บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 559
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 559
เจเรมี่นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ น้ำตาของเขาซึมอยู่ในดวงตา
ดวงตาของเขาหมุนวนด้วยความจริงใจ เผยให้เห็นถึงความรักอันแรงกล้า
เมเดลีนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ตกลงค่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
เอวาหวนคืนสู่ความเป็นจริงตรงหน้าหลังจากได้ยินคำตอบของเมเดลีน
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังจมอยู่ในความคิดเมื่อเห็นท่าทางของเจเรมี่
ถึงอย่างนั้น เธอยังคงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเมเดลีนกลับมาหาเจเรมี่อีกครั้ง ในท้ายที่สุดแล้ว อดีตที่เปื้อนเลือดยังคงแวบเข้ามาในใจเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจริงที่ว่าเมเดลีนเคยเกลียดเจเรมี่มาก ในตอนที่เธอยังไม่สูญเสียความทรงจำไป
แดเนียลกำลังยืนสังเกตเหตุการณ์จากอีกมุมหนึ่ง เขาไม่สบายใจเลยเมื่อได้ยินคำตอบของเมเดลีนที่ให้กับเจเรมี่
ในที่สุด เขาก็เข้าใจว่าคนที่สามารถทำร้ายเมเดลีนได้มากที่สุด ก็คือคนคนเดียวกันกับที่เธอรักมากที่สุดเช่นกัน
เอวาพยายามหยุดเมเดลีนเอาไว้ แต่ก็ถูกเอโลอิสและฌอนห้ามไว้ “เอวา ปล่อยเอวลีนไปเถอะ”
เอวากัดฟันและระงับความรู้สึกของเธอไว้ เธอกลัวว่าจะทำให้อาการป่วยของเมเดลีนรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ระหว่างทางกลับ ขณะที่นั่งอยู่ในรถของแดเนียล เอวารู้สึกอารมณ์ไม่ดี “แดน เมื่อกี้ทำไมนายไม่พูดอะไรบ้างเลยล่ะ? แมดดี้จะต้องถูกทรมานจนตายแน่ ถ้าเธอกลับมาอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจ เจเรมี่ วิทแมน!”
เธอถอนหายใจ “ความฉลาดของเมเดลีนได้พังไปเพราะตัวตนของเธองั้นเหรอ? เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายดี ๆ อย่างนาย หรือสุภาพบุรุษอย่างเฟลิเป้ แล้วเธอก็กลับเลือกคนเลือดเย็นอย่างหมอนั่นแทน เธอช่างบ้าไปแล้วจริง ๆ!”
แดเนียลยิ้มออกมา “บางทีนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ยากจะต้านทานได้”
“เหอะ นี่ไม่ใช่ความรัก นายรอดูเลยนะ รอจนกว่าแมดดี้จะได้ความทรงจำกลับมา แล้วเธอจะเกลียดเจเรมี่มาก!”
แดเนียลเหลือบมองที่เอวาที่ยังโกรธอยู่ “งั้น เรามาเดิมพันกันไหม?”
“เดิมพัน?”
“ใช่” เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันพนันได้เลยว่าแมดดี้จะรักเจเรมี่มากขึ้นหลังจากที่เธอฟื้นความทรงจำกลับมาได้”
“ว่าไงนะ?” ดวงตาของเอวาเบิกกว้างขณะที่เธอโบกมืออย่างหงุดหงิด “นายมันบ้า! แดน นายเสียสติไปแล้ว!”
แดนเพียงแค่ยิ้มออกมาในขณะที่เขาขับรถออกไปจากสถานการณ์นั้น ใบไม้ที่ลอยปลิวอยู่ในอากาศก็ปลิวตกลงบนพื้นอีกครั้ง ใบไม้พวกนั้นทิ้งไว้เพียงเบื้องหลังอย่างน่าอัศจรรย์
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ทั้งเมเดลีนและเจเรมี่ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์มอนต์โกเมอรี
เอโลอิสและฌอน ไม่กล้าที่จะโหยหาความรู้สึกถึงการเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและมีความสุขเลย ถึงอย่างนั้นดวงตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทุกครั้ง ที่ได้ยินเมเดลีนทักทายพวกเขาในฐานะพ่อแม่ของเธอ
เมเดลีนได้รู้จากเจเรมี่ว่า มีคนอื่นจงใจขโมยเธอไปตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ถูกแยกจากพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเอง
เธอจำเรื่องเลวร้ายที่ทั้งเอโลอิสและฌอนเคยทำกับเธอในอดีตไม่ได้ ในขณะนั้น สิ่งที่เธอสัมผัสได้คือความรักจากพ่อแม่ของเธอ
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เจเรมี่ไปที่รถและสตาร์ทมันเพื่อขับพาเมเดลีนและแจ็คสันกลับบ้าน
เมเดลีนกำลังอุ้มเด็กน้อยที่หลับใหลอยู่ เธอจ้องมองเขา ด้วยความชื่นชมใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา
‘แจ็คดูหล่อเหลา
‘คิ้วของเขาดูเหมือนของเจเรมี่
‘ดวงตาของเขา ฉันคิดว่าพวกมันดูเหมือนของฉัน’
เมเดลีนหัวเราะคิกคักในใจ
‘นี่คือลูกของเจเรมี่และฉันสินะ
‘ในช่วงเวลาหกปี ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะสูญเสียความทรงจำหกปีไป’
…
ในวันรุ่งขึ้นหลังจากได้ส่งแจ็คสันไปโรงเรียนแล้ว เมเดลีนก็ได้เดินทางไปโรงพยาบาล
ขณะที่เจเรมี่ได้แต่รู้สึกกระวนกระวายใจ เขาเลยตัดสินใจที่จะพาเมเดลีนไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอง
เขาจับมือเธอไว้ ความอบอุ่นที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขากลัวที่จะสูญเสียความหอมหวานจากเธอที่เขากำลังได้รับอยู่นี้ไป
หลังจากตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วนแล้ว อดัมตรวจดูรายงานผลของเธออย่างเคร่งเครียดและพูดอย่างจริงจังว่า “นี่เป็นวิธีเดียวสำหรับตอนนี้ หากนายต้องการฟื้นความทรงจำของเธอให้เร็วขึ้น มีเพียงวิธีเดียว คือใช้วิธีกระตุ้นเชิงรุกกับเธอให้มากขึ้น แต่วิธีนี้อาจทำให้อาการของเธอแย่ลงได้เหมือนกัน”