บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 690
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 690
ไม่ว่าเมเดลีนจะดิ้นอย่างไร เธอก็ไม่สามารถป้องกันตัวจากชายกล้ามโตสองคนได้ มือของเธอถูกล็อค ทำให้เธอเคลื่อนไปไหนได้ยาก
“เธอทำให้ฉันโกรธจริง ๆ เมเดลีน! เธอทำเหมือนกับว่าเธอมองทุกอย่างออกตลอด งั้นเธอรู้ไหมว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับเธอ?”
อีวอนกัดฟันแน่นและจ้องมองอย่างดุดัน
“แกทั้งสองคนไปฉีกเสื้อผ้าของมันออกซะ ฉันต้องการอัปโหลดภาพที่แย่ที่สุดของนางแพศยานี่บนเน็ต และให้ทุกคนเป็นเกียรติที่จะได้เห็นหญิงสาวแห่งตระกูลมอนต์โกเมอรีถูกคนอื่นข่มขืน!”
ชายทั้งสองแสดงสีหน้าชั่วร้ายหลังจากได้ยินคำสั่งของเธอ
พวกเขาคว้าตัวเมเดลีน และในนาทีสุดท้ายขณะที่พวกเขายื่นมือไปหาเมเดลีน ประตูก็ถูกถีบเปิดออก
เมเดลีนเงยหน้าขึ้นและเห็นโครงร่างของเจเรมี่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว แต่ดวงตาของเขาก็ยังฉายแววเฉียบคม
ในตอนนั้นเมเดลีนสัมผัสถึงความรู้สึกปลอดภัยที่สูบฉีดเข้ามาในตัวเธอ
“พะ… พี่…” อีวอนพูดติดอ่าง
“ฉันอยู่นี่ เจเรมี่” เมเดลีนส่งเสียงเรียกเขา
เจเรมี่ตามเสียงนั้นไปในทันที แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกังวลของเมเดลีน “ระวัง!”
เขาหยุดและคว้ามือของชายที่กำลังซุ่มโจมตีเขาเอาไว้อย่างแม่นยำ
เจเรมี่เผยสายตาคู่หนึ่งที่ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเพิ่มความแรงของกำมือของเขา “ในโลกนี้ มีเพียงฉันเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เห็นร่างของลินนี่!”
เขาพูดด้วยคำพูดที่แสนเย็นชา ก่อนที่จะเตะชายคนข้างหน้าเขาและผลักเขาลอยหวือออกไป
เมเดลีนมองไปที่เจเรมี่ คำพูดของเขาพุ่งตรงไปที่หัวใจของเธอ ทำให้แก้มของเธอรู้สึกอุ่นขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“ไปกันเถอะ เร็ว” อีวอนพยายามวิ่งหนี เธอรู้ว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยกับเธอ ในเวลาเดียวกัน เธอก็หยิบเอากระเป๋าเงินไปด้วย
ชายคนที่โดนเจเรมี่เตะก็รีบลุกขึ้นยืนและวิ่งหนีไป
เมเดลีนและเจเรมี่ ต้องการไล่ตามพวกเขา แต่ทั้งคู่ต่างก็กังวล
เมเดลีนกังวล เพราะว่าเจเรมี่มองไม่เห็นอะไรเลย
เจเรมี่ก็กังวลว่าเมเดลีนจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
แม้ว่าอาชญากรจะหลบหนีไปได้ แต่พวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เมเดลีนพาเจเรมี่ไปที่บันได จากนั้นก็เห็นคาเลนและวินส์สันอยู่ข้างหน้า เมื่อพวกเขากำลังจะรวมตัว รถตู้ก็ขับพุ่งตรงไปหาพวกเขาจากด้านข้าง ไฟของรถตู้เปิดอยู่และมันส่องสว่างมากจนเมเดลีนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
เธอเห็นรถตู้พุ่งตรงมาทางพวกเขา จากนั้นจิตใต้สำนึกของเธอก็ผลักเจเรมี่ที่ตาบอดออกไป ขณะที่รถตู้จอดเทียบและฉุดกระชากเธอเข้าไปในรถ
“ลินนี่? ลินนี่!”
เจเรมี่ค้นหาเมเดลีนผ่านความมืดมิด แต่รถตู้ก็ได้ขับออกไปแล้ว
วินส์ตันรีบขับรถไปจอดหน้าเจเรมี่ “เร็วเข้า ขึ้นรถมาเจเรมี่!”
คาเลนรีบพยุงเจเรมี่ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
หลังจากไล่ตามรถตู้จากด้านหลังมาระยะหนึ่งแล้ว วินส์ตันสังเกตเห็นว่ารถตู้จอดอยู่ข้างหน้าพวกเขาไม่ไกล ‘ดูเหมือนว่ารถตู้จะเสียนะ’
เจเรมี่ลงจากรถแล้วตามเสียงเอี๊ยดอ๊าดไป วินส์ตันต้องการหยุดเขา แต่ก็สายเกินไปแล้ว
“ลินนี่! ลินนี่!”
เขาตะโกนชื่อเมเดลีนอย่างบ้าคลั่ง แต่คำตอบเดียวที่เขาได้รับคือเสียงของกิ่งไม้ที่พริ้วไหวเพราะสายลม
เมเดลีนลดความระมัดระวังลงครู่หนึ่งและอีวอนฉวยโอกาสนี้ผลักเธอไปจนสุดทางลาดชัน
“เมเดลีน ทำไมเธอถึงได้ยืนกรานที่จะต่อต้านฉันนักนะ! เธอได้ลูกพี่ลูกน้องของฉันไปแล้ว และนี่ยังมาขัดขวางฉันไม่ให้รวยอีก ตอนนี้เธอยังจะมาลงมือช่วยป้าโง่ ๆ ของฉันอยู่อีก! ก็ดี เนื่องจากเธอเป็นคนมีคุณธรรมมาก งั้นฉันควรจะส่งเธอไปยังโลกอื่นซะ!”
“ลินนี่!”
ในขณะที่อีวอนกำลังจะเคลื่อนไหว เธอก็ได้ยินเสียงของเจเรมี่
เธอไม่ลังเลอีกต่อไป เธอรู้ว่าคนเลวมักจะจบลงด้วยการตาย เพราะพวกเขาพูดมากเกินไป เธอจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ ทั้งหมดที่เธอต้องการทำในตอนนั้นคือฆ่าเมเดลีนซะ!
ท่ามกลางความว่างเปล่าที่รายล้อม เจเรมี่ได้ยินคำพูดที่โหดร้ายของอีวอน สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับเมเดลีน
อาศัยการได้ยินและประสาทสัมผัสอื่น ๆ เจเรมี่จึงรีบวิ่งไปยังที่ที่เมเดลีนอยู่
การเดินทางเพียงระยะสั้น ๆ นั้นดูเหมือนยาวไกลมากสำหรับเขา
หัวใจของเขาสั่นรัวอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป
สายลมยามค่ำคืนกระทบหูของเขา ขณะที่เจเรมี่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง “ลินนี่ รอผมก่อนนะ คุณต้องรอผมก่อนนะ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง เขารู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบว่างเปล่าและมีแค่เมเดลีน เท่านั้นที่ครอบครองมันไว้
เขาอยากจะจับมือเธอไว้ไม่ปล่อยให้เธอไป เขาไม่อยากให้เธอไปจากโลกเขา
เจเรมี่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาว่าเมเดลีนอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีแสงแวบปรากฏขึ้นในความมืดต่อหน้าเขา ลำแสงนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น และในที่สุด ใบหน้าของเมเดลีนก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในลูกตาของเขา
“ลินนี่…”