บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 621
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 621
ณ ตอนนั้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ผู้ดูแลสาวคนนั้น
อีวอนใจเต้นระรัว เมื่อนึกถึงตอนที่เธอขโมยกล่องเครื่องเพชรและกระเป๋าสตางค์ก่อนจะวิ่งลงมาชั้นล่าง
เธอเผชิญหน้ากับนายท่านอาวุโสวิทแมนที่นั่งอยู่บนรถเข็นตรงหน้าห้องนั่งเล่นชั้นแรกโดยบังเอิญ สายตาทั้งคู่ประสานกัน
เธอแทบคลั่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่อยู่ด้านหลังนายท่านอาวุโสวิทแมน คนนั้นก็คือผู้ดูแลสาวนั่นเอง
เมื่อคิดว่าผู้ดูแลคนนั้นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อีวอนเสียการทรงตัว เดินถอยหลังไปสองก้าว
“เธอรู้เหรอว่าใครเป็นคนตีฉัน?” คาเลนเอ่ยถามพลางชี้นิ้วไปที่เมเดลีน “มันใช่ไหม?”
เจเรมี่ที่รู้สึกไม่พอใจนักกับคำถามของคาเลนกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาเห็นผู้ดูแลมองไปที่เมเดลีนพลางพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ใช่ค่ะ เป็นคุณผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ”
ทั้งเมเดลีนและเจเรมี่ต่างตกตะลึงกับคำตอบของผู้ดูแลสาว
วินส์ตันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นชี้นิ้วมาที่เมเดลีน “เธอแน่ใจนะว่าเป็นผู้หญิงคนนี้”
ผู้ดูแลสาวค่อย ๆ เดินเข้ามาจ้องมองใบหน้าของเมเดลีนอย่างใกล้ชิด และตอบออกไปอย่างไม่ลังเล “เป็นเธอนั่นแหละค่ะ ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยขนาดนี้ ฉันไม่มีทางจำผิดคนอย่างแน่นอนค่ะ”
ผู้ดูแลสาวเริ่มร่ายยาวต่อ “ฉันกำลังจะพานายท่านอาวุโสออกไปที่สวน ในตอนนั้นฉันได้ยินเสียงคนที่กำลังวิ่งลงมาจากชั้นบน พอเข็นรถพานายท่านอาวุโสมานอกห้อง ฉันเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ตรงนั้นค่ะ”
เธอชี้นิ้วไปบริเวณบันไดบ้าน
อีวอนรู้สึกมึนงงเมื่อได้ยินผู้ดูแลสาวคนนั้นอธิบาย แต่เธอพลันรู้สึกยินดีปรีดาเป็นที่สุด
ใช่แล้ว เธอเห็นเมเดลีนเข้ามาในบ้านตอนที่กำลังจะหลบหนีออกไป เธอไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนลงมือเองแท้ ๆ แต่เมเดลีนกลับกลายเป็นแพะรับบาปไป
ช่างเป็นข่าวดีอะไรขนาดนี้!
“ได้ยินเต็มสองรูหูกันแล้วนะ! ฉันไม่ได้กล่าวหามัน!” คาเลนยืดอกขึ้น “ตอนแรก มันต้องวิ่งเข้าไปขโมยเครื่องประดับกับกระเป๋าสตางค์ออกมาจากห้อง และฟาดหัวฉันเพราะกลัวว่าฉันจะรู้เรื่อง ฉันล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอจะแก้ตัวยังไง เมเดลีน!”
“ลินนี่ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหาเลย” เจเรมี่ยืนกรานในความบริสุทธิ์ของเมเดลีน
เมื่อเห็นความแน่วแน่และเชื่อใจในดวงตาของเจเรมี่ เมเดลีนรู้ได้ทันทีว่าเขาพูดออกมาจากใจจริง
“แกคงจะหลงเสน่ห์ของยัยผู้หญิงคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้นแล้วสินะ เจเรมี่? มันตีแม่บังเกิดเกล้าของแกแล้วยังจะไปปกป้องมันอีกเหรอ?” คาเลนมองไปที่เมเดลีนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้
เมเดลีนไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด เธอหันหน้าไปถามผู้ดูคนนั้น “เธอบอกว่าได้ยินเสียงคนวิ่งลงมาจากชั้นบน และก็เห็นฉันยืนอยู่ตรงนั้น ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันอยากรู้ว่าเธอเห็นฉันตีผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ รึเปล่า”
ผู้ดูแลปฏิเสธ “เปล่าค่ะ แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” เจเรมี่พูดแทรกเพื่อทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหมดความเคลือบแคลงใจ “ถ้าคุณไม่ได้เห็นกับตาว่าลินนี่ตีหัวเธอจริง เพราะฉะนั้นเสียงฝีเท้าอาจเป็นของคนอื่นก็ได้”
วินส์ตันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เจเรมี่กับเมเดลีนพูดถูก ไม่มีใครเห็นเมเดลีนตีคุณสักหน่อย”
คาเลนควันออกหู “พวกคุณ… พวกคุณสองคนเสียสติไปกันหมดแล้วรึไง! เลือดอาบหัวฉันขนาดนี้ยังมีหน้าไปปกป้องยัยแม่มดนั่นอีก!”
“อย่าโกรธไปเลยค่ะ คุณป้าคาเลน เป็นห่วงสุขภาพตัวเองก่อนค่ะ”
อีวอนตีหน้าซื่อปลอบประโลมเธอก่อนจะหันมาพูดกับเจเรมี่อย่างใจเย็น
“เจเรมี่ ขนาดมีพยานรู้เห็นมาชี้ตัวแบบนี้ และคุณป้าคาเลนก็เจ็บตัวด้วย นายไม่ควรจะ…”
“ฉันยังไม่ได้ถามเธอ เธอมาที่นี่ทำไม? ใครอนุญาตใครเธอเข้ามา? “เจเรมี่ตัดบทเธออย่างเย็นชา
“ฉันโทรเรียกอีวอนมาเอง!” คาเลนพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ก็ดี ในเมื่อพวกแกสองคนเลือกที่จะเข้าข้างมัน ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเรียกร้องความยุติธรรมด้วยตัวฉันเอง!”
เธอพลันกระชากมืออีวอน “ไปกันเถอะ อีวอน เราจะไปแจ้งความเอาผิดที่โรงพักเดี๋ยวนี้!”
อีวอนรู้สึกตื่นกลัว ไปบอกตำรวจอย่างนั้นเหรอ?
“เอาสิ ฉันเต็มใจที่ไปแจ้งความด้วยเลยนะ” เมเดลีนพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว
คาเลนหัวเราะเยาะ “อย่ามั่นใจให้มากนักเลย เมเดลีน รอให้ตำรวจมาลากคอแกเข้าตารางได้เลย! ไปกันเถอะ อีวอน!”
อีวอนตามเธอไปอย่างปฏิเสธไม่ได้