บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 647
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 647
เสียงซึ่งก้องอยู่ในหูดังมากพอที่จะทำให้เจเรมี่หยุดหาต่อได้
เขาสัมผัสได้ถึงความน่าประหลาดใจในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่ไม่เห็นสีไม่เห็นแสงของชีวิต “นายเองเหรอ? กลับมาที่เกลนเดลตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อวานนี้” แสงที่สว่างวาบเข้ามาในดวงตาที่มือบอดของเจเรมี่เมื่อได้ยินคำตอบ
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตรงหน้าชายหนุ่มคนนั้น “แล้วลินนี่กลับมากับนายด้วย?” เฟลิเป้มองไปยังชายตาบอด เจเรมี่ จากนั้นมองลงไปยังแหวนแต่งงานที่เขาเก็บได้ก่อนหน้า
เขาขยับปลายนิ้วเขี่ยแหวนในมือเล่นอย่างนึกสนุก จากนั้นเปิดปากพูด “ใช่ เอวลีนกลับมากับฉันด้วย”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด เฟลิเป้เห็นประกายความสุขที่ฉายออกมาในดวงตาของเจเรมี่ เขายิ้มและพูดขึ้น “เอวลีนและฉันกลับมาที่นี่เพราะว่าจะพาตัวแจ็คกลับไปที่เมืองเอฟด้วยกัน”
คำตอบของเขาราวกับค้อนที่ทุบความดีใจบนใบหน้าของเจเรมี่ให้แตกละเอียด “เอวลีนไม่อยากเห็นหน้านายอีก ดังนั้นนายอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอจะดีกว่า ยิ่งดูจากสภาพของนายตอนนี้แล้วด้วย”
“สภาพที่ฉันเป็นอย่างนั้นเหรอ?” เจเรมี่หัวเราะเบา ๆ “นายกลัวว่าคนตาบอดอย่างฉันจะขโมยลินนี่มาจากนายอย่างนั้นเหรอ?”
คิ้วของเฟลิเป้ขมวดอย่างไม่พอใจ “เจเรมี่ นายไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นสามีที่ดีเด่อะไรเลย และฉันก็คิดว่านายเป็นได้แค่คนเก่าคนแก่ที่เคยอยู่กับเธอ คนเก่าคนแก่ที่ดีเนี่ย ควรลงไปนอนอยู่ในโลงได้แล้ว”
สายตาของเจเรมี่มืดบอดลงไป เขาพลันยื่นมืออกไปโดยไม่ได้ตอบโต้เฟลิเป้กลับไป “เอาแหวนฉันคืนมา”
“ฉันคืนแหวนให้นายก็ได้ แต่นายควรจำสิ่งที่นายเคยพูดไว้ให้ดี ๆ หน่อยนะ แล้วอย่ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตเอวลีนอีก”
“ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร ฉันไม่ต้องให้คนอย่างนายมาบอกหรอก” น้ำเสียงของเจเรมี่เย็นชายิ่งขึ้น “ส่งมา”
“เอวลีนกับฉันจะกลับเมืองเอฟสัปดาห์หน้า เดี๋ยวหาคนส่งแหวนคืนให้นายแล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชัดเจนเลยว่าเฟลิเป้ไม่ต้องการคืนแหวนให้ในตอนนี้
เจเรมี่หน้าบึ้งตึง ในขณะที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าไปคว้าคอเสื้อเฟลิเป้ เขาได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจากระยะไกล
“เอวลีนกลับมาแล้ว” เจเรมี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ พลางยิ้มไปยังเจเรมี่ซึ่งตอนนี้ท่าทีของเขาเปลี่ยนรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“นายควรจะไปยืนหลบอยู่หลังต้นไม้และอย่าปรากฏตัวให้เอวลีนเห็น อ๋อ อีกอย่าง แหวนหายไปแล้วล่ะ คิดว่านายคงไม่อยากจะทำให้เอวลีนเสียใจหรอก ใช่ไหม?
น้ำเสียงของเฟลิเป้เหมือนกับหมาหยอกไก่ เขายิ้มและหันหลังไป เก็บแหวนแต่งงานของเจเรมี่ใส่ในกระเป๋า และเดินไปหารถที่กำลังใกล้เข้ามา
หลังจากรถหยุดนิ่ง เฟลิเป้เปิดประตูให้กับเอวลีนราวกับสุภาพบุรุษ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาและอ่อนโยน
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“เฟลิเป้” เมเดลีนยิ้มและพยักหน้า เจเรมี่ที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ได้ยินเสียงเธอทำให้เขานึกถึงวันคืนที่มีเธออยู่ ความรู้สึกอันหอมหวานเข้ามาหล่อเลี้ยงหัวใจ แม้ว่าเธอจะเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นอยู่ก็ตาม
“ลินนี่” เจเรมี่ยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แต่อย่างไรก็ตามเขาได้ยินเมเดลีนเรียกชื่ออีกคนหนึ่งอย่างอ่อนโยน “ลิลลี่ พวกเรามาถึงบ้านคุณยายแล้วนะลูก”
ลิลลี่? เจเรมี่มึนงงไปชั่วครู่เมื่อรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
ในขณะที่เสียงเรียกของเมเดลีนดังขึ้นนั้น ใบหน้าที่น่ารักและสวยงามปรากฏตัว และเดินลงมาจากรถราวกับนางฟ้าตัวน้อย
เมื่อลิลลี่เห็นเฟลิเป้ ใบหน้าสีชมพูอันอ่อนนุ่มเต็มไปด้วยความสุข “พ่อคะ!”
“ลิลลี่นางฟ้าคนดีของพ่อ” เฟลิเป้ก้มตัวลงไปกอดลิลลี่ จากนั้นเขาหันหลังและเดินเคียงคู่กับเมเดลีนเข้าคฤหาสน์วิทแมนไป
เจเรมี่ที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้สัมผัสได้ถึงฝีเท้าของเมเดลีนกำลังเข้ามา สายลมของฤดูใบไม้ร่วงพัดพากลิ่นหอมที่คุ้นเคยมาแตะปลายจมูกเขา
นี่มันกลิ่นของเมเดลีน
เจเรมี่ใจเต้นแรงขึ้น เมื่อได้ยินเสียงอันอ่อนหวานของเมเดลีนอีกครั้ง และมีโอกาสได้ใกล้เธออีกครั้ง… เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขามีความสุขมากแค่ไหน
แต่ตอนที่ลิลลี่เรียกเฟลิเป้ว่า ‘พ่อ’ ราวกับว่ามีดอกโป๊ยเซียนซึ่งมีหนามแหลมนับพันเบ่งบานในหัวใจเขา
เขายังคงเชื่ออย่างสนิทใจว่าลิลลี่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขากับเมเดลีน
อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้ว ผลปรากฏว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมเดลีนยังยืนยันว่าลิลลี่เป็นลูกของเธอกับเฟลิเป้