บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 661
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 661
เมื่อมองดูใบหน้าที่สับสนของเมเดลีน เอโลอิสจึงจับมือเธอขึ้นมาอย่างรักใคร่ “ทำไมลูกฉันถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้นะ เหตุผลง่าย ๆ เพราะว่าเขารักลูกยังไงล่ะ”
‘เพราะว่าเขารักเธอ’
คำพูดที่เข้ามาในโสตประสาทของเธอเป็นดั่งเข็มนับพันที่ทิ่มแทงหัวใจเธอ
“เมื่อสามเดือนก่อน ก่อยหน้าวันที่ลูกจะเดินทางออกจากเกลนเดลไป แม่ไปหาเจเรมี่มา” เอโลอิสนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น “แม่บอกกับเขาว่าลูกจะขึ้นเครื่องบิน ย้ายไปอยู่เมืองเอฟกับเฟลิเป้ในวันถัดไป และหวังไว้ในใจว่าเขาจะไปหยุดลูก แต่เขาบอกกับแม่ว่า การที่ไม่เข้าไปกวนใจ หรือทำให้ชีวิตลูกวุ่นวายอีกเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้ลูกได้”
ไม่มากวนใจ หรือทำให้ชีวิตเธอวุ่นวายอีก…
เมเดลีนคิดทบทวนถึงคำเหล่านั้นขณะที่เข้าใจขึ้นมาทีละน้อย ว่าทำไมเจเรมี่ถึงแสดงท่าทีห่างเหินกับเธอแบบนั้น
เขาตั้งใจทำเองอย่างนั้นเหรอ?
ตั้งใจทำว่าเธอเป็นคนแปลกหน้า ปฏิบัติตัวกับเธอย่างเย็นชา และบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ใครก็ตามบอกเธอถึงเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บหนักเพราะว่าเข้าไปช่วยชีวิตเธอ เพื่อที่จะได้ไม่เข้ามากวนใจเธออีก อย่างนั้นเหรอ?
“แม่ไม่รู้ว่าใครสักคนหนึ่งจะรักอีกคนหนึ่งมากมายขนาดไหนถึงทำเรื่องพวกนี้ได้ แต่แม่คิดว่าเจเรมี่คือคนคนนั้นนะ” เอโลอิสถอนหายใจอย่างเงียบเชียบ ขณะเหลือบตาขึ้นมามองท่าทีที่เปลี่ยนไปของเมเดลีน
ความจริงแล้ว เธอสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าเมเดลีนห่วงใยเจเรมี่อยู่เหมือนกัน
ตอนนี้ที่เมเดลีนไม่ได้เดินทางไปเพราะว่าเจเรมี่ แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้แล้ว
…
เมเดลีนอาศัยอยู่ที่เมืองเกลนเดลอีกครั้ง ดังนั้น แน่นอนว่าเฟลิเป้ก็ต้องอยู่ด้วยเช่นกัน
ขณะที่กลับมาที่วิลล่า เฟลิเป้ได้รับข้อความมาจากเฟลิซิตี้ว่าเธอเจอเมเดลีนอยู่หน้าบ้านของเจเรมี่เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเจเรมี่ตั้งใจหลบหน้าเมเดลีนอยู่ แต่เขากลับรู้ได้อีกอย่างว่าเมเดลีนยังรู้สึกห่วงใยเจเรมี่อยู่เหมือนกัน
เฟลิเป้มองไปยังลิเลียนซึ่งนั่งเล่นอยู่ข้างกาย ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มขึ้น
“ลิเลียน”
“คะ คุณพ่อ”
“เด็กดีของพ่อ” เฟลิเป้ยิ้มและลูบหัวลิลลี่อย่างรักใคร่ รอยยิ้มที่มีเล่ห์เหลี่ยมปรากฏขึ้นในดวงตานกฟีนิกซ์ของเขา
ดูเหมือนว่าจะต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้วสินะ
ตกดึก
เจเรมี่นั่งอยู่คนเดียวในห้อง กำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
เมเดลีนปรากฏตัวขณะที่เขาไม่ได้ระวังตัวเลย
เขาฝืนยิ้มและแสร้งทำว่าสบายและไม่เป็นไร แต่กลับไม่กล้าหันกลับไปในตอนที่เรียกเธอว่า ‘คุณมอนต์โกเมรี’
เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาเพียงเอื้อมมือ แต่ดูเหมือนกับเธอนั้นอยู่ไกลออกไปและต้องข้ามเขาข้ามทะเลถึงจะได้เจอ
เขาสัมผัสแหวนแต่งงานที่นิ้วนางอย่างเบามือเพื่อปลอบประโลมตนเอง
ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายสั่น จากนั้นเขาใส่หูฟังบลูทูธเพื่อกดรับสาย
น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นจากปลายสาย “คุณวิทแมนคะ พรุ่งนี้ตอน 7 โมงเช้า ฉันคิดว่าเป็นเวลาเหมาะสมกับการเข้ารักษาทางจิตนะคะ ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเข้ารับการรักษาได้ในเวลาดังกล่าวนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ” เจเรมี่ตอบกลับอย่างเย็นชาและวางสายไป
เขาเหลือบขึ้นไปมองด้านบนด้วยสายตาอันมืดบอด มีเพียงแค่ใบหน้าของเมเดลีนเท่านั้นที่ส่องสว่างชัดเจนอยู่ในส่วนลึกของหลุมดำมืดนั้น
เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ทั้งคืน
เย็นวันต่อมา เมเดลีนขับรถมายังวิลล่า
ขณะที่กำลังเดินเข้ามา เธอเจอกับคาเลนที่เดินสวนออกมาโดยบังเอิญ
สีหน้าของคาเลนแสดงออกถึงความไม่พอใจทันทีที่เห็นหน้าเมเดลีน เธอใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรกล่าวทักทายเมเดลีน “เมเดลีน มาที่นี่ทำไม? แค่นี้ยังทำให้เจเรมี่เจ็บตัวไม่พอรึไง? ก่อนที่แกจะมีความสุขได้ แกต้องทำให้ครอบครัวเราไม่เป็นสุขก่อนใช่ไหม?”
เมเดลีนไม่ต้องการที่จะโต้เถียงกับคาเลนมากนัก เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ฉันมาหาเจเรมี่เพราะว่ามีบางอย่างอยากจะคุยด้วย”
“ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยทั้งนั้น!” คาเลนปฏิเสธ “การที่เจเรมี่ต้องมาตาบอดก็เพราะแก แล้วแกยังหน้าด้านไม่ปล่อยเขาไปอีกเหรอ? เมื่อไหร่แกถึงจะพอใจสักที?