บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 696
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 696
เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเป็นห่วงเขามากแค่ไหน
เจเรมี่เหยียดริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณมาที่นี่เพียงเพื่อพบผมเหรอ?”
เมเรดิธตอบกลับ “ฉันอยากมาที่นี่ตั้งแต่สองวันก่อนแล้วล่ะ แต่ฉันไม่มีเวลาเลย วันนี้ฉันเลยมาที่นี่เพื่อมาหาคุณ นอกจากนี้ ฉันอยากบอกคุณว่าคืนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาโดยการแทรกแซงทางจิตค่ะ”
เมเรดิธพูดเสริมต่อ เมื่อเธอเห็นเจเรมี่ไม่ได้พูดอะไร “เจเรมี่ กระจกตาของคุณไม่เสียหาย ซึ่งนั่นหมายความว่าจิตใจของคุณนั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุซึ่งทำให้คุณยังมองไม่เห็น ตราบใดที่คุณก้าวข้ามสิ่งกีดขวางในหัวใจของคุณได้ คุณจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง เชื่อฉันสิ”
เจเรมี่พยักหน้าตอบ รอยยิ้มที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “คุณเป็นห่วงผมมาก ทำไมผมต้องปฏิเสธคุณด้วยล่ะ?”
เมื่อเมเรดิธเห็นว่าเจเรมี่กำลังยิ้มให้เธอ อารมณ์ที่อ้อยอิ่งอยู่ภายในหัวใจของเธอเริ่มก็เริ่มอยู่ไม่สุขมากขึ้น
เธอเฝ้ารอวันที่ทุกอย่างพร้อมอย่างวันนี้มาตลอด!
ในที่สุดเธอก็สามารถเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ได้! ในที่สุดเธอก็สามารถนอนกับเขาได้สักที!
…
เมเดลีนมาถึงที่อยู่ซึ่งเฟลิซิตี้มอบให้ เธอเร็วยิ่งกว่าคนขับที่ถูกจ้างให้วิ่งส่งพัสดุ
หลังจากที่เฟลิซิตี้ได้รับชุดอโรมาเธอราพีแล้ว ก็เกิดประกายแสงแวววาวซึ่งเต็มไปด้วยความสุขอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเธอ
เธอขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่รู้ว่าเมเดลีนกำลังตามหลังเธออยู่
คนที่เฟลิซิตี้ต้องการพบตอนหลังจากนั้นก็คือ เจเรมี่ จริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่เมเดลีนประหลาดใจมากก็คือ เจเรมี่เต็มใจเข้าไปในรถของเฟลิซิตี้ด้วยตัวเขาเอง
เขากลับมามองเห็นแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องการรักษาโดยการแทรกแซงทางจิตวิทยาใด ๆ แต่เขายังคงเข้าไปในรถของเฟลิซิตี้
เมเดลีนตามหลังรถของเฟลิซิตี้ไป จากนั้น เธอก็พบว่าเฟลิซิตี้และเจเรมี่กำลังเดินทางไปยังโรงแรมเดียวกับที่พวกเขาไปครั้งล่าสุด
ผู้ชายและผู้หญิงจะทำอะไรกันได้อีกล่ะ ถ้ามาที่โรงแรมในเวลานี้?
เป็นไปได้ไหมที่เจเรมี่และเฟลิซิตี้กำลังออกเดทกันจริง ๆ ? หมายความว่าเฟลิซิตี้พูดความจริงงั้นเหรอ? เธอซื้อชุดอโรมาเธอราพีเพื่อให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเจเรมี่ดีขึ้น และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาอย่างงั้นเหรอ?
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เมเดลีนก็กำพวงมาลัยแน่นมากขึ้น
ถ้าพวกเขาคบกันจริง ๆ ทำไมเธอถึงควรขัดขวางในความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยล่ะ?
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ทำไมเจเรมี่ถึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอแบบนั้น?
เมเดลีนตัดสินใจสะกดรอยตามพวกเขาต่อ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เจเรมี่ก็เดินตามเมเรดิธเข้าไปในห้อง เธอขอให้เขานอนลงบนโซฟาแล้วอธิบายเรื่องการรักษาให้เขาฟัง
จากนั้นในวินาทีต่อมา เมเรดิธก็เริ่มเปลื้องผ้าต่อหน้าเจเรมี่
เจเรมี่ลดสายตาลงในขณะที่เขาไม่ได้สนใจที่จะมองเมเรดิธ
หลังจากที่เมเรดิธเปลี่ยนเป็นชุดนอนเซ็กซี่แล้ว เธอเดินไปยังฝั่งหนึ่งแล้วรินไวน์แดงสองแก้ว
เธอรู้ว่าเจเรมี่มองไม่เห็น เธอจึงใส่อะไรบางอย่างลงในแก้วไวน์อย่างไม่สนใจจะปิดบัง จากนั้นเธอก็เปิดเพลงคลอเบา ๆ ก่อนจะจุดเทียน
ควันขาวเริ่มลอยขึ้นมาจากหม้ออโรมา
กลิ่นหอมสดชื่นเติมเต็มหัวใจของพวกเขา ในขณะนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงอารมณ์ที่แสนผ่อนคลาย
เมเรดิธรู้สึกว่าชุดอโรมาเธอราพีนี้ช่างน่ามหัศจรรย์อย่างมาก เธอลืมตาที่เร่าร้อนของเธอ และจิบไวน์เบา ๆ แล้วเธอก็ยกไวน์อีกแก้วขึ้รมาพร้อมเดินเข้าไปหาเจเรมี่
เมื่อจ้องมองดูรูปร่างอันโดดเด่นและใบหน้าอันน่าทึ่งของเขา เมเรดิธก็รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้มีเสน่ห์บางอย่างที่สามารถสะกดเธอเอาไว้ได้ เธอรอไม่ไหวอีกต่อไป เพราะเธอรอคอยวันนี้มาเจ็ดปีแล้ว!
“เรามาเริ่มการรักษากันเลยไหม?” เจเรมี่เงยหน้าขึ้นถาม
เมเรดิธเข้าใกล้เขามากขึ้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ “เจเรมี่ดื่มไวน์หน่อย ไวน์จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและคุณจะเข้าถึงอารมณ์เร็วขึ้นแบบนี้” เธอจงใจหรี่เสียงลงเพื่อทำให้ตัวเองดูมีเสน่ห์มากขึ้น
เมเรดิธรู้สึกปลาบปลื้มใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอมองไปที่เจเรมี่
เมเดลีนสะกดรอยตามพวกเขาเข้ามา และเมื่อเธอเดินผ่านห้องของพวกเขาไปโดยบังเอิญ เธอก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ของเฟลิซิตี้ดังมาจากด้านหลังของประตู
เธอหันกลับมาและพบว่าประตูไม่ได้ปิดสนิทแต่อย่างใด มีคีย์การ์ดติดอยู่ที่ขอบประตู นั่นเป็นสาเหตุที่ประตูปิดไม่สนิท
เมเดลีนผลักประตูออกอย่างเงียบ ๆ และได้กลิ่นที่แสนคุ้นเคยมันคือกลิ่นอายของชุดอโรมาเธอราพี
เธอมองเข้าไปในห้องและเห็นเฟลิซิตี้สวมชุดนอนบาง ๆ กำลังพยายามพิงที่หน้าอกของเจเรมี่
เธอไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักกัน เมเดลีนรู้สึกเหมือนตัวตลกเพราะเธอกังวลว่าเจเรมี่อาจจะถูกเฟลิซิตี้หลอกได้
เมเดลีนหันหลังเดินจากไป กระทั่งวินาทีต่อจากนั้น การกระทำของเจเรมี่ก็ทำให้เธอถึงกับอึ้ง