บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 614
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 614
เขาเดินเข้าไปในวอร์ดเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนกับผู้อาวุโสเงียบ ๆ
เขามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดดำผ่านทางหน้าต่าง เฉกเช่นเดียวกันกับหัวใจของเขาที่เศร้าหมองและหมดแล้วซึ่งแสงสว่าง
ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ เพราะทั้งลูกชายและผู้หญิงอันเป็นที่รัก ต้องไปอยู่กับชายอื่นแล้วในวันพรุ่งนี้?
เขาหมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางจะรั้งเธอ เพราะเขาได้ปฏิญาณกับตนเองแล้วว่าจะไม่บังคับขืนใจเธออีก
ถ้าการที่ปล่อยเธอไปทำให้เธอได้พบกับความสุขที่แท้จริง เขาก็จะทำ
ในตอนนี้ หลากหลายอารมณ์ปนเปกันอยู่ภายในตัวเขาเมื่อคิดได้ว่าเมเดลีนกำลังจะตกไปเป็นของคนอย่างเฟลิเป้
“เมด…”
ในความเงียบสงัด เจเรมี่ได้ยินเสียงอันแหบแห้งครางออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นมองและดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าคุณปู่ของเขากลับมาพูดได้อีกครั้งหนึ่ง!
“เมด เมด…”
“คุณปู่ครับ” เจเรมี่พลันพุ่งตัวไปจับมืออันเย็นเฉียบของผู้อาวุโสเอาไว้ “พูดได้แล้วเหรอครับ คุณปู่?”
ผู้อาวุโสวิทแมนชายตามองเจเรมี่ในขณะที่มืออันสั่นเทากำมือของเจเรมี่ไว้แน่น “เมด เมด…” เขาเอ่ยซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
หลังจากงุนงงไปชั่วครู่ เจเรมี่ก็เข้าใจในทันที “เมเดลีน เหรอครับ?”
หัวใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อชื่อของเธอหลุดออกมาจากปากของเขา
ผู้อาวุโสวิทแมนตอบโต้พลางกระพริบตาอย่างช้า ๆ “เมด…”
ดวงตาของเจเรมี่ร้อนผ่าวขึ้นมาในขณะที่กุมมือของคุณปู่ไว้แน่นเพื่อมอบความอบอุ่นให้กับเขา “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณปู่ เมเดลีนตัดสินใจดีแล้ว หลังจากนี้เธอจะได้ไปมีชีวิตที่มีความสุข”
ชายชราขยับริมฝีปากอันซีดเซียวและแห้งผากด้วยความยากลำบากในขณะที่ฟังเจเรมี่รำพึงรำพัน “เมเด… ลีน”
แม้ว่าเขาพูดไม่ได้ศัพท์ แต่ชื่อ ‘เมเดลีน’ ดังกระทบหูของเจเรมี่อย่างชัดเจน
เขาถอนหายใจอย่างขมขื่น “ถูกแล้วครับ คุณปู่ ผมมันเป็นคนตาบอดที่ไม่เคยรักและดูแลเอาใจใส่เมเดลีนเลย และตอนนี้มันก็สายไปแล้ว”
เจเรมี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือผ้าม่านที่กั้นอยู่ ความอ้างว้างอันไร้ที่สิ้นสุดทอประกายภายในดวงตาของเขา “เมเดลีนกำลังจะออกไปจากเมืองเกลนเดลกับแจ็คพรุ่งนี้แล้วครับ เธอจะได้มีความสุขและมีอิสระ จากนี้ไป เธอจะได้ไม่มีคนไม่เอาถ่านอย่างผมคอยขัดใจเธอตลอดเวลาแล้ว”
คำพูดของเจเรมี่ราวกับเข็มที่ทิ่มลูกโป่งซึ่งชื่อว่าความโกรธของชายชราแตกดังโพละ แต่เขาพบว่าตนเองไม่สามารถพูดความคิดออกมาได้
เจเรมี่อยู่ข้างเตียงคุณปู่ของเขาทั้งคืน
แสงอรุณรุ่งฉาบท้องฟ้าเป็นสีทอง และเจเรมี่ก็มองไปทางสนามบินอย่างว่างเปล่า เขากำลังสงสัยว่าเมเดลีนและแจ็คสันคงขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
หนามแหลมเริ่มทิ่มแทงจิตใจของเขา ขณะที่มือลูบไล้บาดแผลที่เมเดลีนเป็นคนทำแผลให้ เขาเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากออกมา
“ลินนี่”
‘ผมขอโทษนะ ลินนี่ แต่ผมบอกเรื่องคุณปู่กับคุณไม่ได้จริง ๆ’
‘ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลาชีวิตอีกแล้ว ไปมีความสุขนะ ลินนี่ และหัวเราะออกมาดัง ๆ’
กว่าครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น วินส์ตันมาสับเปลี่ยน
เขาดีใจอย่างมากที่รู้ว่าผู้อาวุโสวิทแมนพูดได้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน
เจเรมี่ล้างหน้าล้างตาและออกไปซื้ออาหารเช้า
วินส์ตันรับหน้าที่ดูแลผู้อาวุโสต่อ ในขณะที่จัดโต๊ะอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงผู้อาวุโสวิทแมนพึมพำ “เมเด… ลีน…”
วินส์ตันที่ตะลึงงันเอนตัวเข้าไปฟังอย่างระงับความดีใจไว้ไม่อยู่ “พ่อ! พ่อ… ในที่สุดก็พูดได้แล้ว! พูดว่าอะไรเหรอครับ?”
“เมเดลีน…”
“เมเดลีน? เมเดลีน ครอว์ฟอร์ดเหรอ?” วินส์ตันถามอย่างไม่เชื่อหูตนเองในขณะที่ผู้อาวุโสวิทแมนกะพริบเพื่อบอกเป็นนัยแทนคำตอบ
ชายชราพยายามพูดอย่างยากลำบาก “เมเด… ลีน… ฉันอยาก… เจอ…”
วินส์ตันสะดุ้ง “พ่ออยากเจอเมเดลีนเหรอ?”