บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 612
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 612
เธอเห็นเจเรมี่และเฟลิเป้เดินสวนกัน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
เฟลิเป้เดินตรงมาที่เธอ ความงดงาม อ่อนโยน และหล่อเหลาที่อยู่บนใบหน้าเขา ราวกับสายลมเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ
ร่างอันสูงใหญ่ของเขาเข้ามาบดบังร่างของเจเรมี่ที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“กำลังรอผมอยู่เหรอ?” เฟลิเป้ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เมเดลีนและพาเธอเข้าบ้านไป
เมเดลีนเผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเฟลิเป้เข้าไปในบ้าน เธอเห็นหลังของเจเรมี่อยู่ไกล ๆ และไม่นานก็หายไป
เจเรมี่หยุดยืนอยู่ในที่ที่ไกลออกมา
เขาหันกลับไปมองและเห็นตอนที่เฟลิเป้โอบกอดเมเดลีนอยู่ ภาพของทั้งสองเสียดแทงเข้ามาในลูกตา และรู้สึกราวกับว่ามดนับพันคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเขาและกำลังรุมกัดกินหัวใจนั้นอย่างไร้ความปราณี
แสงระยิบระยับในดวงตาของเขาค่อย ๆ สลายไปตามสายลม
ภาพครั้งที่เมเดลีนเคยไล่ตามเขาและตอนที่เธอชื่นชมเขาในความทรงจำ ตอนนี้ได้กลายเป็นรูปปั้นทรายสีเทาที่ถูกสายลมพังทลายลงอย่างช้า ๆ
“ลินนี่ ผมรักคุณ”
เขามองเห็นเงาที่สวยงามของเธอ และสารภาพความในใจออกมาจากที่ไกล ๆ หลังจากพูดจบ เขายิ้มทั้งน้ำตาและเดินจากไป
เถาวัลย์สีเขียวที่มีหนามแหลมปกคลุมปีนป่ายขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันค่อย ๆ หนาและรกทึบจนกลืนกินลมหายใจของเขาไป
…
ณ คฤหาสน์มอนต์โกเมอรี
เฟลิเป้พูดกับเอโลอิสและฌอนในฐานะลูกเขย เพราะรู้ดีว่าพวกเขารู้สึกผิดและไม่เต็มใจนักที่จะให้เมเดลีนไป เขาจึงสัญญาว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะหาโอกาสให้เมเดลีนและแจ็คกันมาเยี่ยมพวกเขาบ้าง หรือไม่เขาอาจจองตั๋วเครื่องบินให้พวกเขาบินไปหาที่เมืองเอฟ
เมเดลีนนั่งฟังด้วยรอยยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วยเป็นครั้งคราว แต่ใบหน้าของเจเรมี่ผุดขึ้นมาในใจเธออย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่ตลอด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สลัดภาพของเขาทิ้งไปก่อนจะฟุ้งซ่านไปมากกกว่านั้น
วันนั้นที่ชายฝั่ง เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเดินจากไปโดยที่เหลียวหลังกลับมามองเธออีก ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ในความทรงจำเหมือนกัน
เมื่อแยกทางกันตอนนี้ พวกเขาจะต้องแยกทางกันตลอดไป
หลังจากนั้นไม่นาน เฟลิเป้บอกว่าเขาต้องออกไปจากคฤหาสน์มอนต์โกเมอรรีก่อน
เขาขับรถไปบ้านของเจเรมี่ตามลำพัง ประตูบ้านเปิดออกเขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตานกฟีนิกซ์ของเขา ก่อนจะตรงเข้าไปภายในบ้านโดยไม่เหลือท่าทีที่อ่อนโยนอยู่บนใบหน้าเลย
คนรับใช้ที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่กันไปเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามา คนรับใช้คนนั้นรีบเดินเข้ามาขวางก่อนจะถาม “คุณคะ คุณคือ…”
เฟลิเป้มองเหล่าคนรับใช้ด้วยสายตาอันเย็นชา และเมื่อสายตานั้นปะทะกับคนเหล่านั้น คนรับใช้รู้สึกกลัวจนไม่กล้าจะถามอะไรต่อ พวกเขาทำได้เพียงหลบไปอยู่ด้านข้าง และไปเรียกเจเรมี่
เฟลิเป้แสดงท่าทีไม่สนใจและตรงไปหาผู้อาวุโสวิทแมนที่กำลังนอนอาบแดดอยู่ที่สวน ชายชราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นเฟลิเป้ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน
“ทำไมคุณลุงถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ตอนที่เห็นผมอย่างนั้นล่ะครับ? ที่นี่ไม่ต้อนรับผมอย่างนั้นเหรอ?” เฟลิเป้เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับน้ำเสียงขี้เล่น แต่กลับเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า
ชายชรามองไปที่เฟลิเป้อย่างไม่หวาดหวั่น เขาขยับปากอย่างเต็มกำลัง แต่ไม่ได้พูดออกอะไรออกมา
เฟลิเป้จับจ้องไปที่ชายชรา ในขณะที่ความรู้สึกเหยียดหยามจากก้นบึ้งและยากที่จะเข้าใจ ปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
“ในตอนนั้น คุณลุงวางแผนที่จะฆ่าพ่อแม่ผมและทำให้ผมต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เพื่อตอบสนองความต้องการที่เห็นแก่ตัวของคุณ
“หลายปีมานี้ คุณขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของผมในทุกวิถีทาง เพื่อให้ทรัพย์สมบัติล้ำค่ากับเจเรมี่ คุณยกกรรมสิทธิ์ในการดูแลบริษัทระหว่างประเทศให้มันทั้งหมด และเฉดหัวผมไปอยู่ที่เมืองเอฟซึ่งคุณไม่เคยเหลียวแล คุณคิดว่าจะเด็ดปีกของผมและต้อนผมจนจนมุม ไม่ใช่เหรอ?
เขาพรั่งพรูความรู้สึกคับแค้นออกมาจากใจ สายตาที่เขามองคมดั่งมีด
“แอรอน วิทแมน กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง”
ผู้อาวุโสวิทแมนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้างราวกับว่ามีคำเป็นล้านคำที่อยากจะพูดออกมา แต่เขาก็ไม่ทำ
เฟลิเป้หัวเราะเยาะเบา ๆ ในขณะที่มองไปยังร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ของชายชรา
“วันพรุ่งนี้ ผมจะพาเมเดลีนกับเหลนของคุณลุงออกจากเมืองเกลนเดล พวกเราจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณจะต้องพลัดพรากจากลูกชายสุดที่รักของคุณไป คุณไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะทนไม่ได้จนอยากฆ่าตายตัวไปเลยน่ะ?”
เขาเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า
“แต่ว่า ก่อนจะไป ผมมีของขวัญจะมอบให้”