บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 610
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 610
ไม่นานหลังจากที่เฟลิเป้พาเมเดลีนขึ้นเรือ เธอก็ได้สติ
เธอลืมตาอย่างอ่อนแรงและเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเฟลิเป้ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวลตรงหน้า
“เอวลีน เอวลีน คุณฟื้นแล้วเหรอ?” เขาถามเธออย่างอ่อนโยน
เมเดลีนที่ยังไม่ได้สติเต็มที่กลอกตาไปมองรอบ ๆ ราวกับว่าเธอกำลังมองบางสิ่งบางอย่างด้วยสายตาที่พร่ามัว
“เอวลีน?
“เฟลิเป้?” เมเดลีนมองไปยังชายหนุ่มที่พยุงตัวเธออยู่อย่างฉงนใจ “ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”
“เด็กโง่ แล้วจะให้เป็นคนอื่นที่ไหนอีกล่ะ?” เขาหยิกแก้มเธอ “ผมรู้ว่าคุณถูกเจเรมี่พาตัวมา ผมเลยมารับคุณนี่ไง ตอนที่เรือมาถึงเกาะกำลังจะไปเทียบท่า ผมบังเอิญเห็นคุณกำลังจมน้ำพอดี”
ในขณะที่ฟังเขาเล่า เมเดลีนจึงค่อย ๆ นึกย้อนเหตุการณ์ก่อนที่เธอที่จะหมดสติ
เธอเห็นเจเรมี่เดินกลับไป ในขณะที่เห็นเขาเดินไปไกลเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงรู้สึกวิงเวียนได้ ที่คั่นหนังสือที่เธอถืออยู่หลุดมือไปพอดี
เธอรู้สึกกังวลที่จะเอาที่คั่นหนังสือใบไม้อันนั้นคืนมา แต่ว่ามันบังเอิญตกลงไปในทะเล
“ขอบคุณพระเจ้า คุณโอเคแล้วนะ คุณรู้ไหมว่ามันน่ากลัวแค่ไหน? ผมกลัวเรื่องแบบนั้นจริง ๆ กลัวว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”
เมเดลีนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะขยับเปลือกตาอันเหนื่อยล้าของเธอ “คุณช่วยฉันไว้เหรอ? เจเรมี่เขา…”
“ตอนที่คุณจมน้ำ เขาเดินหายไปแล้ว”
ด้วยคำตอบแบบนั้น เมเดลีนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอได้จมดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึกอีกครั้ง
ณ ตอนนั้น เธอรู้สึกได้ราง ๆ ว่าเจเรมี่กระโดดลงทะเลมาเพื่อช่วยชีวิตเธอ เขาลากตัวเธอขึ้นมาบนฝั่ง และเอาแต่เรียกชื่อเธออย่างเป็นกังวล
มันคงเป็นภาพลวงตาสินะ
เขาไปแล้ว
เขาไปแล้วจริง ๆ
เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเลยด้วยซ้ำ
“เฟลิเป้ ฉันยังรู้สึกมึนหัวอยู่เลย ขอนอนพักสักหน่อยนะ” เมเดลีนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง
“เอาสิ เข้าไปนอนเถอะ ผมจะอยู่กับคุณเอง”
“ค่ะ” เมเดลีนตอบกลับ ในมือของเธอยังคงกำที่คั่นหนังสือเอาไว้ และเธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง
…
หลังจากที่ส่งเมเดลีนแล้ว เจเรมี่ยังคงยืนอยู่ริมชายฝั่งราวกับว่าจิตวิญญาณของเขาได้ล่องลอยออกไปไกลแสนไกล
บาดแผลของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาและอักเสบ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
อาการปวดหัวที่รุนแรงทำให้ประสาทสัมผัสอย่างอื่นของเขาด้านชา
เริ่มมืดแล้ว เขามองออกไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่และรับลมทะเลที่พัดผ่านเข้ามา เขาตะโกนเรียกชื่อเมเดลีนออกไปยังท้องทะเลอันไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างสิ้นหวัง…
เฟลิเป้เดินทางมารับเมเดลีน และพวกเขากลับไปยังวิลล่าเดี่ยวที่ชานเมือง
หลังจากพักรักษาตัวสองสามวัน เมเดลีนเกือบจะหายเป็นปรกติแล้ว
เพราะกลัวว่าถ้าพวกเขาเลื่อนการเดินทางออกไปอีกสองสามวัน แล้วจะมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาขัดขวางอีก เฟลิเป้จึงจัดการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อที่จะไปเมืองเอฟให้กับเมเดลีนและแจ็คสันทันที เขาตัดสินที่จะกลับไปเมืองเอฟพร้อมกับสองคนแม่ลูกด้วย
เมื่อเมเดลีนรู้แบบนั้น เธอบอกว่าครั้งนี้เธอจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวนี้แน่นอน แต่จู่ ๆ เธอก็ขอกลับไปที่คฤหาสน์บ้านมอนต์โกเมอรีในสองวันสุดท้าย เพื่อที่เธอจะได้ใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอ
เฟลิเป้เห็นด้วย
เขายังต้องจัดการกับบางเรื่องในช่วงสองวันนี้ด้วยเหมือนกัน
เมื่อรู้ข่าวว่าเมเดลีนจะพาแจ็คไปอยู่ที่เมืองเอฟด้วยกัน เอโลอิสและฌอนรู้สึกไม่เต็มใจที่จะปล่อยพวกเขาไปจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่พวกเขาก็ต้องจำยอม
ทั้งสองถูกเมเดลีนเรียกพวกเขาว่า ‘แม่’ กับ ‘พ่อ’ เพราะอาการความจำเสื่อมของเธอ แลกเปลี่ยนกับการที่พวกเขาได้รับโอกาสมีความสุขซึ่งหาได้ยากในฐานะครอบครัวอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถโลภได้อีกต่อไป และไม่สามารถขออะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม แจ็คสันดูเหมือนว่าจะไม่มีความสุขมากนัก เด็กน้อยดึงชายกระโปรงเมเดลีนผู้เป็นแม่และกะพริบตาอย่างสงสัย “แม่ครับ พวกเรากำลังจะไปอยู่ที่อื่นกันจริง ๆ เหรอครับ? แล้วพ่อล่ะ? พ่อไม่ได้ไปกับพวกเราด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ภาพของแผ่นหลังของเจเรมี่ที่เดินหายไปและทิ้งเธอไว้ที่ชายฝั่งคนเดียวพลันผุดขึ้นมาในหัว หัวใจของเธอเจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ในขณะที่สติของเธอล่องลอย เธอได้ยินเสียงแจ็คตะโกนขึ้น “พ่อครับ!”