ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่299รอโอกาสที่จะโจมตีจากด้านหลัง
เป็นเวลาถึงสามวัน สภาพบรรยากาศราวกับมรสุมภายในเมืองหลวงถึงเปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนเรื่องราวมากมายจะเป็นไปตามการคาดการณ์ล่วงหน้า แต่กลับอยู่เหนือความคาดหมายไปอีกเสียได้
ตระกูลฉินล้มลงในช่วงข้ามคืน องค์รัชทายาทตกอยู่ในสภาวะสับสน ฉินฮองเฮาถูกส่งเข้าสู่ตำหนักเย็น พรรคพวกขององค์รัชทายาทในเมืองหลวงจำนวนมากถูกจับกุม ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกและหวาดกลัว วันที่สี่ ทางพระราชวังแพร่งพรายออกมาว่าฮ่องเต้ทรงพระประชวรถึงขั้นลุกไม่ไหว เพราะการก่อกบฏขององค์รัชทายาท และเสียพระราชหฤทัยเกินไปจากการสิ้นพระชนม์ของไท่โฮ่ว จึงให้องค์ชายสี่เป็นผู้ดูแลจัดการราชกิจทางราชสำนักเป็นการชั่วคราว ในวันที่หก มีพระราชโองการออกมาอีกครั้ง โดยแต่งตั้งองค์ชายสี่ดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท พรรคพวกขององค์ชายสี่ต่างปลื้มอกปลื้มใจ ไม่เสียแรงที่ไม่ลดละความพยายามหาหลักฐานเอาผิดฝ่ายองค์รัชทายาทจนได้ จึงได้ขจัดรากถอนโคนอย่างจริงจัง บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ร้องขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ต่างถูกขัดขวางให้อยู่ด้านนอกประตูวัง ด้วยข้ออ้างที่ว่าพระวรกายไม่แข็งแรง ไม่สะดวกที่จะเป็นกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องราวทางประเทศชาติบ้านเมืองในยามนี้
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทำให้หลินหลันที่เดิมทีสบายใจขึ้นแล้ว กลับอดกังวลใจขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ เดิมทีการขึ้นครองตำแหน่งขององค์ชายสี่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว แต่จู่ๆ ฮ่องเต้กลับป่วยหนักกะทันหัน จึงอดทำให้หลินหลันเกิดความสงสัยไม่ได้ ฮ่องเต้เพื่อเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าอธิบายให้ปากเปียกปากแฉะ ถึงกับเลือกใช้วิธีการนี้ หรือเป็นองค์ชายสี่ที่รอโอกาสโจมตีจากด้านหลัง นอกจากองค์รัชทายาท ฮ่องเต้ก็ถูกกักบริเวณด้วย? ความจริงเป็นเช่นไร หลินหลันไม่อาจรับรู้ได้ หากเป็นกรณีแรก ฮ่องเต้ไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นการเลี้ยงเสือให้มาแว้งกัดตนเองหรอกหรือ เพราะเมื่อใดที่องค์ชายสี่ปีกกล้าขาแข็ง การปล่อยเสือถือเป็นเรื่องง่าย แต่จะจับกลับมาอีกครั้งเป็นเรื่องยาก หากเป็นกรณีหลัง หลี่หมิงอวินจะรับมือเช่นไรหรือ
หลินหลันส่งคนไปจวนจิ้งปั๋วโหว์เพื่อถามไถ่ข่าวคราว ทว่าจิ้งปั๋วโหว์ก็ยังไม่ออกจากวัง ซึ่งเฉียวอวิ๋นซีเองก็ยังเป็นกังวลใจเช่นกัน! กลับเป็นเฉินจื่ออวี้ที่ได้ยินข่าวลือบางอย่างซึ่งถือเป็นความลับ โดยทิ้งคำพูดให้หลินหลันเพียงว่า…คอยดูการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบก็เป็นพอ
จะให้คอยดูการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบได้อย่างไร ตราบใดที่หมิงอวินไม่กลับมา จิตใจของหลินหลันก็ไม่อาจสงบได้
ในยามที่หลินหลันกระวนกระวายไม่เป็นสุขอยู่นี้เอง นางเฝิงมาเยือนถึงในจวน ประการแรกเพื่อรับซานเอ๋อร์กลับบ้าน ประการสองเพื่อนำคำพูดของหลินจื้อย่วนมาบอกกล่าว โดยเอ่ยว่าเขาจะปกป้องหมิงอวินให้ปลอดภัย หากมีโอกาสจะจัดการให้นางกับหมิงอวินได้พบเจอกัน
หมิงอวินต้องการหลินจื้อย่วนไปคอยอารักขาอย่างรอบคอบ หมายความว่าเช่นไรหรือ หลินหลันไม่ใช่คนโง่เขลา เห็นทีว่าผู้ถูกกักบริเวณไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ เกรงว่ายังมีขุนนางผู้จงรักภักดีของฮ่องเต้เหล่านั้นอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าปัญหานี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ
เพื่อหมิงอวิน หลินหลันไม่อาจมัวสนใจอคติที่มีต่อหลินจื้อย่วน จึงให้หลินจื้อย่วนเร่งจัดการให้นางไปพบเจอหมิงอวินโดยเร็วที่สุด
หลังเรื่องราวผ่านไปสิบกว่าวัน หลินหลันได้เข้าสู่พระราชวังภายใต้การจัดการของหลินจื้อย่วน
เพียงแต่คาดไม่ถึงว่า ก่อนที่จะได้พบเจอหมิงอวิน หลินหลันกลับพบเจอองค์ชายสี่เป็นอันดับแรก
องค์ชายสี่ ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเรียกขานเขาว่าองค์รัชทายาท เขานั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ความสงบนิ่งนั่น ความองอาจสง่างามนั่น ราวกับเขาก็คือเจ้าของบัลลังก์มังกรตัวนี้ หลินหลันไม่กล้าพิรี้พิไร คารวะอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
องค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากกล่าวอย่างใจเย็น “หลี่ฮูหยินมิต้องมากพิธีไป นึกถึงตอนแรก ตัวเรานำทัพไปทางตอนใต้ หลี่ฮูหยินอุตส่าห์ส่งยาไปสนับสนุน ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในตอนใต้ หลี่ฮูหยินก็เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จด้วยเช่นกัน หลี่ฮูหยินมีคุณธรรมที่ดีงามยิ่งนัก ตัวเราเลื่อมใสศรัทธา”
สีหน้าหลินหลันสงบนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์รัชทายาทตรัสชมกันเกินไปแล้วเพคะ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ทางตอนใต้เป็นเพราะการวางแผนขององค์ชายรัชทายาท เพราะความรอบรู้ของพระองค์ หม่อมฉันเพียงแค่ทำเรื่องส่วนในเท่านั้น ไม่คู่ควรได้รับคำตรัสชมเช่นนี้จากองค์รัชทายาทเพคะ”
องค์รัชทายาทหัวเราะด้วยความเบิกบานใจ “หลี่ฮูหยินมิต้องถ่อมตนไป ตัวเราได้กราบทูลแด่ฮ่องเต้แล้วว่าให้อวยยศแก่เจ้าเป็นสตรีบรรดาศักดิ์ขั้นสี่ และประทานนามให้ว่าต้าอี้ฮูหยิน”
หลินหลันตกตะลึง ตามด้วยคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว “พระมหากรุณาอันใหญ่หลวงนี้ หม่อมฉันมิบังอาจเอื้อม ขอพระองค์ทรงยกเลิกพระราชทานแต่งตั้งด้วยเถิดเพคะ” องค์รัชทายาทอวยยศให้นางอย่างไม่มีเหตุมีผล เมื่อมีการให้บางสิ่งบางอย่าง ก็ย่อมมีการขอบางสิ่งบางอย่างด้วยเป็นแน่
องค์รัชทายาทหัวเราะเบาๆ แล้วตรัสว่า “ตัวเราได้วินว่าหลี่ฮูหยินเป็นบุตรสาวที่พลัดพรากจากแม่ทัพหลินไปหลายปีหรือ”
หลินหลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนกล่าวขึ้น “เพคะ”
“แม่ทัพหลินขยายอาณาเขตทางตอนเหนือ เอาชนะศึกสำคัญได้ หลี่ฮูหยินต้าอี้ไม่เป็นสองรองบุรุษ ที่แท้เพราะเป็นถึงบุตรสาวของบิดาผู้เก่งกาจไร้เทียมทานนี่เอง เยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!” องค์รัชทายาทชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยไว้ “หลายวันก่อน มีบางคนอาศัยการที่ตนเองได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ด้วยความหยิ่งผยองและโอหัง จึงก่อเรื่องกำเริบเสิบสาน เป็นอันตรายต่อรากฐานราชสำนักเรา เรื่องราวเป็นเช่นไรนั้น เชื่อว่าหลี่ฮูหยินคงพอได้ยินมาบ้างแล้วเช่นกัน การขจัดขุนนางที่เป็นภัยครั้งนี้ ใต้เท้าหลี่เป็นหนึ่งในผู้สร้างคุณงามความดีที่สมควรได้รับการตอบแทน ใต้เท้าหลี่เยาว์วัยและมีความสามารถ เป็นกำลังหลักของราชวงศ์เรา ตัวเรารักและหวงแหนในความสามารถและพรสวรรค์ วาดหวังที่จะได้ผู้มีความสามารถพร้อมคุณธรรมมาร่วมด้วยช่วยกัน เพียงแต่…ยามนี้พระวรกายฮ่องเต้ไม่แข็งแรง ตัวเราเป็นองค์ชายจึงไม่อาจไม่แบ่งเบาภาระความวิตกกังวลของพระบิดาได้ ทว่ามีคนบางส่วนเข้าใจความตั้งใจที่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองของเราบิดเบือนไป ทำให้เราเจ็บปวดใจด้วยความผิดหวัง”
หลินหลันครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว คนบางส่วนที่องค์รัชทายาทเอ่ยถึงหมายถึงหมิงอวินสินะ! มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทจะต้องพูดสิ่งเหล่านี้กับนางให้เปลืองแรงทำไม
“พวกเจ้าสองสามีภรรยา ล้วนเป็นบุคคลที่ตัวเราชื่นชม หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้เราผิดหวังถึงจะดี!” องค์รัชทายาทตรัสด้วยคำพูดที่มีนัยนะลึกซึ้ง
หลินหลันคารวะ “องค์ชายรัชทายาทเพคะ ความยุติธรรมดำรงอยู่ในจิตใจผู้คนเสมอ เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกคนจะเข้าใจความตั้งใจจริงของพระองค์แน่นอนเพคะ”
นางไม่สนว่าองค์รัชทายาทขึ้นดำรงตำแหน่งได้อย่างไร เพราะการต่อสู้แก่งแย่งในหมู่ราชวงศ์ล้วนอำมหิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่ผ่านมามีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ ในประวัติศาสตร์ หลี่ซื่อหมินปลิดชีพพี่ชายคนโตสองคน คนรุ่นหลังก็ยังขนานนามเขาว่าฮ่องเต้ผู้ปกครองบ้านเมืองมิใช่หรือ ที่นางสนใจมีเพียงความปลอดภัยของหมิงอวินเท่านั้น
องค์รัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนพึงพอใจในคำตอบของนางอย่างยิ่ง “หากใต้เท้าหลี่คิดเช่นเดียวกับเจ้าได้เช่นกัน ตัวเราก็คงปลาบปลื้มใจแล้วละ”
สถานะของหลี่หมิงอวินมีความจำเพาะ ไม่เพียงแค่เป็นบุตรเขยของหลินจื้อย่วน ทั้งยังเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นที่มีความสามารถ ท่าทีของเขามีผลกระทบต่อแผนการต่อจากนี้ขององค์ชายสี่อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น องค์รัชทายาทจึงต้องยอมลงแรงกายแรงใจเหล่านี้ ด้วยหวังว่าจะโน้มน้าวหลี่หมิงอวินให้สนับสนุนเขาได้
“หลายวันมานี้ใต้เท้าหลี่กังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองจนเกินไป ร่างกายจึงไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก ตัวเราเลยให้เขาอยู่พักรักษาตัวในพระราชวัง หลี่ฮูหยินไปเยี่ยมเยียนเขาเถอะ หลี่ฮูหยินมีทักษะการรักษาที่ล้ำเลิศ คิดว่าใต้เท้าหลี่ได้พบเจอหลี่ฮูหยินคงต้องหายดีได้ในเร็ววัน ตัวเราเองก็จะได้วางใจด้วยเช่นกัน” องค์รัชทายาทตรัสอย่างสองแง่สองง่าม
“หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ” หลินหลันคารวะให้อีกครั้ง ก่อนถอยออกไปอย่างช้าๆ
หลังออกจากตำหนักใหญ่ หลินหลันถึงกับเหงื่อท่วมตัว ภายใต้การนำทางของคนในวัง ในที่สุดหลินหลันก็ได้พอเจอหมิงอวิน
สถานการณ์ของหมิงอวินดีกว่าที่นางจินตนาการไว้เล็กน้อย เพียงแต่ผอมลงไปมาก และเห็นถึงความกระวนกระวายเล็กน้อย
หลี่หมิงอวินตกใจปนประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นหลินหลัน “หลันเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไรหรือ”
“เป็น…ท่านพ่อช่วยจัดการให้น่ะ เมื่อครู่ข้ายังได้เข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาทอีกด้วย” หลินหลันมองคนในวังที่คอยติดตามอยู่ข้างกายอย่างระมัดระวัง
คนในวังคารวะให้อย่างเงียบๆ ก่อนถอยออกไป แล้วช่วยปิดบานประตูให้
หลินหลันจูงมีหลี่หมิงอวินเดินมุ่งเข้าไปด้านใน เมื่อถึงด้านใน จึงเอ่ยถามเสียงกระซิบ “สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าอยู่ที่บ้านเป็นกังวลแทบคลั่ง จึงทำได้เพียงขอให้ตาผู้เฒ่านั่นช่วยพาเข้าวังมาพบเจ้าสักครั้ง”
หลี่หมิงอวินกล่าวเสียงบางเบา “องค์รัชทายาทพบเจอเจ้า พูดอะไรบ้างหรือ”
หลินหลันนำคำพูดขององค์รัชทายาทเมื่อครู่นี้พรรณนาออกไปอีกครั้ง หลี่หมิงอวินจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เขาก็ช่างสรรหาคำพูดมาแก้ต่างให้ตนเอง”
หลินหลันกล่าวด้วยความร้อนใจ “เจ้าอย่ามัวสนใจเลยว่าเขาแก้ต่างหรือไม่ ตอนนี้ข้าเพียงแค่อยากถามเจ้า ด้วยสถานการณ์นี้ ฮ่องเต้จะยังรับมือไหวหรือไม่”
หลี่หมิงอวินขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนจนปัญญาเล็กน้อย “คาดไม่ถึงว่าองค์ชายสี่จะร้ายกาจเช่นนี้ เขาเชื่อฟังยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้มาโดยตลอด เดิมทีฮ่องเต้เพียงแค่อยากกวาดล้างตระกูลฉิน แล้วค่อยขจัดองค์รัชทายาท ทว่าองค์ชายสี่กระทำการโดยพลการด้วยการปลิดชีพองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพทหารรักษาพระองค์อยู่ภายใต้การกำกับขององค์รัชทายาท ฮ่องเต้ถูกกักบริเวณ พวกเราขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ถูกเขากักบริเวณไว้เช่นกัน จริงสิ ได้ข่าวคราวของจิ้งปั๋วโหว์บ้างหรือไม่”
ที่แท้ก็เป็นไปตามการคาดเดาของตนเองจริงๆ ด้วย องค์ชายสี่รอโอกาสที่จะโจมตีจากด้านหลัง ท้ายที่สุดแผนการของฮ่องเต้กลับกลายเป็นว่าทำให้ตนเองวุ่นวายหัวปั่นแทบแย่ แต่แล้วดันกลายเป็นผู้อื่นมาตักตวงผลประโยชน์ไปภายหลัง
“ข้าส่งคนไปจวนจิ้งปั๋วโหว์แล้ว แต่ก็ไร้ข่าวคราวของโหว์เหยียเช่นกัน” หลินหลันส่ายหน้าแล้วกล่าว
หลี่หมิงอวินเผยสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนกล่าวขึ้นด้วยความอ่อนใจ “เห็นทีว่าสถานการณ์ของโหว์เหยียก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใด”
หลินหลันกล่าวอย่างลังเล “หมิงอวิน เจ้าบอกความจริงกับข้ามา เจ้าคิดว่าฮ่องเต้อาจจะ…”