ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 604
- Home
- ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit
- ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 604
บทที่ 604 – ตราประทับแห่งจักรพรรดิ
“สั่นระฆังแก่องค์ชาย!” ผู้นําของพิธีกรรมที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ได้ออกคําสั่ง ออกมาด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน ติ้งงงง!! ที่ทั้งสองด้านของพื้นที่บูชาสวรรค์ ระฆังยักษ์ทั้ง 30 ตัวที่เป็นยุทธภัณฑ์ขั้นราชันย์ถูกตีอย่างพร้อมเพรียง ส่งผลให้มีเสียงของระฆังดังก้องไปทั่วสะท้อนอยู่ ท่ามกลางอากาศเป็นเวลานาน สร้างความตกตะลึง ให้แก่ผู้คน
ต่อจากนั้น ผู้คนจํานวน 2-3 ร้อยคนได้เดินแห่ขบวน เข้ามายังในสถานที่จากทางเข้าอย่างเป็นระเบียบ
ผู้นําขบวนคือ องค์ชายสาม ในขณะที่กําลังขี่ม้าสีเงิน เข้ามา ซึ่งตามมาด้วยมังกรสวรรค์ทองคํา 10 ตัว ที่
เกิดจากลําแสงสีทองอร่ามตาที่เปล่งออกมาจาก ด้านหลังของเขา มังกรเปล่งเสียงคํารามอย่าง ต่อเนื่อง ทําให้กลายภาพอันงดงาม ขบวนได้มาถึงหน้าแท่นบูชา องค์ชายสามลงจาก หลังม้าและคุกเข่าลงข้างหนึ่งหันหน้าไปทาง จักรพรรดินภาลัยโบราณ ก่อนที่จะเปล่งเสียงอันดัง สนั่น “ข้าซงเฟยฟาน ผู้รับใช้แห่งอาณาจักรนภาลัย โบราณ ยินดีที่จะรับตําแหน่งองค์รัชทายาท และข้า สาบานว่าจะรับใช้และปกป้องอาณาจักรด้วยทั้ง หัวใจของข้า!!” ถ้อยคําเหล่านี้ไม่ใช่คําประกาศที่เตรียมมาแต่อย่าง ใด มันคือการสาบานตนต่อสวรรค์ ถ้าองค์ชายสามกลายเป็นจักรพรรดิและล้มเหลวใน การปฏิบัติตามหน้าที่ของเขา เขาจะเผชิญหน้ากับ ความพิโรธของสวรรค์
“ตอนนี้ ข้าขอเชิญกลุ่มศิษย์รุ่นที่ 99 แห่งกองพันทั้ง สามไปยังแท่นบูชาด้วยเถิด!” ผู้นําพิธีกรรมในเสื้อคลุมสีขาว ตะโกนออกมา ฉินหนานตะลึงทันที เมื่อได้ยินคําพูดนั่น ทําไมพวก ข้าถึงมีส่วนร่วมในการขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาท ละ?
ผู้อาวุโสหวังก้มหน้าพร้อมฝ่ามือมาทาบไว้ และส่ง เสียงทันทีว่า “ข้าลืมพูดไป(= =) ในระหว่างการ ขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาท ศิษย์รุ่นใหม่จะต้อง ยืนอยู่ข้างกายเขา เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น ใหม่ของอาณาจักรนภาลัยโบราณ นอกจากนั้น จักรพรรดิจะปล่อยตราแห่งจักรพรรดิ ที่ช่วยให้เจ้า สามารถที่จะดูดซับลมปราณจักรพรรดิได้บางส่วน ซึ่งจะให้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่เจ้า…” “ตราแห่งจักรพรรดิ?”
ฉินหนานสับสนสุดๆ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกสําหรับ ในเวลาแบบนี้ เขาลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีและมุ่งหน้า ไปยังแท่นบูชาพร้อมกับมู่เซริงเย่ ซูเหมิง และคน อื่นๆ ในขณะที่ หลงสู่ ตัวแทนของกองพันเต่าทมิฬได้นํา ศิษย์ของตนไปยังแท่นบูชา ส่วนตัวแทนจากกองพันพยัคฆ์ขาวนั้นเป็นชายหนุ่ม ที่ฉินหนานไม่เคยเห็นมาก่อน และมีศิษย์เพียง มากกว่า 10 คนจากกองพันของพวกเขา เหล่าศิษย์ของกองพันทั้งสามได้เดินเข้าไปอยู่ข้างๆ
องค์ชาย ในเวลานั้น ฉินหนานสามารถรู้สึกได้ถึงการคจ้องม องอย่างนับไม่ถ้วนที่ร่างของเขา มันเต็มไปด้วยความ อิจฉา ริษยา จิตสังหารและแม้กระทั่งความภูมิใจ ด่วนฉิง!
ความเจิดจรัสในหมู่ศิษย์รุ่นใหม่ที่แม้แต่ที่เพิ่งยวิน และพยัคฆ์ขาวนภาคําราม ก็ล้มเหลวในการกําจัด เขา!
นอกจากนี้ในหมู่ผู้นํากองพันรุ่นที่ 99 เหย่าจีจาก กองพันพยัคฆ์ขาวได้ถูกสังหารโดย “ฉินหนาน” ใน พื้นที่ลึกลับมังกรอเวจี ในขณะที่หลงเทียนจากกอง พันเต่าทมิฬก็ค่อนข้างสนิทกับด่วนฉิง สอดคล้องกับ ข่าวลือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ด่วนฉิงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหมู่ ศิษย์รุ่นใหม่! ทุกคนต่างรู้ว่าอาณาจักรนภาลัยโบราณมีจํานวน อัจฉริยะน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่กลุ่มใหญ่ แม้ว่า ดํา วนฉิงจะถือว่ามีพลังอํานาจมากในอาณาจักรนภาลัย โบราณ แต่การปรากฏตัวของเขาก็ยังคงไม่ค่อยมี การกล่าวถึงในทวีปตะวันออกทั้งหมดอยู่
แม้กระทั่งที่เพิ่งยวินเอง ก็ไม่มีอะไรที่เป็นที่น่าสนใจ ในทวีปตะวันออก “ตอนนี้ ได้เวลาที่องค์จักรพรรดิจะปล่อยตราแห่ง จักรพรรดิแล้ว!” ผู้นําพิธีประกาศออกมาเสียงดังสนั่น จักรพรรดินภาลัยโบราณลุกขึ้นจากที่นั่ง ขณะที่ ดวงตาของเขาเหลือบมองไปที่ฉินหนานท่ามกลางฝูง ชน และยิ้มกว้างออกมาจนเห็นไรฟัน (A[-]^) มา มาลองดูหน่อยสิว่าเมื่อตราแห่งจักรพรรดิถูก ปล่อยออกมา เจ้าจะสามารถดูดซับลมปราณ จักรพรรดิได้มากขนาดไหนกัน ตู้มมม!! ท่ามกลางความคิดของเขา จักรพรรดินภาลัยโบราณ ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทําให้เกิดแสงสีทองอัน
ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงยิ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้า และลอยอยู่ เหนือองค์ชายสาม เรืองแสงสีทองนั่นคล้ายกับตราอันใหญ่ยักษ์ มีความ ยาวครึ่งจราง รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันสาดส่อง ประกายลําแสงสีทองอร่ามไปทั่วทุกริเวณ ถูก ล้อมรอบไปด้วยมังกรและวิหคเพลิง นอกจากนี้กลิ่น อายของมันนั่นลึกลับอย่างมาก ราวกับว่ามันผสาน เข้ากับสวรรค์และปฐพี
“หืออ?” ดวงตาของฉันหนานจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขาพยายามตรวจดูตราแห่งจักรพรรดิด้วย ดวงตาซ้ายเทพแห่งสงคราม เขาก็พบว่ามันมีพลัง อํานาจอันมากมาย คล้ายกับเมืองพยัคฆ์ขาว! นั่นหมายความว่าตรานี้เองก็เป็นยุทธภัณฑ์กึ่ง ตํานานจักรพรรดิด้วยงั้นหรอ?
บ
บ
มู่เซริงเย่ ผู้ที่ดูเหมือนจะรู้ในข้อสงสัยของฉันหนาน ได้ส่งเสียงเพื่ออธิบายทันที “หัวหน้า ตราแห่ง จักรพรรดินี้เป็นมรดกจากจักรพรรดิผู้ล่วงลับ แท้ที่ จริงแล้ว ตราแห่งจักรพรรดิไม่ถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ ถึงตํานานจักรพรรดิ์ แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์พิเศษ องค์ ชายสามจะกลายเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็น ทางการ หลังจากได้รับการยอมรับจากตราแห่ง จักรพรรดิ และได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นโดย ลมปราณ จักรพรรดิ ฉินหนานได้เข้าใจในทันที การขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาทของอาณาจักร นภาลัยโบราณนั้น แตกต่างไปจากอาณาจักรอื่น อย่างสิ้นเชิง เขาจะได้ถือว่าเป็นองค์รัชทายาทได้หลังจากที่ตรา แห่งจักรพรรดิยอมรับแล้วเท่านั้น ยินยอมที่จะมอบ สมปราณจักรพรรดิให้แก่เขา เมื่อเขาได้รับการสืบ
ทอดของตราแห่งจักรพรรดิสมบูรณ์แบบ เขาก็ กลายเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกัน สําหรับศิษย์รุ่นใหม่จากทั้งสามกอง พันที่อยู่ข้างๆ องค์รัชทายาท ถ้าพวกเขาได้รับการ ยอมรับจากตราแห่งจักรพรรดิ พวกเขาก็จะมีโอกาส ที่จะได้รับพลังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้น ด้วยเช่นกันหากพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจากตรา แห่งจักรพรรดิ “ใครจะคิดว่าการขึ้นสู่สวรรค์ขององค์ชายสามใน ฐานะองค์รัชทายาทจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แบบ นี้ ขอดูหน่อยสิว่าลมปราณจักรพรรดินี้คืออะไร…” แววตาของฉันหนานคุมเครือด้วยความคาดหมาย ในขณะเดียวกัน ตราแห่งจักรพรรดิที่ลอยเด่นอยู่ กลางอากาศก็สั่นเบาๆ ก่อนที่แสงสีทองจะค่อยๆ
จางหายไปและปกคลุมร่างของพวกเขา ซึ่งทําให้ ร่างกายของพวกเขาร้อนขึ้น
ตราแห่งจักรพรรดิเปล่งเสียงคําราม ขณะที่มันยิ่งลํา ธารลมปราณที่มองไม่เห็น ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วย พลังงานอันมหาศาลลงมาด้านล่าง พลังอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีรอบๆ บริเวณนั้น เริ่มกระสับกระส่าย จักรพรรดิเป็นที่รู้จักในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่สมปราณจักรพรรดิจะสามารถ สะท้อนกับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี่ได้ ในเวลานั้น ลําธารลมปราณที่มากกว่า 1,300 ลํา ธารได้หลั่งไหลลงบนร่างขององค์ชายสามอย่าง ต่อเนื่อง
T
ผู้เชี่ยวชาญและเสนาบดีได้เคยเห็นภาพนี้มาก่อน แล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่องค์รัชทายาทจะได้รับ ลมปราณจักรพรรดิมากที่สุด พวกเขากังวลเกี่ยวกับจํานวนลมปราณจักรพรรดิที่ เหลือที่พวกศิษย์รุ่นใหม่จะได้รับมากกว่า
ต่อจากนั้น ลมปราณจักรพรรดิที่เหลือก็ได้ลอยไป ทางฉินหนานและคนอื่นๆ ลําธารลมปราณ 98 ลําธารได้เข้าสู่ร่างกายของหลง อู่ มู่เซริงเย็ได้รับไป 73 ลําธาร ในขณะที่ซูเหมิง ได้รับ 60 ลําธาร ในขณะเดียวกันตัวแทนของกอง พันพยัคฆ์ขาวนั่นได้รับไป 65 ลําธาร ส่วนสําหรับคนอื่นๆ นั่นทั้งหมดได้รับน้อยกว่า 50 ลําธาร
แต่ถึงอย่างนั่นก็ตาม ผู้คนต่างตะลึงงันเมื่อเห็น
ลมปราณจักรพรรดิลอยเด่นอยู่เหนือร่างของฉินหนาน
500.
580? ตรงนั้นมีอยู่ 580 ลําธารเรอะ? ไม่มีใครเคยได้รับลมปราณจักรพรรดิได้ถึง 580 ลํา ธารมาก่อนในประวัติศาสตร์ นั่นมันเกือบครึ่งหนึ่งของจํานวนลมปราณที่มอบ ให้กับองค์ชายสามด้วยซ้ําไป ในขณะเดียวกัน ฉันหนานก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ ปลื้มปริมในหัวใจ หลังจากได้รับการเพิ่มพลังจาก ลมปราณจักรพรรดิ ด้วยลมปราณจักรพรรดินี้ มันจะสามารถพัฒนาการ บ่มเพาะของข้าได้!