บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 592
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 592
เจเรมี่กระแทกตะเกียบลงกับโต๊ะอย่างแรง
คาเลนถึงกลับเงียบไปในทันควัน เธอเหลือบตามองเพื่อที่จะได้รู้ว่าแม้แต่ผู้อาวุโสของบ้านเอง ก็มองมาที่เธอด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ราวกับว่าเขากำลังไม่พึงพอใจ
อีกด้านหนึ่ง เมเดลีนเอื้อมมือไปเช็ดปากของผู้อาวุโส ก่อนที่สายตาของเธอจะประสานเข้ากับสายตาของคาเลน เธอยิ้มพลางพูดออกมา “ฉันขอเดานะคะ ที่เขาพูดกันว่านิสัยคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้เนี้ย คงจะหมายถึงคนอย่างคุณแม่ สินะคะ?
…
“คุณแม่ก็รู้หนิคะ ว่าการพ่นความคิดไร้สาระพรรค์นั้นออกมา จะทำให้คนอื่นหมดสนุกกัน แต่คุณแม่ก็ยังจะพูดมันออกมาหน้าด้าน ๆ อีก ฉันล่ะไม่เข้าใจการกระทำแบบนั้นของคุณแม่จริง ๆ เลยค่ะ ชักสงสัยซะแล้วสิคะ ว่าเพราะคุณแม่ไม่ฉลาด หรือพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของคุณแม่มันไม่โตตามตัวกันแน่?
สีหน้าของคาเลนเริ่มแดงก่ำ “แก…”
“พอเสียที! กินข้าวได้แล้ว!” วินส์ตันตัดบทไม่ให้เธอเอ่ยออกอะไรออกมาอีก
อย่างไรเสีย คาเลนไม่ได้มีทีท่าว่าจะยอมจำนนแต่อย่างใด เมื่อมองไปยังรอยยิ้มที่ดูถูกของเมเดลีน เธอรู้สึกราวกับว่านังตัวดีตรงหน้ากำลังกลั่นแกล้งเธออยู่
คาเลนหยิบกระเป๋าของเธอด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว และเดินออกไปโดยที่ไม่เหลียวกลับมามองอาหารที่เหลืออยู่เลย
ปากบอกว่าจะออกไปช๊อปปิ้ง แต่ความจริงแล้วเธอออกไปที่คอนโดมิเนียมของอีวอนต่างหาก
ก่อนหน้านี้ เธอทำได้แค่ไประบายให้อีวอนฟังหลังจากที่ถูกเมเดลีนทำให้โกรธมาเท่านั้น แต่ในตอนนี้ เธอคงจะต้องหาวิธีแก้เผ็ดเพื่อที่จะลบล้างความรู้สึกโกรธที่อยู่ในใจเธอออกไปหมด
เมื่อถึงห้องที่คอนโดมิเนียมของอีวอน สารพัดคำก่นด่าที่มีต่อเมเดลีนของคาเลนก็พวยพุ่งออกมา “นังสารเลวนั่น นับวันยิ่งไม่เห็นหัวฉันขึ้นทุกที ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อ ไม่นานเจเรมี่ต้องไม่มองว่าฉันเป็นแม่อีกแน่!”
อีวอนกลอกตา “นี่คุณป้า ด่ามันไปก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์นะคะ มีวิธีเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือ ร่วมมือกับหนู แล้วขโมยแบบร่างเครื่องเพชรที่นังเมเดลีนตั้งใจจะเอาเข้าแข่งขันมา นี่เป็นทางเดียวที่จะแก้แค้นมันได้นะคะ”
คิ้วของคาเลนขมวดเป็นปมแสดงทีท่าว่ามันยากที่จะเชื่อ “เธอแน่ใจเหรอว่ามันจะได้เรื่องน่ะ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ? ตอนที่หนูได้แบบร่างนั่นมาครอบครอง และชิงส่งแบบร่างนั้นไปก่อนหน้ามัน เท่านี้ทุกคนก็จะคิดว่าหนูเป็นคนออกแบบมันเองกับมือ ตอนที่นังเมเดลีนโชว์เครื่องเพชรแบบเดียวกัน มันก็จะถูกทุกคนตราหน้าว่าเป็นนังแมวขโมยยังไงล่ะคะ!”
“และนั่นก็จะทำให้หนูได้ผลประโยชน์และได้หน้า ในขณะที่นังนั่นก็เสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!”
อีวอนเนื้อเต้นไปหมด ราวกับว่ามองเห็นตนเองยืนเฉิดฉายอยู่บนเวทีพร้อมรางวัลที่อยู่ในมือ
“ดังนั้น ป้าต้องรีบลงมือนะคะ ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สามวันก่อนงานแข่งขันจะเริ่ม นังเมเดลีนจะต้องออกแบบร่างเสร็จในสองวันนี้แน่ ป้าต้องจับตาดูมันเอาไว้นะคะ พอมันสบโอกาส ป้าก็ขโมยมาให้หนูเลยนะ!”
“เข้าใจแล้ว! ฉันจะรอดูนังสารเลวนั่นล่มจมต่อหน้าเอง!” คาเลนให้คำมั่นสัญญา
อีวอนรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองข่าวของเมเรดิธ รูปของเธอเด่นหราอยู่เต็มหน้าจอโทรทัศน์ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก “นังฆาตรกรเลือดเย็นนั่นมันแฟนเก่าของพี่เจเรมี่หนิคะ?”
“บ้าเอ้ย แฟนเก่าอะไรล่ะ เจเรมี่ไม่เคยชอบมันเลยสักนิด!” คาเลนบอกปัดและเม้มปากอย่างไม่พอใจ “ลูกพี่ลูกน้องเธอน่ะ รักแค่นังจิ้งจอกเมเดลีนคนเดียว!”
“เวรชะมัด” อีวอนกัดฟันแน่นพลางมองไปที่รูปเมเรดิธบนหน้าจอ
อีกด้านหนึ่ง เมเรดิธซึ่งถูกใส่กุญแจมืออยู่ เธอกำลังถูกนำตัวไปส่ง ณ แดนประหาร
ตลอดทางเธอได้แค่กรีดร้องคร่ำครวญว่าเธอไม่อยากจะตาย แต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถตำรวจก็หยุดลง เมเรดิธหวาดกลัวเสียจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม และขาก็สั่นจนไม่เป็นจังหวะ
นั่นเป็นเพราะลึกลงไปในใจ เธอรู้ดีว่าทันทีที่ประตูบานนั้นเปิดออก ก็หมายความว่าเธอกำลังมุ่งตรงไปสู่ประตูนรกอยู่นั่นเอง
เธอจะหายไปจากโลกนี้ก่อนเมเดลีนไม่ได้!
ทันทีที่ความคิดเรื่องหลบหนีพุ่งเข้ามาในหัวของเธอ ประตูตรงหน้าก็เปิดออก
แสงสว่างวาบสาดเข้ามาภายในรถ ทำให้เมเรดิธที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวหรี่ตาลง เมื่อตาทั้งสองของเธอลืมขึ้นอีกครั้ง แสงสว่างแห่งความปีติยินดีส่องประกายออกมาจากดวงตาของเธอ “ในที่สุด ก็มาจนได้สินะ…”