บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 922
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 922
เสียงกังวลของไรอันดังในหูของเธอ จากนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบขอบคุณเขา “โชคดีที่ฉันมีคุณโจนส์ ขอบคุณที่ช่วยค่ะ”
เมื่อบริกรเห็นภาพนี้ เขาก็รีบเข้ามาเพื่อขอโทษและเสนอขอยกเลิกการชำระเงินของเมเดลีน
เมเดลีนไม่ติดใจเอาความต่อ เธอกลับไปยังบริษัทหลังจากที่ขอบคุณไรอัน
หลังจากที่กลับบ้าน เมเดลีนก็เริ่มออกแบบแหวนแต่งงานอย่างจริงจัง
จากนั้นวันต่อมา เธอก็ไปยังคฤหาสน์วิทแมนแต่เช้าตรู่
ในชั่วพริบตา เจเรมี่ได้จากไปร่วมเดือนและวันนี้คือวันครอบครอบหนึ่งเดือนของการเสียชีวิตของเขา
ในตอนที่เมเดลีนก้าวผ่านประตู คาเลนก็พูดกับเธอแปลก ๆ “โอ้ ดูเหมือนว่าแกจะจำได้ว่าวันนี้คือวันอะไรใช่ไหม? แกทำเป็นแสดงให้เห็นถึงภาพความรักใคร่นี่ได้ดีจริง ๆ เลยนะ”
ญาติและเพื่อน ๆ มากมายกำลังแสดงความเคารพต่อเจเรมี่ในตอนนี้ และมีแม้กระทั่งผู้ควบคุมงานศพอยู่ด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของคาเลน พวกเขาต่างก็มองไปที่เมเดลีนด้วยความพร้อมเพรียงกัน
เมเดลีนที่ไม่อยากทะเลาะกับคาเลน เดินไปข้างหน้าเพื่อแสดงความเคารพต่อเจเรมี่อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นว่าเมเดลีนกำลังเมินเธอ ท่าทีของคาเลนก็หดหู่ไปขณะที่น้ำเสียงของเธอก็เริ่มเกรี้ยวกราดมากขึ้น “เอวลีน อย่าแกล้งทำเป็นมีความเสน่หากับเจเรมี่ที่นี่นะ หล่อนต้องการมานานแล้วนี่ที่จะให้เกิดอะไรขึ้นกับเจเรมี่น่ะ คนที่มีความสุขที่สุดในตอนที่เจเรมี่ตายคงจะเป็นหล่อนสินะ”
วินส์ตันที่เพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกได้ยินคาเลนมุ่งเป้าไปที่เมเดลีนอีกครั้งในทันทีที่เขาเข้ามาที่ประตู
เขารีบเข้าไปหยุดเธอ “คาเลน พอได้ไหม? ถ้าเอวลีนไม่รักและห่วงเจเรมี่ ทำไมเธอถึงยังอุ้มท้องลูกที่กำลังจะเกิดของเจเรมี่อย่างยากลำบากมากขนาดนี้อยู่ล่ะ?! เลิกพูดลามปามได้แล้ว!”
“ลูกของเจเรมี่อะไรกันคะ? บางทีเด็กนี่อาจจะไม่ใช่ของเจเรมี่ด้วยซ้ำ!” คำพูดของคาเลนที่โพล่งออกมานั้นไม่มีความคิดอย่างสิ้นเชิง
เมเดลีนหันหลังอย่างรวดเร็วและพูดว่า “คาเลน คุณตั้งคำถามถึงความรู้สึกของฉันต่อเจเรมี่ได้และคุณหาเรื่องฉันได้ตลอดทั้งวัน แต่ได้โปรดระวังปากไว้จะดีกว่า และอย่ามาดูถูกลูก ๆ ของฉัน”
“นี่หล่อน…”
คาเลนบุ้ยปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
จากนั้นวินส์ตันก็เริ่มหงุดหงิด “ญาติและเพื่อน ๆ มากมายก็อยู่ที่นี่ เธอมีความรู้สึกมีเหตุผลบ้างไหม? เธอรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
“แน่นอน ฉันรู้! ฉันเห็นมันด้วยซ้ำ!” คาเลนหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เธอชี้พาดหัวข่าวและโยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะกาแฟ “เอวลีน ฉันไม่ได้กล่าวหาหล่อนผิด ๆ! เจเรมี่จากไปมากกว่าหนึ่งเดือนเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็รอไม่ได้ ก่อนที่จะกอดและนัวเนียกับผู้ชายคนอื่นในที่สาธารณะ แล้วหล่อนยังจะบอกว่ารักเจเรมี่อีกงั้นรึ? นี่คือความรักของเธอต่อเจเรมี่ใช่ไหม?”
เมเดลีนก้มลงและเห็นพาดหัวข่าวเด่น [หนึ่งเดือนหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต ภรรยาของเขาก็ทิ้งตัวในอ้อมกดของชายคนใหม่อย่างมีความสุข]
ยังมีภาพแนบด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นฉากที่ไรอันกำลังโอบหลังเธอในตอนที่เธอเกือบจะล้มลงในตอนเที่ยงเมื่อวาน
จากมุมของภาพที่ถูกถ่าย พวกมันดูเหมือน ‘การกอด’ จริง ๆ
วินส์ตันยังคงเชื่อใจเมเดลีนแม้ว่าหลังจากที่เขาอ่านข่าวนั้นจบ “นี่ต้องเป็นการปลอมแปลงโดยใครบางคน ถ้าไม่ใช่ มันอาจจะเป็นความเข้าใจผิด”
“มันจะถูกปลอมแปลงได้ยังไง? ผู้ชายในรูปคือไรอัน ลูกชายคนเดียวของตระกูลโจนส์!” คาเลนมองเมเดลีนอย่างดูถูก “หึ หล่อนค่อนข้างเก่งในการหาเป้าหมายและเสนอตัวให้กับผู้ชายที่หมั้นแล้วนะ นั่นเป็นวิธีที่คุณหญิงมอนต์โกเมอรีสอนลูกสาวของเธอใช่ไหม?”
หลังจากที่คำเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนก็ซุบซิบนินทาเรื่องเมเดลีน
“เจเรมี่เพิ่งจะจากไม่ไปนานและเธอก็ทนกับความเหงาไม่ได้แล้ว”
“ฉันได้ยินคาเลนพูดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อฟังเลย”
“มันช่างโชคร้ายจริง ๆ สำหรับตระกูล”
เมเดลีนฟังการพูดให้ร้ายที่ตรงมายังเธอเอง เธอเดินเข้าไปหาคาเลนอย่างสงบและพูดว่า “ถึงคุณจะเป็นแม่ของเจเรมี่และเป็นแม่สามีของฉัน ฉันก็ไม่หวังให้คุณปฏิบัติกับลูกสะใภ้อย่างดีหรอกค่ะ แต่คุณไม่เคารพความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย คาเลน ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นในทันทีว่าข่าวซุบซิบบนอินเตอร์เน็ตเป็นการสร้างภาพขึ้นทั้งหมด ในตอนนั้น ฉันอยากให้คุณขอโทษฉันต่อหน้าสาธารณชน!”
“อะไรนะ? แกอยากให้ฉันขอโทษงั้นเหรอ?แกเป็นคนที่ก่อเรื่องจนควรจะขอโทษต่อเจเรมี่ แล้วแกกล้าดียังไงมาขอให้ฉันขอโทษ?! แกนี่มัน…”
“หยุดนะ! คุณคิดว่ายังทำตัวขายหน้าไม่พอรึไง?” วินส์ตันจับคาเลนที่กำลังวิจารณ์เมเดลีนอย่างไม่หยุดหย่อน
เมเดลีนไม่อยากทะเลาะกับคาเลนอีกต่อไป เธอออกไปหลังจากที่แสดงความเคารพต่อเจเรมี่
จู่ ๆ พายุฤดูร้อนก็พัดผ่านมา ในขณะที่รถของเมเดลีนจอดอยู่หน้าไฟแดง เธอก็จ้องแหวนแต่งงานบนนิ้วนางของเธออย่างเหม่อลอย
‘เจเรมี่ ฉันเหนื่อยมาก ฉันคิดถึงคุณมากจริง ๆ’
แววตาของเธออบอุ่น จากนั้นเธอก็มองไปนอกหน้าต่างรถ แต่การมองครั้งนี้ทำให้เธอตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
“เจเรมี่ งั้นเหรอ?”