเชิญเธอไปที่บริษัท วิทแมนเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการกับเขา
เมเดลีนตอบตกลง ก่อนจะออกไปเธอพยายามโทรหาเจเรมี่ แต่โทรไม่ติดจากนั้นเธอจึงส่งข้อความไปหาเขาและย้ำเตือนให้เขาพาเด็กมาเจอเธอ
ไม่นานหลังจากนั้น เมเดลีนก็มาถึงบริษัท วิทแมน อย่างไรก็ตามเธอเห็นนักข่าวจำนวนมากออกันที่ทางเข้าของบริษัท
ท่ามกลางฝูงชนมากมาย เมเดลีนเห็นเจเรมี่ที่กำลังถูกรุมล้อม
เขาเป็นคนตัวสูง ดังนั้นเขาจึงดูโดดเด่นออกจากฝูงชน อีกทั้งใบหน้าที่น่าทึ่งของเขาก็กำลังเปล่งประกายอยู่ด้วย นั่นจึงเป็นเรื่องยากมากที่คนทั่วไปจะไม่สังเกตเห็นเขา
เขาสวมชุดสูทสีดำ ดูเย็นชาแต่ก็คงไว้ซึ่งความสง่างาม ดวงตาเรียวเย็นเฉียบและไร้ความรู้สึก แต่อย่างไรก็ตาม ดวงตานั่นก็ยังคงดูมีเสน่ห์เย้ายวนอยู่ดี
เมเดลีนประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าเขาจะออกมาเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมมากขนาดนี้
สายตาของเธอยังคงจับจ้องที่เขา แล้วก้าวเดินต่อไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่เธอจะได้ยินเจเรมี่พูดกับนักข่าวและกล้องบันทึกภาพ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยดูไม่ทุกข์ร้อนว่า “ผมขอชี้แจงอีกครั้งว่า เจ้าของบริษัทวิทแมนยังคงเดิม ในตอนนี้บริษัทแค่ถูกดูแลและบริหารชั่วคราวโดยลุงของผม เฟลิเป้ วิทแมน และบริษัทยังเป็นของวิทแมนเช่นเดิม”
เขายังคงดูสงบในขณะที่พูดเรื่องเกี่ยวกับความจริงที่ว่า เขาได้ถูกปลดออกจากทุกสิ่งในบริษัทและไม่เหลืออะไร
จากนั้นเจเรมี่ก็ยิ้มออกมา “ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับคำแถลงการณ์ เรื่องการสูญเสียความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจของผม ส่วนสถานการณ์อันยุ่งเหยิงในช่องทางออนไลน์ ผมว่าข่าวลือจะหยุดลงเมื่อมาถึงผู้มีปัญญา”
เขาให้ตอนนี้ยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่ได้ดูตกใจหรือกังวลใจเลยสักนิด
“คุณวิทแมนคะ เมื่อไม่นานมานี้ เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมถึงสองครั้งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอเป็นคนรักของคุณ ดังนั้นคุณวางแผนที่จะจ้างทนายสู้คดีให้เธออย่างไรบ้างคะ?”
“ฉันได้ยินมาว่า หลังจากที่เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพยายามฆ่า คุณเองก็ไม่เคยไปเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง แม้ว่าเธอจะทำสิ่งเลวร้ายมามากมาย แต่เธอก็ยังเป็นคนที่ให้กำเนิดลูกรชายของคุณ อีกอย่างเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณมาเป็นเวลาหลายปี ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์ต่างเรียกคุณว่า คนไร้หัวใจ เพราะฉะนั้น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างคะ?”
สายตาของเจเรมี่กำลังขุ่นเคือง เมื่อต้องเผชิญกับคำถามจากนักข่าว “เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ดได้ลงมือสังหารผู้คน ดังนั้นสมควรแล้วที่เธอจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าผมเคยมีความสัมพันธ์กับเธอมาก่อน แต่ผมไม่เคยชอบเธอ นับประสาอะไรหากจะพูดถึงว่ารัก” เขาพูดออกมา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็อ่อนลงราวกับลมที่ลูบไล้อย่างอ่อนโยนในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเมเดลีนซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในใจของผม เธอคนนั้นคือภรรยาของผม เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด ไม่สิ ชื่อจริงของเธอคือ เอวลีน มอนต์โกเมอรี”