บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 675
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 675
ขณะที่เมเดลีนกำลังวิ่งไปยังตรงนั้น ความทรงจำที่ควบคุมไม่ได้ก็ไหลทะลักออกมา
เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอเดินไปบนถนนและตามหลังเจเรมี่ไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เดินย่ำไปตามรอยที่เขาเดินด้วยความสนุกสนาน
นั่นเป็นปีแรกที่เธอก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเกลนเดล และชนชายหนุ่มที่สง่างาม หล่อเหลาและอ่อนโยนคนนี้
เธอขอโทษเขาด้วยความเขินอาย และเขาตอบกลับเธอมาว่าไม่เป็นอะไร
สายตาที่มีรอยยิ้มและอ่อนโยนของเขาตอนนั้นชัดเจนขึ้นมาในจิตใจของเธอ
เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือเจเรมี่
เมเดลีนมั่นใจว่านี่คือความทรงจำในอดีตของเธอ และไม่มั่นใจว่าทำไมเธอถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ในเวลาแบบนี้
เธอวิ่งไปข้างหน้าอย่างเป็นกังวล คำพูดที่เธอเคยได้ยินยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
ชายหนุ่มตาบอดคนหนึ่งโดนรถชน ผู้ชายคนนั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด และไม่น่าจะรอด
หัวใจของเธอราวกับว่าถูกบางอย่างบีบเอาไว้แน่น หัวใจเธอยังคงเต้นอยู่แต่รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
ในค่ำคืนแห่งหมอกควันและฝนตกโปรยปรายแบบนี้ ในที่สุดเมเดลีนก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุตรงสี่แยกด้านหน้า
ภาพเหตุการณ์ที่เลือดนองเต็มไปหมดตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก ในขณะที่อะดรีนาลีนจากแอลกอฮอล์ทำให้หัวใจเธอสูบฉีดแรงขึ้น
เมเดลีนรีบก้าวเท้าไปในทันที ความวิตกกังวลที่แผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจทำให้เธอมองไม่เห็นสิ่งรอบตัวตรงหน้าเลย เธอจดจ่ออยู่กับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
ด้วยความรีบร้อน เธอชนเข้ากับใครบางคนที่มีกลิ่นหอมบาง ๆ ลอยมาเตะจมูกเธอ อย่างไรก็ตามเธอไม่ทันได้สังเกต
“ขอโทษค่ะ” เธอรีบเอ่ยคำขอโทษและรีบวิ่งไปดู อย่างไรก็ตาม มีใครคนหนึ่งรั้งเอวของเธอเอาไว้แน่น
เมเดลีนคิดว่าคนที่เธอวิ่งชนก่อนหน้าไม่ยอมปล่อยเธอไป แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเธอก็สะท้อนภาพใบหน้าที่เธอต้องการจะเห็นมากที่สุดในตอนนั้น
“เจเรมี่?!”
เธอมองเขาด้วยความตกตะลึงในขณะที่น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาอย่างควบคุมไม่ได้
กลับกลายเป็นว่าเขาไม่เป็นไร
“ผมเอง” เจเรมี่โอบเอวเมเดลีนไว้แน่น “ทำไมเสียงคุณฟังดูกังวลขนาดนั้นล่ะ? นี่คุณคิดว่าคนที่โดนรถชนคือผมอย่างนั้นเหรอ?”
เมเดลีนชะงักไป และใช้เวลาชั่วครู่เรียกสติของเธอคืนมา เธอมองไปยังชายตรงอย่างมีสติ
เขาแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาและกางร่มอยู่ แม้ว่าจะตาบอด แต่ความสง่างามที่ออกมาจากภายในยังคงอยู่
เมื่อสังเกตว่าเมเดลีนไม่ได้ตอบกลับอะไรมา เจเรมี่จึงเข้าไปใกล้เธอในขณะที่ขมวดคิ้วคู่งามของเขาเป็นปม เขาพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “ลินนี่ คุณไปดื่มมาเหรอ?”
เมเดลีนรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขวานผ่าซาก “ทำไมไม่เรียกฉันว่าคุณมอนต์โกเมอรี?”
“…”
เจเรมี่กำร่มในมือแน่นขึ้น ทันใดนั้นเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับว่าหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ “ก็ได้ ถ้างั้น คุณมอนต์โกเมอรีครับ คุณไปดื่มมาเหรอครับ?”
เมื่อเมเดลีนได้ยินว่าเขาเปลี่ยนวิธีกาเรียกเธอไป ใบหน้าที่แดงก่ำจากฤทธิ์น้ำเมาเผยรอยยิ้มเชิงถากถางออกมา “คุณวิทแมน ทำไมคุณถึงต้องห่วงใยภรรยาเก่าของตัวเองมากขึ้นด้วยล่ะคะ?”
เจเรมี่แสดงท่าทีเมินเฉยและยังคงเปลี่ยนวิธีเรียกอยู่ “คุณมอนต์โกเมอรีครับ คุณเป็นคนเรียกผมออกมาที่นี่เอง แล้วคุณต้องการจะบอกเรื่องอะไรกับผมเหรอครับ?”
จังหวะการเต้นของหัวใจเมเดลีนเริ่มคงที่ แต่อะดรีนาลีนยังคงพลุ่งพล่านอยู่ เธอยื่นหน้าออกไปในขณะที่เผยรอยยิ้มบนแก้มสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “เจเรมี่ คุณรักฉันไหม?”
เจเรมี่ไม่ทันตั้งตัวกับคำถามที่เมเดลีนยิงตรงมาหาเขา เขาตกใจเป็นอย่างมาก
ตำรวจจราจรเดินทางมาถึงหลังจากนั้นและจัดการเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ฝูนชนเริ่มกระจายตัวออกไป และหลังจากนั้นก็เหมือนกับว่าเหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนอยู่บนโลกใบนี้
เจเรมี่ที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เผยรอยยิ้มและตอบเธอ “ผมไม่ได้รักคุณอีกแล้ว”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าหมองในขณะที่แต่ละคำนั้นกระชับและชัดเจน เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาโดยปราศจากความเจ็บปวดหรือความไม่สบายใจเลย ดวงตาอันมืดบอดของเขาทำให้เขาดูเย็นชามากยิ่งขึ้น
“อ๋อ สรุปว่าคุณไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้วสินะ คุณวิทแมน” เมเดลีนกล่าวซ้ำคำของเขา “ถ้าคุณไม่ได้รักฉันแล้วจริง ๆ ทำไมแฟนใหม่ของคุณถึงได้เหมือนฉันขนาดนั้นล่ะ?”