บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 713
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 713
เฟลิเป้ไม่เคยจูบผู้หญิงคนไหนมาก่อน
เขาไม่ได้จูบเคธี่ แม้ว่าคืนนั้นพวกเขาจะใกล้ชิดกันมากก็ตาม
เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าจูบเขาแบบนี้
ให้ตายสิ
เฟลิเป้ขมวดคิ้วแน่นพลางผลักเคธี่ออกไปอย่างไม่ลังเล
ดวงตาสีดำขลับราวกับหินนิลของเขาส่องประกาย แต่มันกลับมองไปยังหญิงสาวที่ยืนสั่นกลัวคนนั้นอย่างอาฆาตแค้น
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ ว่าให้อยู่ให้ห่างฉันเอาไว้”
เคธี่นั่งลงพลางมองตรงไปยังชายหนุ่ม เธอกะพริบตาแล้วขนตาของเธอก็เต็มไปด้วยร่องรอยของหยดน้ำตา “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ข้างกายคุณ ฉันปรารถนาที่จะเข้าใกล้คุณให้มากขึ้น แม้ว่าคุณจะร้อนรุ่มดังเปลวไฟก็ตาม”
เธอมองไปยังมือที่เปื้อนเลือดข้างนั้นและเอื้อมมือไปจับอย่างอ่อนโยน จากนั้นเธอก็พิงใบหน้าลงบนนั้นและจูบลงบนหลังมือของเขาอย่างอ่อนโยน
เฟลิเป้จ้องมองหญิงสาวที่กำลังคุกเข่าอยู่ ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอเข้ามาหา
เคธี่ตื่นตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ชวนให้หยุดหายใจของเขาเด่นชัดอยู่ต่อหน้าเธอ
ถึงกระนั้น ก่อนที่เธอจะจดจำทุกสิ่งอย่างที่กำลังเกิดขึ้นได้ เฟลิเป้ก็กดร่างเธอลงกับโต๊ะทำงานเสียแล้ว “อย่าเสียใจเพราะว่ารักฉันมากเกินไปแล้วกัน”
รอยยิ้มของปีศาจปรากฏบนใบหน้าของเขา ณ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับปีศาจเลย
เคธี่ต้องมองเขาด้วยความปีติยินดี “ไม่ค่ะ ฉันมีความสุขที่ได้เป็นของเล่นชิ้นน้อยซึ่งใช้ปรนเปรอความสุขของคุณ แม้ว่ามันจะต้องฝืนทนก็ตาม”
เฟลิเป้ผงะถอยหลังไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ความรู้สึกลุ่มหลงที่เธอมีให้เขาเกินจากที่คาดไปมาก
แต่ว่า แล้วมันจะทำไมเล่า?
ในใจของเขามีเพียงเมเดลีนเท่านั้น เธอคือผู้หญิงที่เป็นดั่งแสงสว่างนำทางเขาตอนที่เขาติดอยู่ในวงวนแห่งความมืดมิด
…
หลังจากคืนนั้น
คาเลนเห็นข่าวรายงานว่าอีวอนถูกจับกุมตัวในเช้าวันถัดมา
ข่าวรายงานเช่นกันว่า ร่างกายของอีวอนกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ไหม้เกรียมจากแรงระเบิดของรถ เพราะแบบนั้น เธอจำเป็นต้องตัดขาทั้งสองข้างทิ้ง และตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนพิการไปโดยสมบูรณ์
คาเลนเศร้าเสียใจเพราะคาดไม่ถึงว่าอีวอนจะพบกับจุดจบเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สงสารหลานสาวเธอแต่อย่างใด
เธอจะเป็นห่วงเป็นใยยัยตัวดีที่อยากจะให้เธอตายไปทำไมกัน?
จากนั้นเธอได้ข่าวรายงานว่าหญิงสาวอีกรายได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่เพียงแต่บาดเจ็บที่ศีรษะเท่านั้น เธอยังได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าจนเสียโฉม
คาเลนพลันคิดว่าเป็นเมเดลีนทันที เธอดีดตัวขึ้นและเห็นเจเรมี่เดินลงมาจากชั้นบน
“เจเรมี่ เรื่องเมื่อวานนี้…”
“ลินนี่?”
ก่อนที่จะพูดจนจบประโยค เธอเห็นเจเรมี่จ้องมองไปด้านหน้าและเรียกชื่อ ลินนี่ ออกมา
เธอหันหัวไปตามทิศทางนั้นอย่างงุนงง และเห็นเมเดลีนเดินเข้ามาจากทางประตู
คาเลนประหลาดใจ “เจเรมี่ ตะ ตาลูก… ลูกกลับมามองเห็นแล้วเหรอ?”
เจเรมี่ไม่ตอบอะไรแม่ตนเอง แต่เดินเข้าไปหาเมเดลีนพลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนแทน “ลินนี่ มาเยี่ยมผมเหรอ?”
คาเลนมองสำรวจเมเดลีนอย่างถี่ถ้วน ช่างเป็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติอะไรขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่มีบาดแผลใด ๆ บนศีรษะเลย เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บตามที่ข่าวรายงานไม่ใช่เมเดลีน เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเยี่ยมคุณหรอกนะ” เมเดลีนตอบกลับอย่างเย็นชา
ความหนาวเหน็บเข้ากัดกินหัวใจของเขา จากนั้นศีรษะน้อย ๆ น่ารักก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของเมเดลีน
“พ่อครับ!”
แจ็คสันถือช่อดอกยิปโซไว้ในมือแล้ววิ่งเข้ามาหาเจเรมี่อย่างร่าเริง
เจเรมี่รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ส่องประกายไปทั่วทั้งจิตใจอันหนาวเหน็บของเขา
เขานั่งยอง ๆ ลงสวมกอดแจ็คสัน แต่ตอนที่เอื้อมมืออกไป เขาก็ได้ไปรั้งแผลด้านหลังเอาไว้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา แต่เมเดลีนสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าคิ้วของเขาขมวดเป็นปม
เขาต้องเจ็บมากแน่
เธอครุ่นคิดไปสักพัก และพลันรู้สึกเหมือนจังหวะของหัวใจกระตุกในทันใด
“พ่อครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นแผล เป็นตรงไหนเหรอครับ? เจ็บมากไหม?” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความกังวล
เจเรมี่ยิ้มตอบ “ไม่เจ็บเลยครับ”