ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 40 ความภักดีนี้เป็นของผู้ใด
ขณะที่กำลังรับประทานมื้อเย็น หลินหลันนำเรื่องที่เยี่ยซินเอ๋อร์ต้องการเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์กับนางเล่าสู่หลี่หมิงอวินให้ได้รับรู้ ทันทีที่หลี่หมิงอวินรับฟัง เขาก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ ออกมา
เจ้าช่วยพูดอะไรหน่อยสิ! หลินหลันอยากได้ยินความคิดเห็นของหลี่หมิงอวินที่มีต่อเรื่องนี้ว่าคิดอย่างไร
หลี่หมิงหวินเงยหน้ามองนาง นัยน์ตาคู่ล้ำลึกราวกับมหาสมุทรฉายเพียงความนิ่งสงบและสว่างไสว เขาไม่แสดงอาการความรู้สึกใดๆ ในระหว่างที่เอ่ยขึ้น เจ้าเองก็ได้ตอบตกลงไปแล้วนี่
จากการที่ได้คลุกคลีกันในหลายวันมานี้ หลินหลันก็พอจะรู้ถึงนิสัยใจคอของเขาอยู่บ้าง เมื่อใดที่เขามีความสุขก็จะยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย เมื่อใดที่ไม่มีความสุขก็ยังสามารถยิ้มออกมาได้เช่นกัน แต่ทว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาไร้ซึ่งการเผยสีหน้าอารมณ์ใดๆ นั่นมั่นใจไว้ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกไม่พึงพอใจ
แล้วข้าไม่ตอบตกลงได้ด้วยหรือ เช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าข้าเป็นคนแล้งน้ำใจเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังถือโจ๊กรังนกมาให้ข้าชามหนึ่งด้วย หลินหลันส่งเสียงออกแนวโวยวายเพื่อแก้ต่างให้แก่ตนเอง
หยินหลิ่วและอวี้หลงที่อยู่ด้านข้างต่างขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับโดยมิได้นัดหมาย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เสี่ยวเจี่ยะรองได้ใกล้ชิดเส้าเหยียมากขึ้นหรอกหรือ
หลี่หมิงอวินกล่าวในใจ ถึงขั้นถือโจ๊กรังนกมาให้ด้วย?
อวี้หลง เจ้าไปบอกเสี่ยวเจี่ยะรองว่าช่วงกลางวันเส้าฟูเหรินต้องอ่านหนังสือเป็นเพื่อนข้า ดังนั้นทุกวันจะมีเวลาว่างเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็คือช่วงห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม ค่อยให้นางมาเวลาดังกล่าว หลี่หมิงอวินครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยสั่งการอวี้หลง
อวี้หลงเข้าใจความหมาย การที่เส้าเหยียกำหนดเวลาอย่างชัดเจนให้แก่เสี่ยวเจี่ยะรองเช่นนี้ ก็เพื่อเมื่อถึงเวลาดังกล่าวเส้าเหยียจะได้หลบหน้าออกไป นี่คงเป็นทางออกเดียวที่พอจะทำได้
ข้าน้อยจะไปบอกกล่าวให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ อวี้หลงฉีกยิ้มแล้วเดินออกไป
หลี่หมิงอวินก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ สองวันมานี้ เขาค่อยๆ คุ้นชินในการใช้มือซ้ายกินอาหาร เพียงแต่การขยับเขยื้อนอาจจะช้าไปเสียหน่อย แต่นั่นยิ่งทำให้เห็นท่าทางที่อ่อนโยนชัดเจนยิ่งขึ้น
หยินหลิ่วมองดูเส้าเหยียที่กำลังกินแต่ข้าวเปล่า ไม่คีบตักอาหารสักอย่าง ขณะที่เส้าฟูเหรินเอาแต่นั่งหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ว่ากำลังโมโหตัวเองหรือกำลังโมโหเส้าเหยียกันแน่ จึงเข้าไปตักน้ำซุปหนึ่งถ้วยให้แก่เส้าเหยีย เส้าเหยีย ดื่มน้ำซุปสักคำเถอะเจ้าค่ะ! เส้าฟูเหริน ท่านก็ดื่มสักถ้วยนะเจ้าคะ นี่คือน้ำซุปที่ตุ๋นกับปลาตัวเล็กๆ ซึ่งเพิ่งจับได้จากแม่น้ำวันนี้เองเจ้าค่ะ รสชาติอร่อยสดใหม่อย่าบอกใครเชียวนะเจ้าคะ ขณะที่กำลังเอื้อนเอ่ยออกไปหยินหลิ่วก็จัดการตักน้ำซุปให้นายหญิงหนึ่งถ้วยด้วยเช่นกัน แล้ววางลงอย่างเบามื้อตรงเบื้องหน้าของนายหญิง
หลินหลันรู้สึกอึดอัด นางเองก็ไม่ได้อยากตอบตกลง ทว่าคนเขาไม่อายหน้าที่จะเอ่ยปากร้องขอมาเอง……
หลี่หมิงอวินเหลือบสายตามองนาง นัยน์ตาของเขาดูอ่อนโยนลง แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่เก็บเอามาใส่ใจ ตอบตกลงไปแล้วก็ช่างเถอะ อีกทั้งไม่ใช่เรื่องต้องกังวลอะไร ก็แค่เจ้าทั้งต้องช่วยข้าจดบันทึก ทั้งช่วยสอนเปี่ยวเหม่ย แล้วยังต้องคิดค้นส่วนผสมยา แค่เกรงว่าเจ้าจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้นเอง
เอ้…ข้ายังไม่ได้ดื่มเลยนะ! หลี่หมิงอวินมองนางอย่างประหลาดใจ เขาก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรนางเสียหน่อย เหตุใดจึงไม่ยอมให้ดื่มซุปนั่นเสียแล้ว
หลินหลันมุ่ยปาก สองวันนี้เจ้ากินยาจีนเข้าไป ดังนั้นรับรู้รสชาติของปลาไม่ได้หรอก
ทางด้านหยินหลิ่วเข้าใจว่าตนเองสับเพร่าไปเสียแล้ว จึงรีบร้อนกล่าวขออภัย
หลินหลันฉีกยิ้ม ครั้งหน้าจำเอาไว้ก็พอแล้ว พูดขึ้นแล้วก็ตักน้ำซุปปลาขึ้นมาชิมดู เมื่อได้ลิ้มรสสักครู่แล้ว จึงจงใจแกล้งแหย่ให้ใครบางคนให้โกรธ ด้วยการกล่าวเชยชม ซุปปลานี้ช่างอร่อยจริงๆ เดี๋ยวเจ้าช่วยกลับบอกผู้คุมกรรเชียงเรือว่า ให้นางตกปลาสดใหม่มาทุกวันจะเป็นการดีที่สุด ไม่ว่าจะนำมาตุ๋นกินหรือทอดกินก็อร่อยทั้งนั้น
เส้าฟูเหรินชอบกินปลาทว่านี่ไม่ใช่ของที่จะได้กันมาอย่างง่ายดายน่ะสิเจ้าคะ ต่อให้ผู้คุมเรือเหวี่ยงแหทุกวันก็ใช่ว่าจะได้อะไรติดขึ้นมาเช่นนี้ทุกครั้งไปนะเจ้าคะ
หยินหลิ่ว เจ้าช่วยบอกผู้คุมกรรเชียงเรือว่าช่วงนี้ข้าได้รับบาดเจ็บที่มือ กำลังต้องกินยา จึงไม่อาจรับรู้รสชาติของปลาได้ บอกนางให้รอข้าหายบาดเจ็บแล้วค่อยทำซุปปลามาใหม่ หลี่หมิงอวินคีบผักสีเขียวขึ้นมาพลางพูดอย่างเนิบๆ ขณะนั้นเองแววตาเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาที่หลุบตาลงเล็กน้อย
หลินหลันรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง เจ้านี่ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
หลี่หมิงอวินเชยสายตาขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ข้าก็แค่อยู่ใกล้หมึกจึงติดสีดำ [1] เข้าให้
หลินหลันกัดฟันอย่างโกรธเคือง เจ้าสิเป็นหมึก ทั้งท้องของเจ้าก็เต็มไปด้วยน้ำหมึก และอวัยวะภายในก็ล้วนเป็นสีดำทั้งหมดด้วย หยินหลิ่วเจ้าอย่าได้ฟังเขา ทำตามที่ข้าบอกเป็นอันพอ
หยินหลิ่วมองไปยังเส้าเหยียสลับกับมองไปยังเส้าฟูเหรินด้วยความลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อฟังผู้ใดดี
หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มเล็กน้อยขณะมองไปยังหลินหลัน ข้าคิดว่าข้าควรส่งจดหมายไปยังร้านขายยาฮู๋จี้สักฉบับ ให้บรรดาศิษย์พี่ของเจ้าส่งของขวัญเหมือนเดิมนั่นมาให้อีกชุด
หลินหลันมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันน่าสะอิดสะเอียนของเขาและการแสดงท่าทีราวกับผู้ชนะ ในใจจึงพร่ำสาปแช่งเขารัวๆ ชายหนุ่มผู้นี้ช่างกล้าใช้สิ่งนี้เพื่อคุกคามนาง ทว่านางกลัวการถูกคุกคามที่ไหนกันเล่า หลินหลันยิ้มอย่างมีอะไรแอบแฝง ก่อนจะโบกปัดมือไปทางหยินหลิ่ว เจ้าออกไปก่อน
หลี่หมิงอวินเดิมที่แค่อยากแกล้งหยอกล้อนางก็เท่านั้น ใครใช้ให้วันเวลาบนเรือมันน่าเบื่อเสียขนาดนี้ล่ะ! แต่ทันทีที่รอยยิ้มของหลินหลันปรากฏ ก็ทำให้เขารู้สึกถึงรางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
หยินหลิ่วตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้นการทีนายหญิงขอให้นางออกไปจึงช่วยให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที ไม่รีรอรีบเพ่นหนีไปจากสถานการณ์แห่งความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว
หลินหลันโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ใช่รอยยิ้ม แค่เจ้าเขียนจดหมายไป ถึงตอนนั้นคงทำให้เหล่าศิษย์พี่พากันหัวเราะเยาะกันยกใหญ่ แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าแล้วกัน
ในใจของหลี่หมิงอวินเริ่มรู้สึกเสียศูนย์ ทว่ากลับทำเป็นปากแข็งเอาไว้ มีอะไรให้น่าขำ
หลินหลันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ใช้ยาเหล่านั้น หากไม่ใช่ว่าตนเองไม่ได้เรื่อง ก็เป็นพวกบ้ากาม แล้วเจ้าคาดหวังว่าบรรดาศิษย์พี่ของข้าจะคิดว่าเจ้าเป็นประเภทไหนดีล่ะ ขณะพูดก็มองไปที่เขาด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลน
การต่อสู้กับผู้คน บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะหน้าหนากว่ากัน กับคนอย่างหลี่หมิงอวินที่หนังหน้าบางเสียเช่นนี้ แล้วยังจะมาพูดถึงยาปลุกอารมณ์ทางเพศงั้นหรือ ต่อให้เขายืมเอาความกล้ามาสิบเท่า ก็ยังไม่ทำให้เขากล้าพอด้วยซ้ำ
ใบหน้าของหลี่หมิงอวินแดงก่ำ และเป็นเขาที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ จึงก้มหน้าก้มตากินอาหารและไม่พูดออกมาอีก
หลินหลันดื่มซุปปลาอย่างผ่อนคลาย จงใจแสดงสีหน้าอารมณ์ที่แสนดื่มด่ำไปกับความเอร็ดอร่อย แล้วยังถอนหายใจขึ้นมาเป็นครั้งคราว ซุปปลานี้ช่างรสชาติอร่อยเสียจริงอ่า!
คนตรงหน้าที่เดิมหน้าแดงก่ำกลับค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำคร่ำเครียด
อวี้หลงไปยังห้องของเสี่ยวเจี่ยะรอง และได้ถ่ายทอดสิ่งที่หมิงอวินเส้าเหยียได้กล่าวไว้ โดยจงใจเน้นว่านั่นคือสิ่งที่เส้าเหยียเป็นผู้พูด
ดูเหมือนว่าเยี่ยซินเอ๋อร์จะไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มของนางยังคงอ่อนโยนเช่นเดิม รวมถึงน้ำเสียงก็ยังคงนุ่มนวล ความปรารถนาเล็กๆ ของข้ากำลังทำให้เปี่ยวเกอและพี่สะใภ้ของข้าลำบากเสียแล้ว เจ้ากลับไปบอกเส้าฟูเหรินว่าหลังจากนี้ข้าจะไปช่วงเวลาห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มเพื่อให้นางช่วยสอน
แล้วเอ่ยเรียกหลิงอวิ้นหลังจากพูดจบ แบ่งเชอร์รี่ที่เพิ่งได้มาใหม่วันนี้ออกมาครึ่งหนึ่งแล้วให้อวี้หลงนำไปให้เส้าเหยียและเส้าฟูเหรินได้ชิมตอนยังสดใหม่
หลิงอวิ้นตอบรับ ทว่าในใจกลับรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย เสี่ยวเจี่ยะตั้งแต่ออกเดินทางมาก็ทานอะไรไม่ค่อยลงมาโดยตลอด วันนี้เรือได้เข้าเทียบฝั่ง แม่ติงนึกขึ้นมาได้ว่าเสี่ยวเจี่ยะชอบกินเชอร์รี่ จึงตั้งใจสั่งให้คนขึ้นฝั่งไปตามหา จนในที่สุดก็ได้มาหนึ่งตะกร้าเล็กๆ
ได้ยินมาว่าเจ้าก็มีอาการเมาเรือเช่นกัน เดิมทีควรจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่มือของเส้าเหยียดันเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเสียได้ คงเป็นการลำบากต่อเจ้ามากจริงๆ เยี่ยซินเอ๋อร์ถอดปิ่นปักผมประดับทับทิมที่ติดอยู่บนมวยผมออกแล้วยัดมันใส่ลงไปบนมืออวี้หลง
อวี้หลงตระหนกตกใจ เสี่ยวเจี่ยะรองทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน รีบร้อนส่ายหน้าพัลวัน เสี่ยวเจี่ยะรอง อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ การรับใช้เจ้านายเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นข้ารับใช้อย่างพวกเราเจ้าค่ะ
เยี่ยซินเอ๋อร์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม แล้วเหตุใดจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้าต้องเรียนการแพทย์กับเส้าฟูเหริน วันหลังคงต้องรบกวนเจ้าอยู่ไม่น้อย หากเจ้าปฏิเสธนั่นคงแสดงให้เห็นว่าเจ้ามองข้าเป็นคนอื่นคนไกลผู้หนึ่ง
อวี้หลงลังเลใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะรับเอาปิ่นปักผมมากุมไว้ในมือแล้วแสดงท่าคาราวะ อวี้หลงขอขอบพระคุณเสี่ยวเจี่ยะรองสำหรับรางวัลชิ้นนี้เจ้าค่ะ
หลังจากอวี้หลงออกจากห้องไป ใช้เวลาครุ่นคริดอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงตรงไปยังห้องของแม่โจว
แม่โจวมองไปยังปิ่นปักผมนั้นอย่างตกตะลึงในทันทีทันใดก่อนจะเปลี่ยนไปใช้สมาธิ นี่คือของขวัญที่ท่านหญิงชราให้แก่นางเมื่อครั้งครบรอบวันคล้ายวันเกิดเมื่อตอนอายุสิบเอ็ดปีของเสี่ยวเจี่ยะรอง ทับทิมที่ฝังอยู่นั้นไม่ใช่อย่างดีที่สุด แต่ก็มีราคาไม่น้อยเช่นกัน การที่เสี่ยวเจี่ยะรองแสดงความมีน้ำใจเช่นนี้ ทำให้เห็นได้ว่านางยังไม่ยอมถอดใจง่ายๆ เรื่องการเป็นสามีภรรยาแบบปลอมๆ ของหลินหลันกับเส้าเหยียถูกปิดบังไว้อย่างแน่นหนา ผู้ที่รู้เรื่องนอกเสียจากเจ้าของเรื่องทั้งสองคน ก็มีเพียงท่านชายชราและท่านหญิงชราและนางเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวเจี่ยะรองจะรับรู้ถึงรายละเอียดส่วนนี้เข้า เสี่ยวเจี่ยะรองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือยินยอมที่จะลดทอนคุณค่าตัวเองไปเป็นมือที่สามเช่นนั้นหรือ แม่โจวส่ายหน้า เสี่ยวเจี่ยะรองแม้ดูมีนิสัยที่อ่อนโยน ทว่าความจริงแล้วนั้นมีความหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก การเข้าไปเป็นมือที่สามของผู้อื่นเช่นนั้น ต่อให้นายท่านตอบรับส่งเดชไปแล้ว เสี่ยวเจี่ยะรองก็คงไม่สามารถยอมให้ตัวเองเผชิญความไม่ยุติธรรมได้หรอก จึงอยากจะเทียบชั้นเท่าหลินหลันเช่นนั้นหรือ แม่โจวส่ายหน้าขึ้นมาอีกครั้ง การคาดเดาทั้งหมดในใจ แต่ละอย่างล้วนทำให้นางอดที่จะรู้สึกหวั่นใจไม่ได้เลย
อวี้หลงมองแม่โจวที่กำลังดูไม่สบายใจ ตอนนี้เสี่ยวเจี่ยะรองมีความคิดที่จะพึ่งพานาง นางเองเป็นเพียงแค่สาวรับใช้ผู้หนึ่งก็เท่านั้น จึงไม่สามารถเปิดเผยออกไปอย่างตรงๆ ต่อผู้เป็นนายได้ แต่ทว่านางก็จะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของผู้ใดเป็นอันขาด
เจ้าเอาเก็บไว้ก่อนแล้วกัน! ทางด้านเสี่ยวเจี่ยะรองหากมีความเคลื่อนไหวอันใด ก็รีบมารายงานทันที แม่โจวครุ่นคิดชั่วขณะแล้วยื่นปิ่นปักผมคืนให้แก่อวี้หลง
อวี้หลงเอ่ยตอบรับ ก่อนจะถามขึ้นอีก เช่นนั้น…เรื่องนี้ต้องบอกเส้าฟูเหรินหรือไม่เจ้าคะ
แม่โจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม บอกนางไว้ก็ดีเหมือนกัน หากนางเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ในใจก็คงจะพอเดาออกได้ถึงความเป็นไป อีกทั้งจะได้ไม่สงสัยระแวงใจในตัวเจ้า
อวี้หลงหลังจากได้รับคำแนะนำก็รู้สึกสบายใจขึ้น กล่าวลาแม่ของโจวแล้วถือเชอร์รี่กลับไปยังห้องของเส้าฟูเหริน
หลี่หมิงอวินหลังจากรับประทานมื้อเย็นเป็นที่เรียบร้อย จึงออกไปรับอากาศบริสุทธิ์บนดาดฟ้าบริเวณส่วนท้ายเรือ โดยมีหยินหลิ่วไปคอยให้การปรนนิบัติ ภายในห้องจึงเหลือเพียงหลินหลันซึ่งกำลังค้นคว้าตัวยาสูตรพิเศษแบบฉบับของนาง ยาเหล่านี้ นางอยากจะทำขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ว่าด้วยความยากจนจึงไม่มีเงินซื้อวัตถุดิบยา อีกทั้งยังเกรงว่าจะถูกท่านอาจารย์และบรรดาศิษย์พี่พากันเห็นต่าง ตอนนี้ค่อยดีหน่อย ด้วยความร่ำรวยของตระกูลเยี่ย เพียงแค่นางเอ่ยปากสั่งซื้อ ไม่ว่าต้องการวัตถุดิบยาอะไรก็ล้วนได้ทั้งหมดตามที่ต้องการ และเนื่องจากท่านอาจารย์และบรรดาศิษย์พี่ทั้งหลายไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย นางจึงสามารถทำการทดลองได้เท่าที่ใจต้องการ
เส้าฟูเหริน…
หลินหลันกำลังขะมักขะเม้นในการนำหนิวหวง [2] มาบดขยี้ให้กลายเป็นผง ได้ยินอวี้หลงเอ่ยเรียกนาง จึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เจ้ากลับมาได้จังหวะพอดีเลย ช่วยข้าบดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นผงทีสิ
อวี้หลงวางเชอร์รี่ลงแล้วรีบเข้ามาช่วยในทันที
เมื่อเห็นเส้าฟูเหรินซึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายภายใต้ท่าทีเริงร่า อวี้หลงก็เกิดลังเลที่จะเอ่ยปากพูดออกไป เส้าฟูเหริน ข้าน้อยมีเรื่องที่ต้องการรายงานเจ้าค่ะ
เจ้าว่ามาเลย! หลินหลันคาดเดา จะเป็นเรื่องที่เยี่ยซินเอ๋อร์รู้สึกไม่พึงพอใจหลังจากได้ยินการจัดการของหลี่หมิงอวินใช่หรือไม่
ข้าน้อยได้นำคำพูดของเส้าเหยียถ่ายทอดให้แก่เสี่ยวเจี่ยะรองแล้วเจ้าค่ะ อวี้หลงแสดงสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนกังวล
อ่อ? แล้วเสี่ยวเจี่ยะรองว่าอย่างไรบ้างหรือ แม้สีหน้าของหลินหลันจะดูเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่นัก ทว่าในใจกลับกำลังอยากรู้อยากเห็นอยู่พอตัว
เสี่ยวเจี่ยะรองกล่าวว่า นางจะมาเรียนรู้ในช่วงเวลาห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มตามที่ได้แจ้งเอาไว้เจ้าค่ะ และเพื่อแสดงการขอบคุณ เสี่ยวเจี่ยะรองจึงให้ข้าน้อยนำเชอร์รี่ครึ่งตะกร้ามาให้เส้าเหยียและเส้าฟูเหรินได้ชิมดูเจ้าค่ะ อวี้หลงเอ่ยพลางชี้ไปที่ตะกร้าซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
หลินหลันรำพึงรำพันอยู่ในใจ เยี่ยซินเอ๋อร์ยังคงมุ่งมั่นอยู่อีกรึ!
เสี่ยวเจี่ยะรองยังให้รางวัลสิ่งนี้แก่ข้าน้อยอีกด้วย… อวี้หลงหยิบเอาปิ่นปักผมออกมาให้นายหญิงของตนดู
ขนาดทับทิมช่างเม็ดใหญ่ชะมัด ทันใดนั้นหลินหลันก็รู้สึกว่าตนเองยากจนเสียจริง คนอื่นเขาให้รางวัลข้ารับใช้กันทีล้วนเป็นสิ่งของที่ดีกว่าของที่นางซื้อมาจากร้านรุ่ยฝู๋เสียอีก
ในเมื่อเป็นของที่เสี่ยวเจี่ยะรองให้เป็นรางวัล เจ้าก็เก็บเอาไว้เถอะ! หลินหลันฉีกยิ้มเล็กน้อย
เส้าฟูเหริน… อวี้หลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เส้าฟูเหรินโปรดวางใจได้ ในใจของอวี้หลงมีเจ้านายแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเจ้าค่ะ
หลินหลันอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวอย่างติดตลก มีแค่เพียงผู้เดียวจริงๆ หรือ
หลังจากได้ยินเช่นนี้อวี้หลงก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนกแล้วคุกเข่าลงบนพื้น และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เหล่าฟูเหรินได้มอบอวี้หลงให้แก่เส้าฟูเหริน อวี้หลงจึงรับเส้าฟูเหรินเป็นนายหญิงเพียงผู้เดียวเท่านั้น และจะจงรักภักดีต่อเส้าฟูเหรินเท่านั้นเจ้าค่ะ
หลินหลันคาดไม่ถึงว่าประโยคล้อเล่นเพียงประโยคเดียวจะทำให้อวี้หลงหวาดกลัวเช่นนี้ จึงรีบช่วยประครองนางลุกขึ้น ก่อนจะหัวเราะแล้วกล่าวขึ้น เจ้าช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ ข้าเพียงล้อเล่นกับเจ้าและเจ้าก็คิดเป็นจริงเป็นจังเสียได้ หากเจ้าไม่ดี ข้าคงส่งเจ้ากลับคืนเหล่าฟูเหรินตั้งไปนานแล้ว ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้วที่จะพาเจ้าและหยินหลิ่วไปยังเมืองหลวงด้วยกัน นั่นหมายถึงว่าข้าเชื่อใจพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย แต่ก็รู้ดีว่าการหวาดระแวงใครต่อใครนั้นไม่ได้ช่วยอะไร วันนี้เราได้เปิดใจคุยกันก็ดีแล้ว การไปเมืองหลวงในครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดที่กำลังรออยู่ แต่ข้าเชื่อว่าตราบใดที่นายและข้ารับใช้ยังมีใจรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าอุปสรรคอันตรายจะใหญ่หลวงเพียงใดก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้
นางไม่สนใจหรอกว่าในใจของอวี้หลงแท้จริงแล้วนั้นผู้เป็นนายที่แท้จริงคือเหล่าฟูเหรินที่เฟิงอานท่านนั้นหรือเป็นนางกันแน่ เพราะว่าสำหรับนางและเหล่าฟูเหรินต่างก็ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน
อวี้หลงเมื่อได้ยินดังกล่าวก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น ขณะเดียวกันนัยน์ตาของนางก็เผยให้เห็นถึงความมั่นคงแน่วแน่ คำพูดของเส้าฟูเหริน อวี้หลงจดจำใส่ใจแล้วเจ้าค่ะ
——
[1] อยู่ใกล้หมึกจึงติดสีดำ (近墨者黑) เป็นสำนวนหนึ่งที่ให้ความหมาย ว่า ใกล้คนหรือสภาพแวดล้อมเช่นไร ก็จะเป็นไปตามเช่นนั้น
[2] หนิวหวง (牛黄) cow bezoar หรือโคโรค เป็นก้อนนิ่วหรือก้อนหินปูนที่เกิดในถุงน้ำดีของวัวบ้าน สมัยก่อนวัวที่ตายด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี (gall stone) จะมีตาสีแดงก่ำ สันนิษฐานว่าเป็นนิ่วโดยหมอจะผ่าเอาก้อนนิ่วนั่นมาใช้ทำยา