ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่257หมิงอวินส่งจดหมายมา
หลังมาดดุดันถูกหลินหลันทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี คู่สามีภรรยาหลี่จิ้งอี้จึงเป็นอันสงบเสงี่ยมขึ้นมาก แน่นอนว่านี่เป็นแค่ยามอยู่ต่อหน้าเท่านั้น ทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปปรนนิบัติป้อนยาให้หญิงชรา อย่างเอาใจใส่และละเอียดรอบคอบ ท่าทีราวกับบุตรชายผู้กตัญญูและสะใภ้ที่มีคุณธรรมดีงาม ทั้งที่ลึกๆ แล้ว นางอวี๋แอบไปพบปะอวี๋เหลียนเพื่อพร่ำบ่น
“เจ้าว่าเจ้าโง่หรือไม่ เป็นเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ดีๆ ดันไปเป็นอนุภรรยาคนแก่คนหนึ่งเสียได้ ตอนนี้เขาก็ไม่เหลืออะไรสักอย่างแล้ว ชั่วชีวิตนี้คงกลับมาไม่ได้แล้วด้วย เจ้าจะทำอย่างไรหรือ เจ้าจะให้ข้าบอกกล่าวพ่อเจ้าอย่างไร” นางอวี๋กล่าวตำหนิภายใต้สีหน้าโกรธเกรี้ยว
เดิมทีนางอวี๋ไม่ได้รู้สึกทุกข์ระทมอะไรมากมาย แต่เมื่อถูกผู้เป็นป้าว่ากล่าวเช่นนี้ กลับน้ำตาไหลพราก พลางกล่าวสะอึกสะอื้น “ตอนนั้นท่านป้าไม่อยู่ แล้วข้าจะทำอันใดได้หรือ และมิใช่ข้าเต็มใจเสียหน่อย หากมิใช่เอ้อร์เส้าหน่ายนายออกความนึกคิดแทนข้า เกรงว่ายามนี้ท่านป้าคงไม่ได้เห็นข้าอยู่ตรงนี้แล้วเจ้าค่ะ”
นางอวี๋กล่าวด้วยความอึดอัดใจ “นางออกความคิดเห็นให้เจ้าหรือ จะว่าเจ้าโง่เง่าก็โง่เง่าจริงๆ นั่นละ ถูกคนเขาหลอกใช้แล้วยังช่วยคนเขาอีก นางอยากให้เจ้าเป็นอนุภรรยาอาเขยเจ้าแทบขาดใจเสียมากกว่า จะได้ตัดปัญหาที่แม่สามีนางจะจับเจ้ายัดเข้าไปในบ้านนางอย่างไรล่ะ เจ้านะเจ้า…จะว่ากล่าวเจ้าอย่างไรดีนะ เกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ก็ไม่รู้จักส่งข่าวคราวมาบอกกล่าวกันบ้าง หากป้ารู้แต่แรก จะปล่อยให้เจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมเช่นนี้หรือ”
“เรื่องราวล้วนผ่านไปเช่นนี้แล้ว ท่านป้า ท่านว่าหลานควรทำอย่างไรดีหรือ” อวี๋เหลียนกล่าวทั้งน้ำตา ปัญหานี้รบกวนใจอวี๋เหลียนมาโดยตลอด เวลานี้หญิงชรายังคงมีชีวิตอยู่ แต่หากหญิงชราจากไปแล้ว นางจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรหรือ หากมีบุตรก็ยังพออาศัยพึ่งพิงได้อยู่ แต่โชคดันไม่เข้าข้างจึงไม่ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียนี่
นางอวี๋จ้องมองนาง “จะทำอย่างไรได้อีกหรือ เจ้าจะอยู่เป็นแม่ม่ายไปชั่วชีวิตหรือไร แม่เจ้าคงได้โกรธเคืองข้าจนตายพอดี เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลไป มีป้าอยู่ทั้งคน แน่นอนว่าจะไม่ให้เจ้าขาดทุนเป็นแน่ ทว่า เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของป้า”
“หลานยอมเชื่อฟังท่านป้าทุกอย่างเจ้าค่ะ” อวี๋เหลียนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นางอวี๋เริ่มวางแผนการอีกครั้ง อวี๋เหลียนนางต้องพากลับไปด้วยแน่นอน คนของครอบครัวอวี๋พวกเขายังไม่ถึงคราวตกมาเป็นคนที่ตระกูลหลี่จะปู้ยี่ปู้ยำ แต่จะอย่างไรก็ต้องเรียกค่าตั้งหลักปักฐานจากหลินหลันสักก้อน อวี๋เหลียนรับหายนะแทนนาง นางคิดจะปล่อยปละละเลย ไม่มีทางเสียหรอก แล้วยังมีหลี่หมิงจู เจ้าเด็กสาวสารเลวนี่ อย่าคิดว่าจะหลบซ่อนเสมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไปได้ ไว้เรื่องของหญิงชราจัดการเรียบร้อย จะต้องคิดบัญชีกับนางให้จงได้ แล้วยังมีนางฮานอีกคน นังสารเลวนี่ยังอุตส่าห์มีหน้ากลับบ้านเกิด แล้วยังมีหน้ามาหาถึงที่เพื่อขอที่ดิน สารเลว! กลับไปครั้งนี้จะต้องยึดที่ดินที่อยู่ในมือนางฮานเอามาให้หมด เดิมทีของเหล่านั้นก็เป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลหลี่ นางแซ่ฮานจึงควรไสหัวไปให้ไกลๆ หน่อย
นางอวี๋ไม่รู้ตัวเลยว่าหลินหลันส่งคนไปจับตามองนางอยู่ตลอด ดังนั้นทุกการกระทำ ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนอยู่ในการควบคุมของหลินหลัน
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่เรียกหาอวี๋อี๋เหนียงและพูดคุยกันอยู่เนิ่นนาน จากนั้นอวี๋อี๋เหนียงเดินออกมาพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดเลยเจ้าค่ะ…” ชุ่ยจือมารายงาน
หลินหลันปิดสมุดบัญชีและพยักหน้าเล็กน้อยอย่างมีความนึกคิดบางอย่าง “เข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปก่อน และคอยจับตาดูพวกนางต่อไป”
หลังชุ่ยจือคาราวะแล้วถอยออกไป แม่โจวก็กล่าวขึ้น “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ผู้นี้คงต้องเป่าหูอวี๋อี๋เหนียงแล้วเป็นแน่ ตอนแรกอวี๋อี๋เหนียงถูกแม่นางหมิงจูบงการ ไม่แน่ว่าฮูหยินใหญ่จะหยิบยกเรื่องนี้มาเอาเรื่องก็เป็นได้…”
หลินหลันสบถ ฮึ ออกมาเบาๆ “นางก็แค่คิดหาวิธีจะฉกฉวยเงินทองจากข้าให้ได้มากหน่อยก็เท่านั้น อวี๋อี๋เหนียงหากเป็นคนฉลาด ข้าจะไม่ทำให้นางต้องขาดทุน แต่หากกระทำผิดไปกับฮูหยินใหญ่ด้วย เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าเปลี่ยนไปอย่างไร้ความปรานี”
แม่โจวกล่าวด้วยความกังวลใจ “อวี๋อี๋เหนียงไร้ความนึกคิดเป็นของตนเองมาแต่ไหนแต่ไร…”
หลินหลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “ท่านหาโอกาสไปชี้แนะนางสักหน่อย หากนางไม่ฟังเชื่อนั้นก็เป็นเรื่องของนาง”
แม่โจวส่งเสียงขานรับ
“คุณชายน้อยซานเอ๋อร์ล่ะ” หลินหลันเอ่ยถาม
“หลังทำการบ้านเรียบร้อย จิ่นซิ่นก็พาเข้าไปเล่นในสวนดอกไม้เจ้าค่ะ” แม่โจวหน้าชื่นตาบานทันทีที่เอ่ยถึงซานเอ๋อร์
หยินหลิ่วถือจดหมายปึกหนึ่งเดินเข้ามาด้วยร้อยยิ้มระรื่น ก่อนจะชูมันส่ายไปมา “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย จดหมายเอ้อร์เส้าเหยียมาแล้วเจ้าค่า”
หลินหลันดีอกดีใจและกล่าวด้วยความกระตือรือร้น “รีบเอามาให้ข้าอ่านเร็วเข้า”
ระยะนี้นางพร่ำบ่นอยู่ตลอดเวลา นางส่งจดหมายไปจำนานมากเพียงนั้น ทว่าหมิงอวินยังไม่ตอบกลับนางมาสักฉบับ คิดๆ ดูมันน่าโมโหจริงๆ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะส่งจดหมายมาในคราเดียวจำนวนมากเพียงนี้ หลินหลันถือจดหมายไว้ ความโกรธเคืองในใจก็เป็นอันมลายหายไปหมดสิ้น และแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะเปิดจดหมายอ่าน
แม่โจวกับหยินหลิ่วชะเง้อหน้าจนคอแทบหลุดจากบ่า มองดูนายหญิงสะใภ้รองเปิดจดหมายอย่างกระตือรือร้น
หลินหลันถือจดหมายและเตรียมคลี่เปิดออก ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่าแม่โจวกับหยินหลิ่วยังอยู่ด้วย จึงกล่าวขึ้นมาทันที “พวกเจ้าไปทำงานของพวกเจ้าเถิด! ไม่ต้องคอยปรนนิบัติตรงนี้แล้วละ”
แม่โจวและหยินหลิ่วแม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะพวกนางก็อยากรับรู้สถานการณ์ของนายน้อยรองเช่นกัน! ทว่าความรู้สึกนายหญิงสะใภ้รอง พวกนางเข้าใจได้ ทั้งสองสบตากันพร้อมรอยยิ้ม และพากันถอยออกไปอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อยเอ่ยออกมา
เสี่ยวหลันจื่อ…
เอ่อ! ก็รู้อยู่ว่าพ่อหนุ่มนี้ต้องเอาคืนเป็นแน่ นางเรียกเขาเสี่ยวอวินจื่อ เขาก็เลยตอบแทนด้วยเสี่ยวหลันจื่อ หลินหลันบ่นพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกหวาดหยดเยิ้มภายในใจ จากนั้นไล่อ่านถัดลงไป
จดหมายที่ส่งมาได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้รู้ว่าหลันเอ๋อร์กินอิ่ม นอนหลับ สามีก็รู้สึกวางใจ เพียงแต่ สามีกังวลเช่นกันว่า เมื่อยามที่สามีกลับไปถึงเมืองหลวง เสี่ยวหลันจื่อจะกลายเป็นเสี่ยวหลันจื่อที่อ้วนกลมจนเดินไม่ไหวน่ะสิ ทว่า มิเป็นไรหรอก หลันเอ๋อร์จะเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร สามีก็ชอบทั้งนั้น…หลันเอ๋อร์กล่าวว่าทั้งหมดในบ้านดำเนินไปอย่างเรียบร้อย สามีหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทว่าหลันเอ๋อร์ อย่าลืมไปล่ะ ยังมีข้าอยู่ทั้งคน สามีของเจ้า แม้ข้าอยู่ชายแดนที่ห่างไกล แบ่งเบาความกังวลของเจ้าไม่ได้ ทว่าหัวใจของข้า คะนึงถึงเจ้าอยู่ตลอดเวลา…
หลินหลันฉีกยิ้ม จากนั้นเปิดจนหมายฉบับที่สอง
เสี่ยวหลันจื่อ เรื่องนั้นที่เจ้าเป็นกังวลใจ สามีช่วยเจ้าคิดหาวิธีได้แล้ว หากศิษย์พี่รองอยากสู่ขอหยินหลิ่ว เจ้าก็ให้เขาาเปลี่ยนมาเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ มิเช่นนั้นก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้แต่ง…ทางด้านจื่ออวี้นั่น เจ้าเด็กหนุ่มนี่ชะตาชีวิตลำบากอยู่เล็กน้อย เพิ่งได้แต่งงานเป็นข้าวใหม่ปลามันแท้ๆ น่าสงสารเสียจริงเชียว! ทว่า เหตุใดข้าถึงอดอยากหัวเราะไม่ได้นะ? ดูเหมือนไม่ค่อยมีคุณธรรมเท่าไหร่เลย ช่างเถอะ เห็นใจเขาต่อไปน่าจะดีกว่า…จริงสิ สามีเผชิญปัญหาหนึ่งที่ยากจะแก้ไข เจ้าว่าข้าจะทำอย่างไรดีละ คนบ้านเก่าเจ้าผู้นั้นมักมาตีสนิทข้าอยู่เรื่อย ข้ารู้สึกลำบากใจมากจริงๆ…
ฉบับที่สาม
เสี่ยวหลันจื่อ วันนี้มีทหารจำนวนหนึ่งมาถามไถ่ว่าเจ้าจะกลับมาชายแดนเมื่อใด พวกเขาล้วนห่วงใยเจ้ามาก จ้าวจัวอี้บอกกล่าวพวกเขาว่าเจ้าไม่กลับไปแล้ว พวกเขาจึงผิดหวังอย่างยิ่ง มีคนจำนวนมากคะนึงถึงหลันเอ๋อร์ของข้าเพียงนี้ ข้าควรดีใจหรือเศร้าใจดีล่ะ…
ฉบับสุดท้าย
เสี่ยวหลันจื่อ วันนี้สามีกระทำการใหญ่เรื่องหนึ่ง ไอ้คนขี้ประจบผู้นั้นที่เจ้ากล่าวว่าจะส่งสารให้ศัตรูถูกข้าจับได้แล้ว และตอนนี้ก็มีหลักฐานแน่นหนา สามีตั้งใจว่าจะรายงานต่อราชสำนัก เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กๆ และเกรงว่าจะมีคนชั่วบางคนข้ามกำแพงมาคุกคามความปลอดภัยของเจ้า สามีอยู่ที่ชายแดนซึ่งแสนห่างไกล จึงทำได้เพียงส่งจ้าวจัวอี้กลับเมืองหลวงไปอารักขาความปลอดภัยของเจ้า หลันเอ๋อร์ เจ้าต้องระมัดระวังให้มากๆ ด้วย! อีกไม่นานสามีก็ต้องออกเดินทางไปแม่น้ำมู่ถ่าเพื่อลงนามในหนังสือการยอมจำนน หากเรื่องราวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สามีก็จะกลับถึงเมืองหลวงในเดือนแปด คิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดีๆ รอข้ากลับไป…
หลินหลันวางจดหมายลงอย่างช้าๆ ภายในใจรู้สึกดีใจปนกังวล ดีใจที่ทางชายแดนเป็นไปอย่างราบรื่น และจากนี้ฉินเฉิงว่างก็จะไม่มีบทบาทใดๆ อีกต่อไป กังวลคือ เกรงว่าการส่งมอบสาส์นทางการครั้งนี้ขึ้นไปสู่เบื้องบน จะก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาอีกหลายระลอก แต่ไม่ใช่ว่านางจะเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของตนเองแต่อย่างใด ไท่โฮ่วและตระกูลฉินไม่อาจเล่นงานนางอย่างเปิดเผยไปได้ เกรงก็แต่ว่าการโจมครั้งนี้จะไม่โค่นล้มตระกูลฉินไม่ได้ แม้เพลี่ยงพล้ำไปแล้วทว่าพลังอำนาจยังคงสถิตย์อยู่ นั่นคงสร้างความกังวลตามมาไม่รู้จบสิ้น
หลินหลันนำจดหมายแต่ละฉบับพับเก็บอย่างดิบดีแล้วใส่กลับเข้าไปในซองดังเดิม จากนั้นหยิบกล่องขนาดเล็กออกมาแล้วใส่มันลงไป ตามด้วยลงกลอนกุญแจเสร็จสรรพ ไว้มีเวลาว่างค่อยหยิบออกมาซึมซับความรู้สึกอีกครั้ง
จ้าวจัวอี้อยู่ในบ้านตระกูลหลี่จนคุ้นชิน แต่ละเรือนและแต่ละเส้นทาง ตงจึนำเขาไปยังบ้านขนาดย่อมที่เคยปักหลักพักอาศัยเมื่อครั้งก่อน ทว่า ครั้งนี้จ้าวจัวอี้ไม่ได้มาลำพัง แต่ยังมีพี่น้องอีกจำนวนหนึ่ง บ้านหลังย่อมนี้จึงเล็กไปหน่อยเสียแล้ว แต่ก็พักอาศัยได้ ประเด็นสำคัญคือมันอยู่ห่างจากเรือนหลั้วเซี๋ยจายของพี่สะใภ้ ซึ่งนี่ไม่สะดวกต่อการที่พวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่อารักขาความปลอดภัยข้างกาย จ้าวจัวอี้จึงเอ่ยขอเปลี่ยนสถานที่ ทางที่ดีที่สุดให้อยู่ใกล้กับเรือนหลั้วเซี๋ยจายหน่อย ตงจึรู้สึกลำบากใจอย่างมาก ใกล้กับเรือนหลั้วเซี๋ยจายหน่อย เช่นนั้นก็ต้องเข้าไปในบริเวณของเรือนส่วนในเท่านั้น ทว่าในจวนมีกฎระเบียบ แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะ ขณะกำลังลังเลใจ อวิ๋นอิงก็มาบอกกล่าวว่านายหญิงสะใภ้รองต้องการเจอจ้าวจัวอี้
“จ้าวจัวอี้ ตอนที่เจ้าออกเดินทางมา ใต้เท้าหลี่พวกเขาไปแม่น้ำมู่ถ่าแล้วหรือยัง” หลินหลันเอ่ยถามด้วยความกังวล
จ้าวจัวอี้กล่าวตอบ “เรียนนายหญิง ใต้เท้าหลี่พวกเขาออกเดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอรับ”
“แล้ว…พวกเขาไปแม่น้ำมู่ถ่าครานี้ นำกำลังพลไปเท่าใดหรือ รับประกันความปลอดภัยได้หรือไม่”
“ใต้เท้าหลี่กล่าวว่า นายหญิงโปรดวางใจได้ พวกเขาไปมู่ถ่าครานี้เตรียมการไว้อย่างเพียบพร้อมขอรับ ใต้เท้าหลี่มุ่งหน้าไปพร้อมแม่ทัพหลิน พร้อมกำลังพลห้าพันนาย นี่คือจำนวนอย่างเปิดเผยขอรับ ทว่าแม่ทัพหลินได้แอบส่งกองทัพใหญ่ล่วงหน้าไปซุ่มอยู่ที่มู่ถ่าอีกด้วย เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของทู่เจวี๋ย และรับประกันความปลอดภัยของใต้เท้าหลี่ขอรับ” จ้าวจัวอี้กล่าวตอบ
หลินหลันได้ยินดังกล่าวจึงรู้สึกสบายใจขึ้น ทว่าตนเองไม่อยู่ข้างกายเขา ไม่ว่าอย่างไรก็วางใจไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
“นายหญิง ข้าน้อยมีเรื่องที่ต้องร้องขอขอรับ”
“เจ้าว่ามาเลย”
“ใต้เท้าหลี่สั่งการให้ข้าน้อยมาปกป้องความปลอดภัยของนายหญิง ข้าน้อยจึงหวังว่าจะได้พักอาศัยโดยอยู่ใกล้บ้านหลังนี้หน่อย เพื่อป้องการเหตุไม่คาดคิด ดังคำกล่าวที่ว่าทวนเปิดเผย หลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับ ยากระวังอย่างไรก็ขอนายหญิงช่วยดำเนินการให้ทีนะขอรับ และขอให้ข้าน้อยพร้อมคนอื่นๆ ได้คอยติดตามด้วยขอรับ” จ้าวจัวอี้กล่าว
หลินหลันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หมิงอวินคงเกรงว่าตระกูลฉินจะใช้วิธีเลวทรามต่ำช้าอะไรสินะ! หากตระกูลฉินเจียวจับนางไปเป็นเครื่องข่มขู่หมิงอวินคงเป็นการแย่ ด้วยเรื่องราวใหญ่โตเพียงนี้ เรื่องกฎระเบียบเหล่านั้นเอาไว้ก่อนแล้วกัน “ก็ได้ ข้าจะให้คนเก็บกวาดห้องในสวนหลังบ้าน และเจ้าก็เข้าไปพักอาศัยในนั้นแล้วกัน ทว่าคนใต้บัญชาเจ้า ให้พักนอกเรือนน่าจะดีกว่า”
ตัวตนของจ้าวจัวอี้นางรู้จักเป็นอย่างดี แต่กับพี่น้องที่อยู่ใต้บัญชาเหล่านั้นนางไม่ทราบแน่ชัดได้ บ้านชั้นในมีแต่สตรีทั้งนั้น หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น คงไม่ดีแน่
จ้าวจัวอี้กล่าวด้วยความดีใจ “ตกลงตามที่นายหญิงกล่าวเลยขอรับ”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนเจ้าเอาแต่เรียกพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ ไฉนกลับมาครั้งนี้ดันเกรงอกเกรงใจกันขึ้นมาเสียได้”
จ้าวจัวอี้ลูบศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ “ข้าน้อยถูกแม่ทัพหนิงซิ่งอบรมมาขอรับ กล่าวว่าข้าน้อยไม่รู้จักกฎระเบียบ…” เมื่อนึกถึงคำพูดที่แม่ทัพหนิงตำหนิเขา จ้าวจัวอี้ก็อดพร่ำบ่นไม่ได้ “แม่ทัพหนิงกล่าว่า ‘พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ใช่อะไรที่เจ้าเรียกหรือไร นั่นเป็นพี่สะใภ้ของข้า เจ้าหนุ่มน้อยช่วยให้ความเคารพข้าหน่อย วันหน้าวันหลังต้องเรียกนายหญิง…’ ”
หลินหลันหัวเราะออกมาเบาๆ “เขาไม่ได้ยินเสียหน่อย เรียกพี่สะใภ้เถอะ! ข้าได้ยินจนชินแล้ว”
จ้าวจัวอี้กล่าวด้วยสีหน้าสลด “ข้าน้อยมิบังอาจหรอกขอรับ เดี๋ยวแม่ทัพหนิงรับรู้เข้า คงได้เด็ดหัวข้าน้อยเป็นแน่ขอรับ”
หลินหลันอดเผยรอยยิ้มอ่อนหวานไม่ได้ หนิงซิ่งนี่นะ ไปเอาความเคร่งครัดระเบียบถึงเพียงนี้มาจากไหนกัน