ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 45 เงินรางวัล
ฉู่เหลียนเรียกฉีเยี่ยนและเวิ่นฉิงให้ส่งซิ่วท้ออีกสองถาดให้แก่เหล่าฮูหยินและคุณหนูที่รายล้อมโดยรอบได้ลองชิมกัน
ซิ่วท้อนี้ทำออกมาไม่ใหญ่มาก ชิ้นหนึ่งมีขนาดเท่า ๆ กับกำปั้นของเด็กทารกเท่านั้น ทั้งน่ารักและประณีต สามารถทานหมดได้ภายในสองหรือสามคำ และไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนในขณะที่ทาน
ฉีเยี่ยนถวายซิ่วท้อให้แก่องค์หญิงเล่อเหยาก่อนจะส่งให้หวงฮูหยินและเหล่าฮูหยินผู้อื่นด้านหลัง ส่วนเวิ่นฉิงนั้นถวายให้แก่องค์หญิงต้วนเจี่ยก่อน ตามด้วยหยางฮูหยินและผู้อื่น
เมื่อทุกคนได้รับซิ่วท้อแล้ว พวกนางก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คือซิ่วท้อจริง ๆ ไม่ใช่ผลท้อ
องค์หญิงต้วนเจี่ยบิซิ่วท้อนุ่มนิ่มในมือและสำรวจอย่างจริงจัง คล้ายว่าสิ่งนี้แปลกใหม่สำหรับนาง เมื่อลองดมดูก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง สิ่งนี้ไม่เพียงมีรูปลักษณ์เหมือนผลท้อ ทว่ายังมีกลิ่นที่สะอาดสดชื่นเสมือนลูกท้อจริง ๆ อีกด้วย
เหล่าสตรีถือซิ่วท้อแสนดึงดูดไว้ในมือพลางอดกลั้นมิให้ตนกัดกินเข้าไป พวกนางอยากเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นของฝาก และวางตั้งไว้ชื่นชมความสมจริงเสียทุกวัน!
องค์หญิงต้วนเจี่ยกะพริบตามอง ริมฝีปากนุ่มนวลแดงฉ่ำอ้าออก ก่อนจะกัดลงไป ความสุขสมประสมความนุ่มนวลหอมหวานของเนื้อแป้ง เมื่อกัดเข้าไปแล้วกลับยิ่งพบกับรสชาติที่ไม่คาดคิด
ก่อนที่องค์หญิงต้วนเจี่ยจะคิดออกว่าสิ่งนี้คือรสอะไร นายหญิงท่านหนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นปนสุขใจ “อา! ภายในนี้ยังมีไส้อีกด้วย! ทั้งนุ่ม หนึบและหวาน ทว่าไม่หนักจนทำให้รู้สึกเอียน”
เมื่อองค์หญิงต้วนเจี่ยมองดูใกล้ ๆ นางก็สังเกตว่าไส้นั้นทั้งนุ่มนวลและเรียบละมุนดุจเส้นไหม และมีสีเดียวกับสีของถั่วแดง หรือไส้จะทำจากถั่วแดงกัน?
เหล่าสตรีที่ได้ชิมซิ่วท้อของฉู่เหลียนต่างเงียบกริบ กระทั่งผู้ที่เคยดูถูกนางยังหลงลืมถ้อยคำเหยียดหยันไปเสียหมด ทำไมน่ะหรือ? ก็ซิ่วท้อของนางอร่อยเกินไปน่ะสิ!
องค์หญิงเล่อเหยาและหวงฮูหยินต่างกัดเข้าไปคำหนึ่ง สีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดแทบจะในทันที
แม้ในใจจะเกรี้ยวกราดเพียงใด แต่ทั้งคู่กลับทานซิ่วท้อในมือจนหมดเกลี้ยง พวกนางอดไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะโกรธเท่าใด แต่ลิ้นกลับร่ำร้องอ้อนวอนของหวานเหล่านั้น!
หยางฮูหยินทานเข้าไปคำเดียวก็พลันให้ดวงตาลุกโชน นางเป็นผู้ชื่นชอบของหวานเช่นกัน เมื่อเห็นในถาดยังเหลือซิ่วท้ออีกสองชิ้น นางก็ไม่รีรอรีบกวาดทั้งสองชิ้นมาไว้ที่ตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ทานซิ่วท้อทั้งหมดลงไปอย่างสงวนกิริยา
รอบกายหรงฮูหยินไม่มีใครฐานะสูงส่งพอจะได้ลองชิมซิ่วท้อนั้น หรงฮูหยินจึงมองเหล่าฮูหยินที่อยู่ตรงกลางด้วยความหวาดวิตก แต่เมื่อเห็นหยางฮูหยินทานซิ่วท้อสามชิ้นในรวดเดียว นางก็ผ่อนคลายลงได้ และเกิดเป็นความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาแทนที่
ตอนนี้นางกลับเริ่มเสียใจขึ้นมาบ้าง หาก…หากว่านางกล้าพอจะยืนหยัดข้างฉู่เหลียน ยามนี้นางคงสามารถยืดอกโอ้อวดได้แล้ว
คุณหนูซูลอบถอนใจก่อนจะส่งยิ้มให้ฉู่เหลียน ทีแรกนางยังคิดว่าน้องหญิงหกผู้นี้มั่นใจและหยิ่งผยองจนเกินไป ซ้ำยังหาทางสร้างชื่อเสียงโดยไม่ไตร่ตรองเสียก่อน ทว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ความคิดที่นางมีต่อฉู่เหลียนเปลี่ยนไปมากทีเดียว
นางไม่คาดว่าน้องหญิงหกจะมีพรสวรรค์ซ่อนอยู่เช่นนี้
คุณหนูหยวนบิดผ้าเช็ดหน้าในมือโดยแรง ดวงตายังคงจับจ้องเครื่องประดับบนถาดเงิน ยิ่งคิดว่าของเหล่านั้นจะตกเป็นของฉู่เหลียน ในใจยิ่งเต็มไปด้วยความริษยา!
นางเป็นลูกสาวของภรรยาคนที่สอง เมื่อเทียบฐานะกันแล้วนางย่อมต่ำต้อยกว่าฉู่เหลียนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นตั้งแต่เด็ก นางจึงพยายามแข่งกับฉู่เหลียนมาโดยตลอดในทุกเรื่องและทุกสิ่ง ซึ่งในทุกการแข่งขันที่ผ่านมา นางเป็นผู้ชนะเสมอ ทว่ายามนี้ฉู่เหลียนกลับชนะและยังได้ครอบครองถาดที่เต็มไปด้วยของมีค่าที่นางไม่อาจเทียบได้ นางจะทนเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?
เว่ยเฟิงจื่อทานซิ่วท้อในมือจนหมด ก่อนจะมองฉู่เหลียนด้วยความสนใจ เลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าว “นายหญิงสามจวนจิ่งอันทำซิ่วท้อออกมาได้อร่อยยิ่งกว่าที่คุณชายหวางร้านเต๋ออันทำจริง ๆ ”
แม้ฮูหยินทั้งหลายจะทราบผลอยู่แล้ว กลับไม่คาดว่าเว่ยเฟิงจื่อจะเป็นผู้ประกาศออกมาเช่นนี้
องค์หญิงเล่อเหยาได้ยินดังนั้น นางก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ “ท่านป้า! เหตุใดจึงเข้าข้างคนอื่นเล่า?!”
เว่ยเฟิงจื่อมององค์หญิงเล่อเหยาด้วยความเอ็นดูรักใคร่ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ และลูบผมขององค์หญิงน้อย “องค์หญิง หม่อมฉันเพียงกล่าวความจริงเท่านั้น ท่านเห็นว่าซิ่วท้อนี้ไม่อร่อยหรือ?”
องค์หญิงเล่อเหยาย่อมไม่สามารถโกหกต่อหน้าท่านป้าผู้เลี้ยงดูนางมาได้ นอกจากนั้นซิ่วท้อของฉู่เหลียนยังสามารถเอาชนะของคุณชายหวางได้ทั้งด้วยหน้าตาและรสชาติ
“อร่อย” ถึงอย่างไรองค์หญิงเล่อเหยาก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบเอ็ดปี นางตอบอย่างตรงไปตรงมาแม้ในใจจะไม่อยากยอมรับก็ตามที
เว่ยเฟิงจื่อยิ้มและหันไปหาหวงฮูหยิน
ฉู่เหลียนมองเว่ยเฟิงจื่อที่เอ่ยปากเพียงสองประโยคก็พาเอาตัวองค์หญิงเล่อเหยาออกมาจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนนั้นได้แล้ว
นางกำลังพยายามแสดงให้เห็นว่าองค์หญิงเล่อเหยานั้นเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบเอ็ดปี ไม่ว่าตอนแรกนางจะดูไม่สุภาพไปบ้าง ทว่าตอนนี้ก็ยังยอมรับว่าซิ่วท้อของฉู่เหลียนอร่อย ภาพลักษณ์ของนางจึงกลายเป็นเด็กเชื่อฟังที่รู้จักปรับปรุงตัว และลบเลือนภาพองค์หญิงผู้หยิ่งผยองเอาแต่ใจไปเสียสิ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ได้รับการกล่าวโทษที่สุดย่อมเป็นหวงฮูหยิน
ฉู่เหลียนต้องขอยอมรับว่าเว่ยเฟิงจื่อนั้นเจ้าแผนการจริง ๆ สองประโยคที่เอ่ยออกมานั้น ทั้งทำให้นางได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโจวซื่อว่าจะช่วยดูแลฉู่เหลียนให้ ทั้งยังปกป้องภาพลักษณ์ขององค์หญิงไว้ได้ การกระทำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ ทว่าเว่ยเฟิงจื่อก็สามารถทำมันออกมาได้ดีทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ฉู่เหลียนก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอยู่ดี
เว่ยเฟิงจื่อกล่าวออกมาแล้ว หวงฮูหยินจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความพ่ายแพ้
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ล้วนแต่เห็นพ้องกับรสชาติละมุนลิ้นของซิ่วท้อ เช่นนั้นแล้ว นางจะกล้ากลับคำได้อย่างไร?
“ไม่คาดว่านายหญิงสามจวนจิ่งอันจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ วันนี้ถือว่าพวกเราล้วนได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” เมื่อกล่าวดังนั้นแล้ว หวงฮูหยินก็ให้สาวใช้ข้างกายไปยกถาดเครื่องประดับมาให้ฉู่เหลียน ทว่านางกลับรู้สึกอัดอั้นในใจ กำไลไข่มุกนั้นเป็นเครื่องประดับชิ้นโปรดของนาง!
เมื่อสาวใช้ยกถาดมา สายตาของหวงฮูหยินก็หรี่มองฉู่เหลียนอย่างมีเลศนัย นั่นเป็นสายตาของการประกาศเตือนที่แจ่มชัด และสั่งมิให้รับเครื่องประดับเหล่านั้น
ทว่านายหญิงสามผู้นี้ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ก้มหน้าลง เผยให้เห็นเพียงหน้าผากนุ่มนวล และต้นคอขาวผ่อง นางยื่นมือเรียวออกมารับถาดเงินไปด้วยความเต็มใจ
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางมิได้เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย จึงไม่มีใครรู้ว่านางรับรู้ได้ถึงสายตาประกาศกร้าวความเป็นศัตรูจากหวงฮูหยินหรือไม่ หรือนางเพียงไม่ได้สนใจในสิ่งใดเลย
หวงฮูหยินขยำผ้าเช็ดหน้าในมือ นางไม่คาดว่าฉู่เหลียนจะชนะพนันไปได้
องค์หญิงเล่อเหยาทนมิได้ที่ต้องแยกจากรูปปั้นกิเลนทองคำของนาง และอยากจะเรียกของคืน ทว่าเว่ยเฟิงจื่อกลับห้ามนางไว้เสียก่อน
เมื่อหยางฮูหยินเห็นหวงฮูหยินพ่ายแพ้ ก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด
“เป็นอะไรไป หวงฮูหยินเสียดายกำไลไข่มุกนั้นหรือ?”
หวงฮูหยินเจ็บปวดเสียจนแทบกระอักเลือด แม้จะทนไม่ได้ที่ต้องสละกำไลนั้นไป ทว่าก็ยังทำท่าใจกว้าง “พูดอะไรกันหยางฮูหยิน? เพียงกำไลเท่านั้น ไม่ใช่ว่าท่านก็วางเดิมพันเป็นกำไลปะการังหรอกหรือ?”
ดวงตาของหยางฮูหยินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางยอมสละกำไลปะการังอีกหลาย ๆ ชิ้นด้วยความเต็มใจ หากได้เห็นหวงฮูหยินต้องทนกล้ำกลืนเช่นนี้
ทางฝั่งฉู่เหลียน เมื่อได้รับถาดใส่เครื่องประดับแล้ว นางก็ยิ้มอย่างสุภาพและถอนสายบัวให้ทุกคน “ขอบพระทัยองค์หญิงเล่อเหยา องค์หญิงต้วนเจี่ย ขอบคุณหวงฮูหยิน หยางฮูหยิน และเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ทุกท่านสำหรับความเมตตาที่มอบของขวัญเหล่านี้มาให้เจ้าค่ะ”
ฮ่า ๆ! นางขุดได้ทองมาเพียบเลยคราวนี้!
เมื่อมองไปและเห็นสายตาของฮูหยินหลายคนดูไม่ยินยอม รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่เหลียนก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
นางไม่ใช่คนเริ่มพนันนี่นา! ผู้อื่นเสนอสมบัติมาให้นางเอง ถ้าไม่รับไว้ก็โง่แล้ว
ผู้คนเห็นนายหญิงสามจวนจิ่งอันส่งรอยยิ้มพร้อมดวงตาเปล่งประกายมาให้ ก่อนจะส่งทั้งถาดไปให้สาวใช้เก็บเอาไว้ ฮูหยินหลายนางลอบรู้สึกเจ็บปวดจากความสูญเสีย ทั้งยังอิจฉาเสียจนเลือดซิบ
ถึงฉู่เหลียนจะรับถาดรางวัลไปโดยไม่มีทีท่าถ่อมตัว แต่ก็ไม่มีใครคิดว่านางละโมบ ฮูหยินบางคนยังมองว่านางเป็นคนจริงใจเสียด้วยซ้ำ
เมื่อฉู่เหลียนเงยหน้าขึ้น สายตานางก็สบประสานกับองค์หญิงต้วนเจี่ย แปลกนักที่พระองค์ถึงกับส่งยิ้มให้นางเช่นนี้
สาวใช้ในชุดเขียวเดินอย่างเร่งรีบมาจากด้านนอกเรือนเม่ย เมื่อถึงตัวหวงฮูหยิน นางก็คำนับทักทายก่อนจะเอ่ยถามถึงซิ่วท้อ
หยางฮูหยินได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้วชี้ไปยังถาดซิ่วท้อที่เหลืออยู่บนโต๊ะหิน “นั่นไงซิ่วท้อที่หวงฮูหยินของเจ้าเตรียมไว้ นำไปสิ”
สาวใช้มองหวงฮูหยินด้วยความแปลกใจ เจอเรื่องเช่นนี้เข้าไปหวงฮูหยินก็รู้สึกย่ำแย่นัก จึงได้โบกมือให้สาวใช้นำถาดซิ่วท้อไปยังโถงจัดงานที่เรือนนอก
สาวใช้ในชุดเขียวผู้นั้นเดินไปยังโต๊ะหิน ทันทีที่เห็นซิ่วท้องดงามสมจริง ก็จ้องมองจนดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า พอรู้สึกตัวจึงรีบนำถาดใส่กล่องและจากไปอย่างรีบร้อน
ในที่สุดงิ้วฉากนี้ก็จบลง บรรดาฮูหยินล้วนถอนใจอย่างโล่งอก อีกทั้งพวกนางยังมีเรื่องน่าสนใจกลับไปเล่าให้ครอบครัวฟังอีกด้วย!
ฉู่เหลียนคำนับทักทายหยางฮูหยินดังที่ผู้น้อยคารวะผู้ใหญ่ ก่อนจะนำสาวใช้ของนางออกจากฝูงชนไปหาที่ที่สงบ
หรงฮูหยินเห็นฉู่เหลียนเดินออกมา นางก็นำคุณหนูซูและคุณหนูหยวนมาต้อนรับ
ฉู่เหลียนย่นคิ้วเล็กน้อยและคารวะทักทายหรงฮูหยิน “พี่สะใภ้ใหญ่”
หรงฮูหยินจับมือฉู่เหลียน กล่าวอย่างกังวล “ดีใจนักที่เจ้าไม่เป็นไร เหลียนเอ๋อร์ เจ้าทำให้พี่สะใภ้ตกใจแทบตายแล้ว”
ฉู่เหลียนแกะมือตนออกจากการเกาะกุมของหรงฮูหยินอย่างสุภาพ “ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ที่เป็นห่วง”
กล่าวจบแล้ว นางก็เห็นโจวซื่อเร่งร้อนนำสาวใช้เข้ามา เมื่อเห็นฉู่เหลียน นางก็รุดเข้ามาหาโดยไว
ดวงตาของคุณหนูหยวนยังคงจับจ้องกล่องไม้ในมือฉีเยี่ยน ความละโมบก่อตัวขึ้นในส่วนลึก นางคิดจะเอ่ยปาก ทว่าฉู่เหลียนกลับขัดขึ้น
“ฮูหยินจิ่งอันซื่อจื่อตามหาข้าแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไม่พาพี่ห้าและน้องแปดเดินดูความงามรอบ ๆ จวนหน่อยเล่า?” กล่าวจบ นางก็ถอนสายบัวให้หรงฮูหยินแล้วเดินไปหาโจวซื่อ
หรงฮูหยินมองแผ่นหลังบอบบางของฉู่เหลียนที่เดินจากไป ประกายในดวงตาดูหมองหม่น ดูเหมือนเหลียนเอ๋อร์คงกล่าวโทษนางอยู่ในใจ
….
อีกฟากหนึ่งของสระบัว เจิ้งซื่อจื่อหัวเราะอย่างร่าเริง “ฮ่า! จริงหรือ? นายหญิงสามจวนจิ่งอันทำซิ่วท้อได้ดีกว่าคุณชายหวางจริง ๆ หรือ?”
“จริงขอรับเจิ้งซื่อจื่อ บ่าวยังได้ยินว่าซิ่วท้อนั้นดูสวยสดราวกับผลท้อจริง ๆ ไม่มีผิด กระทั่งกลิ่นของมันก็ยังคล้ายผลไม้ พอบิอ้าแล้วภายในยังมีไส้อีกด้วย เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน!”
เจิ้งซื่อจื่อเคยลองทานโมจิหยดน้ำของฉู่เหลียนมาก่อน เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้อธิบายก็แทบน้ำลายหก
“ดีขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?” เจิ้งซื่อจื่อยังคงถามด้วยความสงสัย
บ่าวรับใช้หัวเราะ “บ่าวได้ยินมาจากสาวใช้ในเรือนเม่ยอีกที พวกนางได้เห็นกับตาตัวเอง อีกทั้งหยางฮูหยินยังทานทีเดียวถึงสามชิ้น ต้องอร่อยมากแน่นอนขอรับ”
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816