บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 539
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 539
คำถามที่เมเดลีนถามทำให้ทุกคนในห้องพักคนไข้ตกใจ
“เอวลีน ฉันเป็นแม่ของหนู” เอโลอิสชี้ที่ตัวเอง ในขณะที่ดูตื่นตระหนก มีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาของเธอ
เป็นเรื่องยากสำหรับเจเรมี่ที่จะเชื่อเรื่องนี้ แล้วมันก็น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่สับสนและระมัดระวังบนใบหน้าเล็ก ๆ อันบอบบางซึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
มันเป็นไปได้อย่างไร?
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ผู้หญิงที่รักเขามาก คนที่ทั้งเกลียดชังและรักเขาจนแทบคลั่ง เธอได้ลืมเขาไปแล้วจริง ๆ เหรอ?
หลังจากผ่านพ้นความตกใจไปได้ เฟลิเป้ใช้เวลาอันสั้นที่สุดเพื่อไขข้อสงสัยของเขา จากนั้นเขาก็ยกริมฝีปากยิ้มเหยียด และเดินไปที่เมเดลีนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น “วีล่า ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ ให้หมอดูอาการของคุณก่อนนะ”
หลังจากฟังคำพูดของเฟลิเป้อย่างถี่ถ้วนแล้ว เมเดลีนก็ให้ความร่วมมือ และให้หมอตรวจดูเธอ
เจเรมี่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นต่อหน้าเขาเลยจริง ๆ
เมเดลีนไม่รู้จักเขาหรือเอโลอิส แต่เธอยังคงจำเฟลิเป้ได้อย่างชัดเจน และเชื่อฟังเขาอย่างว่านอนสอนง่าย
เจเรมี่รู้สึกราวกับว่ามีลูกศรเย็นเยียบหลายหมื่นลูกพุ่งทะลุหัวใจของเขา จนทำให้เขาราวกับถูกแช่แข็ง
เขานิ่งค้างอยู่ที่จุดนั้น จนกระทั่งหมอตรวจเมเดลีนเสร็จ
ในห้องทำงานของหมอ เจเรมี่ขมวดคิ้ว และฟังหมอขณะที่อธิบายอาการของเมเดลีน
“ลิ่มเลือดในสมองของเธอเกือบจะหายไปแล้ว โดยดูจากผลการซีทีสแกน แต่เธอกำลังประสบกับการสูญเสียความทรงจำบางส่วนอย่างกะทันหัน ซึ่งน่าจะเกิดจากเหตุผลทางจิตวิทยา
“บางทีเธออาจต้องการลืมบางคน หรือบางสิ่งที่ทำให้เธอไม่มีความสุขเป็นพิเศษ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความจำเสื่อมแบบแยกส่วนนี้ขึ้น
“เธอไม่ต้องการย้อนนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดี ดังนั้นตอนนี้เธอจึงจำแต่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขเท่านั้น
“พยายามอย่าไปกระตุ้นเธอ เราจะต้องสังเกตอาการของผู้ป่วยอีกสักพัก”
หลังจากฟังคำอธิบาย เจเรมี่และเอโลอิสก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในทันทีที่พวกเขาเข้าใจ
พวกเขาเข้าใจในหัวใจของพวกเขาได้ว่าบาดแผลและการทรมานที่พวกเขาทำกับเมเดลีนนั้น โหดร้ายและไม่อยากที่จะจดจำ
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเมเดลีนที่อยากจะลืม
ไม่มีใครอยากจำสิ่งที่ทำร้ายพวกเขา หากเป็นไปได้ แน่นอนว่าใคร ๆ ก็หวังว่าความทรงจำทั้งหมดของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสุข และความปิติยินดี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่เมเดลีนกระตือรือร้นที่จะมอบความไว้วางใจและความชอบที่สุด พวกเขากลับมอบแต่ความเจ็บปวด และไม่แยแสเธอ
เจเรมี่รู้สึกปวดใจอย่างรุนแรง และไม่มีใครที่สามารถจะเข้าใจขอบเขตของมันได้
เขากลับไปที่หัองพักคนไข้และเห็นว่าเมเดลีนลุกจากเตียงแล้ว เธอกำลังคุยกับเฟลิเป้
แสงแดดส่องลงมาบนใบหน้าที่กระจ่างใสไร้ที่ติของเธออย่างอ่อนโยน เมื่อเธอยิ้ม ดวงตาที่โค้งมนของเธอก็เปล่งประกายด้วยดวงดาว
แต่เธอไม่เคยแสดงรอยยิ้มแบบนี้ต่อหน้าเขา
นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยให้โอกาสเธอยิ้มแบบนี้เลย
“เฟลิเป้ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่เหรอคะ? ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ” เมเดลีนมองไปรอบ ๆ ตัวเธอและทันใดนั้นเอง เธอก็มองเห็นเจเรมี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องพัก
ทันทีที่สบตากัน เจเรมี่ก็หวังว่าเขาจะเห็นบางอย่างในสายตาของเมเดลีน แม้ว่าจะเป็นความเกลียดชังก็ตาม ทว่าดวงตาของเมเดลีนนั้นมีเพียงความเฉยชา เธอมองมาที่เขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า
“ทำไมคนนั้นถึงมองมาที่ฉัน?” เมเดลีนมองออกไป และถามเฟลิเป้อย่างสงสัย
เฟลิเป้เหยียดริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มกระตุกความคิด ขณะที่เขาแนะนำและพูดว่า “เขาเป็นหลานชายของผมเอง เจเรมี่”
“เจเรมี่” เมเดลีนพูดซ้ำด้วยสีหน้าว่างเปล่า เธอหันไปมองเจเรมี่อีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา
หัวใจของเจเรมี่เต้นเร็วขึ้นในทันที เมื่อเขาเห็นเธอเข้ามาใกล้ ความคาดหวังถูกจุดประกายในดวงตาของเขาอีกครั้ง