บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 701
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 701
เมเรดิธเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน มีมีร่องรอยของความเหยียดหยามเผยออกมาในแววตาเธอ “เธอก็แค่นักปรุงน้ำหอมไม่ใช่หรือไง?”
“ฮึ” เฟลิเป้มองเมเรดิธด้วยสายตารังเกียจ “เอวลีน คือ เนล”
“อะ อะไรนะ?” ดวงตาของเมเรดิธเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อ “มะ เมเดลีน เป็นนักปรุงน้ำหอมคนนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะรู้วิธีผสมน้ำหอม…”
เฟลิเป้มองเธอจากหางตา “เธอประเมินความสามารถของตัวเอวสูงเกินไป”
“…”
เมเรดิธจ้องมองเหม่อไปข้างหน้าด้วยความว่างเปล่า เธอพูดไม่ออก
เธอคิดว่าเธอวางแผนสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ในท้ายที่สุดเธอก็เป็นคนที่ตกลงไปในกับดักซะก่อน
เมเดลีน คือ เนล นักปรุงน้ำหอม งั้นก็แปลว่าในช่วงเวลา 3 ปี ที่เจเรมี่มีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เขาต้องพึ่งชุดอโรมาเธอราพีของเมเดลีนช่วยในการนอนหลับอย่างนั้นสิ
เธอไม่คิดว่าเจเรมี่และเมเดลีนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนไม่อาจหยุดยั้งได้
เมเรดิธกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ จากนั้นเธอก็ได้ยินคำเตือนของเฟลิเป้ดังมาจากข้างบนหัวของเธอ “หยุดแหย่เอวลีนได้แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสของคนตาบอดดู”
“…”
รูม่านตาของเมเรดิธหดเข้า และเธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เคลื่อนจากฝ่าเท้าไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
หลังจากเฟลิเป้กลับไปที่ห้องทำงาน เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการทำความเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเกลนเดลระหว่างช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่สามารถยอมรับที่เจเรมี่จูบกับเมเดลีนในรถได้
วันรุ่งขึ้น เขาออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และขับรถไปที่คฤหาสน์วิทแมน
เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นเจเรมี่เข็นผู้อาวุโสออกจากห้องของเขาอย่างสบายใจ
ดวงตาของเฟลิเป้มืดลง เขาเดินเข้าไปพร้อมกับหัวเราะ “คนตาบอดเข็นคนง่อย น่าสนใจดีเนอะ”
เจเรมี่ได้ยินอย่างนั้นก็หยุดเดิน ท่านปู่มีท่าทางโมโหมากเมื่อเห็นเฟลิเป้ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เฟลิเป้ แก… อย่าทำอะไรโง่ ๆ การตายของพ่อแม่แกมันไม่ใช่อย่างที่แกคิด ฉัน…”
“หุบปาก” เฟลิเป้ขัดจังหวะท่านผู้อาวุโสด้วยสายตาอันเยือกเย็น “คุณไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อแม่ของผม ไอ้ฆาตกร”
“เฟลิเป้ พ่อแม่ของนายเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณปู่” เจเรมี่อธิบายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าเฟลิเป้
“นั่นเป็นชีวิตของคนสองคนเลยนะ และคุณพยายามทำตัวให้ห่างจากเรื่องนี้ โดยบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุงั้นสิ นี่คุณคิดว่าผมจะเชื่อหรือไง?” เฟลิเป้ถอนหายใจ จากนั้น เขามองมาที่เจเรมี่อย่างยั่วยุ “วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อมาหานาย”
เจเรมี่รับรู้และบอกให้ผู้ดูแลพาคุณปู่กลับไปที่ห้องของเขา
ผู้อาวุโสวิทแมนกังวลมากและบอกเจเรมี่ให้คอยระวังตัวและระแวดระวัง
เฟลิเป้ไม่รู้ว่าเจเรมี่กลับมามองเห็นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินไปหาเจเรมี่และหรี่สายตาลง
“นายจำสิ่งที่ฉันบอกนายครั้งล่าสุดได้ไหม นายมันเป็นแค่อดีต เหมาะที่จะออกไปจากชีวิต และความทรงจำของเมเดลีนได้แล้ว ไม่ต้องมาให้เธอเห็นหน้าอีก แต่ดูเหมือนว่านายคงจะลืมทุกอย่างไปแล้วสินะ”
เจเรมี่เย้ยเขาหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของเขาดูสงบแต่เย็นชา “ฉันยังบอกด้วยว่าถ้านายไม่สามารถมอบความสุขที่ลินนี่ต้องการได้ ฉันจะเอาเธอคืนมาจากนาย แม้ว่าฉันจะตาบอดก็ตาม”
“ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของฉันคือ การช่วยชีวิตลินนี่ขึ้นจากทะเลในวันนั้นและมอบเธอให้กับนาย หลังจากนั้นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงครั้งที่สองที่ฉันทำ คือ แกล้งทำเป็นไม่รักเธอ เมินเฉยใส่เธอจนสำเร็จ” เขาพูดพร้อมแววตาเฉียบขาดซึ่งปรากฏในดวงตาของเขา “เฟลิเป้ ฉันจะไม่ยอมยกเธอให้นายง่าย ๆ อีกแล้ว”
แววตาอันเยือกเย็นเผยขึ้นในดวงตาของเฟลิเป้หลังจากที่เขาได้ยินเช่นนั้น “เจเรมี่…” เขาข่มตัวเองไว้และถามออกมาอย่างช้า ๆ “นายแน่ใจเหรอ?”
เจเรมี่โต้ตอบโดยไม่ลังเลว่า “ฉันแน่ใจ เว้นแต่ลินนี่จะบอกฉันด้วยตัวเอง ว่าเธอไม่ต้องการจะเจอฉันอีก”
เฟลิเป้หัวเราะ “ได้ ฉันจะทำให้นายสำเร็จความปรารถนาเหล่านั้น ฉันจะทำให้เมเดลีนพูดแบบนั้นกับนายเอง” เขาพูดอย่างมั่นใจจากนั้นเมื่อเขาหันหลังกลับ เขาก็หยุดชะงักและรู้สึกว่าใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
เมเดลีนกำลังยืนอยู่เงียบ ๆ ที่ประตู
เฟลิเป้ไม่รู้ว่าเมเดลีนได้ยินมากแค่ไหน แต่จากสีหน้าของเธอ เขารู้ว่าเธอได้ยินบางสิ่งที่อาจจะไม่ดีต่อเขาแน่
แต่ถึงอย่างนั้นเฟลิเป้ยังคงยิ้มและเดินตรงไปหาเธอ “เอวลีน คุณมาที่นี่ทำไมกัน?”
“ฉันมาหาคุณปู่ค่ะ” เมเดลีนตอบกลับ