ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1000
มาถึงวันที่สามแล้วในชั่วพริบตา
ลั่วหานใช้ทุกนาทีอย่างมีค่า เวลาอยู่กับหลงเซียวก็มักจะไปเที่ยวสถานที่ต่างๆด้วยกันให้มากที่สุด ถ่ายรูปคู่กับจุดชมวิวหลายแห่ง
แต่ทว่าเวลายังคงผ่านอย่างรวดเร็วอย่างไม่ไว้หน้าเธอ
คืนนี้เป็นมื้อเย็นมื้อสุดท้ายที่จะกินข้าวด้วยกันแล้ว พรุ่งนี้เช้าเธอจะไปพบผู้ป่วย
ในใจลั่วหานวุ่นวาย เธอหยิบเนกไทกับแขนเสื้อที่เตรียมไว้ออกจากกล่องให้หลงเซียว “สามี คืนนี้ใส่อันนี้เถอะ! พวกเราไปกินข้าว กินเสร็จก็ไปดูหนัง”
หลงเซียวมองเนกไทในมือของเธอกับชุดสูทที่เข้ากันแล้วรับมันด้วยรอยยิ้ม “เธอกลับไปที่โรงแรมโดยเฉพาะเพื่อเปลี่ยนชุดหรอ?”
“ไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว คงจะไม่ใส่ชุดลำลองไปร้านอาหารฝรั่งต่อใช่ไหม?”
มันแปลกจะตายชัก
หลงเซียวถอดเสื้อคลุม “เอาตามที่เธอว่าเลย เลือกร้านอาหารแล้วหรือยัง? อยากดูหนังเรื่องอะไร?”
“เลือกแล้ว ตั๋วหนังก็ซื้อแล้ว เย็นนี้นายทำตามแผนฉันก็พอ ไปเปลี่ยนชุดก่อนเลย!” ดวงตากลมโตลั่วหานมีรอยยิ้มผ่านใบหน้าของเขา เฮ้อ…ตั้งสามเดือน!
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วใส่เสื้อคาร์ดิแกนตัวหนาแล้ว ทั้งสองก็จับมือกันเดินออกจากโรงแรม
คนขับรถรออยู่ข้างนอกแล้ว เขาเปิดประตูโค้งตัวด้วยความเคารพ “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เชิญครับ”
หลงเซียวเลิกคิ้ว “นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอเตรียมมาด้วยหรอ?”
ลั่วหานเงยหน้าแล้วพยักหน้า “วันนี้ให้นายสนุกกับสวัสดิการเหมาทั้งหมด”
“ฉันเต็มใจมาก ลำบากคุณภรรยาแล้ว”
รถเบนท์ลีย์สีดำขับไปบนท้องถนนในลอนดอนอย่างนิ่มนวล แสงไฟนีออนที่สะท้อนบนกระจกสว่างบ้างมืดบ้าง ความรู้สึกโรแมนติกก็แทรกซึมอยู่ในอากาศ
ขณะนั่งอยู่ในรถโทรศัพท์ของหลงเซียวก็สั่นขึ้น
เขาเหลือบมองเวลาข้างบน สายตาก็มองลั่วหานที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอกแล้วจึงเปิดข้อความดู
“บอส คุณชายรองทะเลาะกับหลงถิงที่บริษัทรอบหนึ่งครับ ทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยความไม่พอใจ แต่พอคุณชายรองได้ยินว่าบอสตกลงแผนกธุรกิจการเงินก็ไม่พูดอะไรอีก”
หลงเซียวเอานิ้วแตะหน้าจอเบาๆ “อื้ม”
ดูเหมือนว่าตัวตนของหลงถิงในใจของเสี่ยวจื๋อจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ครืนครืน
โทรศัพท์สั่นขึ้นอีกครั้ง
“บอสครับ ดูเหมือนว่าCresกำลังตามหาบอสอยู่ เขาตรวจสอบเที่ยวบินไปสิงคโปร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าบอสไม่ได้อยู่ขึ้นเครื่องบิน ขั้นต่อไปอาจตรวจสอบเที่ยวบินไปอังกฤษ บอสจัดการธุระเสร็จรึยังครับ? จะกลับเมื่อไหร่?”
อาหย่งไม่กล้าผ่อนคลายกังวลชั่วขณะ เขาคอยจับตามองการเคลื่อนไหวของตลอด เขาพกคอมพิวเตอร์ทุกวันไม่ห่างเพราะกลัวจะพลาดข้อมูลสำคัญ
หลงเซียวพยักหน้าแล้วครุ่นคิด
“ลั่วลั่ว พรุ่งนี้เช้าเธอจะไปหาคนไข้แล้วใช่มั้ย?”
“อื้ม ทำไมเหรอ?”
“เปล่า ฉันจะไปส่งเธอ” หลงเซียวสอดนิ้วบนผมยาวของเธออย่างรักใคร่แล้วเอนศีรษะพิงไหล่เธอ
“พรุ่งนี้ต้องทำงานแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ ต้องทำแล้ว การเจรจายังไม่จบจึงต้องพยายามต่อ”
ร้านอาหารที่นี่ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์กอทิกสูงสีขาวขนาดเล็กริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ร้านนี้เป็นร้านอาหารตะวันตกคุณภาพสูงขนาดเล็กที่ให้ความรู้สึกเหมือนเขาวงกตเล็กๆ การตกแต่งและโครงสร้างภายในเต็มไปด้วยแนวคิดใหม่ๆ
พอลมพัดกระดิ่งลมรูปเปลือกหอยก็ส่งเสียงที่ไพเราะ ร้านอาหารแห่งนี้ไม่มีดนตรีใดๆ มีเพียงเสียงกระดิ่งลมหลายร้อยอันที่แสนไพเราะขับกล่อมเป็นเพลง
“ฉันสั่งอาหารไว้แล้วเดี๋ยวนายลองชิมดู”
ลั่วหานเอามือประสานไว้ที่คาง ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มประดับด้วยรอยยิ้มหวาน
ระยะห่างของหลงเซียวกับเธอถูกคั่นด้วยโต๊ะอาหารแบบตะวันตกที่ยาวและแคบ ในร้านอาหารที่ใหญ่นี้มีเพียงสองคน มีพนักงานเสิร์ฟยืนอยู่ไกลๆ ดอกกุหลาบกับกระดิ่งลมเป็นของประดับประดาห้องโถงให้ความรู้สึกว่าเป็นสไตล์อาหารค่ำใต้แสงเทียน
“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอดูอาหารคืนนี้ เชื่อว่าเธอจะทำให้ฉันประหลาดใจ” หลงเซียวคลี่ผ้าเช็ดปากวางไว้บนตัก
ทันทีที่อาหารเรียกน้ำย่อยอยู่บนโต๊ะโทรศัพท์ของลั่วหานก็ดังขึ้น
เธอขมวดคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ค่อยยินดีนัก เธออยากจะกดวางสายไปเลย แต่หน้าจอดันเป็นเบอร์ของคณบดี
“สามี ฉันไปรับสายนะ”
“อื้ม ไปเถอะ ฉันรอเธอกินด้วยกัน” หลงเซียวตกลงอย่างอบอุ่น ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ลั่วหานเดินไปที่ระเบียงด้านนอก ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี “คณบดีมีอะไรหรือเปล่าคะ? ดูเหมือนว่าวันหยุดของฉันยังไม่หมดลงใช่มั้ยคะ?”
อย่าขัดจังหวะอาหารค่ำใต้แสงเทียนของพวกเขา!
คณบดีเฉินมีสีหน้าตึงเครียด เสียงของเขาสั่น “ฉู่ลั่วหาน ผมเกรงว่าคุณจะต้องไปก่อนแล้วล่ะ ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอกกะทันหัน สงสัยว่าจะมีโรคแทรกซ้อน คุณจะรีบไปไหนภายในครึ่งชั่วโมง ไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”
สมองของลั่วหานหด!
“ครึ่งชั่วโมง? แล้วหมอประจำตัวของเขาล่ะ? โรคหลอดเลือดหัวใจตีบสามารถใช้ยาควบคุมได้ชั่วคราว เขาป่วยมาตั้งนานแล้ว หรือว่าหมอไม่สามารถจัดการกับภาวะแทรกซ้อนขั้นพื้นฐานได้เลยหรอ?”
น่าขันเสียจริง!
หมออะไรกัน! โรงเรียนแพทยศาสตร์ราชวงศ์บ้าอะไร!
“ก็เพราะมันจนปัญญาแล้วไงถึงได้ตามหาคุณฉู่ลั่วหาน ก็แค่หายไปคืนเดียวเองไม่ใช่หรอ? ตอนนี้คนไข้อยู่ในขั้นวิกฤติ คุณช่วยหยุดสิ่งที่ทำอยู่ก่อนได้ไหม?”
คณบดีรีบร้อนจนเหงื่อตกด้วยความกังวล แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกคำสั่งกับลั่วหานโดยตรง
ลั่วหานหันกลับไปมองหลงเซียวที่อยู่บนโต๊ะอาหารแล้วกัดฟัน “คนไข้สำคัญ ฉันจะรีบไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด”
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจง่าย ผมขอขอบคุณคุณแทนคนไข้ด้วย!”
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์เดินไปหน้าหน้าต่างพลางกระซิบ “แม่”
หยวนชูเฟินที่อยู่ ดูรูปในมือ มือผอมออกแรงจับแน่นจนนิ้วสั่นน้อยๆ “เซียวเอ๋อ นี่มันหมายความว่ายังไง?”
เขาไปรู้อะไรมา? ทำไมถึงส่งรูปถ่ายให้เธอเป็นพิเศษ?
หยวนชูเฟินรู้ว่าลูกชายของตนมีความสามารถและฉลาด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เก่งกว่าคนอื่นมาก แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะหาที่นี่เจอ
“ไม่มีความหมายอะไรพิเศษครับ ผมแค่คิดได้ว่าในภาพวาดของแม่มีคฤหาสน์หลังนี้อยู่ พอดีผมบังเอิญเพิ่งผ่านไปเลยถ่ายรูปให้แม่ดูสองสามใบ คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีคนอยู่นานแล้ว ดูรกร้างกว่าในภาพวาดของแม่” หลงเซียวยืดหลังยาว สายตาล้ำลึก เขาพูดดูเหมือนสบายๆ แต่ก็แฝงความคาดหวังในการรอความจริง
หยวนชูเฟินยิ้มแห้งๆ “เซียวเอ๋อสนใจหรือ”
“แม่รู้จักเจ้าของคฤหาสน์นี้มั้ยครับ?”
ถ้าเขาสามารถได้ข้อมูลอะไรจากแม่ เขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้ มิฉะนั้นหากเทียบกับMAXแล้วเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หยวนชูเฟินเม้มริมฝีปากแน่นแล้วหลับตาลง “ไม่รู้จัก”
ดูเหมือนว่าแม่ต้องการจะปกปิด
หลงเซียวเอามือข้างหนึ่งลูบขมับ “แม่ครับ MAXคือใคร?”
หยวนชูเฟินสะดุ้ง!
ความตกใจผ่าลงกลางศีรษะเธอราวกับฟ้าผ่า แรงระเบิดกะทันหันทำให้เธอเสียการทรงตัว ถ้าเธอไม่ได้นั่งอยู่บนโซฟาเธอคงจะล้มลงแล้ว
“ลูก…”
“ผมเจอกับMAX เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ เขายังเป็นสมาชิกของราชวงศ์ด้วย ในตอนนั้นเขามีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางการเมือง โชคร้ายที่ถูกขับออกไป
ว่ากันว่าตอนหนุ่มๆเขาหน้าตาดี แต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วดูเหมือนว่าเขาจะประสบอุบัติเหตุทำให้เขาเสียโฉม
แม่รู้เรื่องนี้มั้ยครับ